หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเวียดนาม Saigon Times นำเสนอข่าวเกษตรกรเวียดนามจำนวนมากในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงเปลี่ยนจากการปลูกข้าวมาปลูก ขนุนพันธุ์ไทย เนื่องจากในช่วงสองปีที่ผ่านมาขนุนพันธุ์ไทยมีราคาสูงขึ้นขณะที่ราคาข้าวยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
โดยข้าวพันธุ์ IR 50404 มีราคาขายกิโลกรัมละ 4,300 – 4,500 ด่ง (ประมาณ 0.19 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสร้างรายได้ให้เกษตรกร เฮกตาร์ละ 30 ล้านด่งต่อปี ในขณะที่ขนุนสายพันธุ์ไทยมีราคาขายกิโลกรัมละ 60,000 – 65,000 ด่ง (2.6 – 2.8 ดอลลาร์สหรัฐ) และสร้างรายได้ให้เกษตรกรเฮกตาร์ละ 600 – 1,200 ล้านด่งต่อปี (25,960 – 51,921 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี)ซึ่งนับว่าสูงเลยทีเดียว
ดร. Luong Ngoc Trung Lap อดีต หัวหน้าฝ่ายวิจัยการตลาดของสถาบันวิจัยผลไม้ภาคใต้และหัวหน้าฝ่ายขายบริษัทผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร Cat Tuong Agricultural Processing and Production กล่าวว่า ราคาขนุนที่สูงขึ้นทำให้เกษตรกรท้องถิ่นโดยเฉพาะในจังหวัดเหิวยาง ซอกจาง และนครเกินเทอ เปลี่ยนมาลงทุนปลูกขนุนพันธุ์ไทยจำนวนมาก ซึ่งมีคุณภาพสูง เติบโตง่าย และเก็บรักษาได้นานกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับขนุนสายพันธุ์เวียดนาม
ปัจจุบันร้อยละ 80 ของขนุนสายพันธุ์ไทยที่ปลูกในเวียดนามถูกส่งออกไปจีน ซึ่งมีความต้องการนำเข้าผลไม้ รวมถึงขนุนในปริมาณมาก อย่างไรก็ตามเวียดนามยังไม่มีนโยบายส่งเสริมการปลูกขนุนที่ชัดเจนและยังไม่มีการวิจัยด้านการตลาดรองรับ
มีข้อสังเกตว่าในปี 2561 เวียดนามส่งออกผักผลไม้มูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.3 เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยส่งออกไปยังจีนมากที่สุดถึงร้อยละ 73 รองลงมา คือ สหรัฐฯ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ มาเลเซีย ไทย และออสเตรเลีย ตามลำดับ
ทั้งนี้ ว่าภายในปี 2563 เวียดนามจะสามารถส่งออกผลไม้มูลค่ากว่า 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผลไม้ (แก้วมังกร กล้วย เงาะ ลองกอง มะม่วง มังคุดและทุเรียน) คิดเป็นร้อยละ 80 ของจำนวนสินค้าการเกษตรเวียดนามที่ส่งออกทั้งหมด นอกจากนี้ในปัจจุบันเวียดนามมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการแปรรูปผักและผลไม้ทั้งหมด 145 ราย มีกำลังการผลิต 8 แสนตันต่อปี และตั้งฐานการผลิตอยู่ในภาคใต้ จำนวน 71 ราย
อย่างไรก็ดี โรงงานแปรรูปผักและผลไม้ยังประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ทำให้ผลิตสินค้าได้เพียงร้อยละ 50 ของกำลังการผลิตจริง ทั้งเกษตรกรเวียดนามยังประสบปัญหาผลิตภาพการผลิตต่ำ โดยสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพียงร้อยละ 60 – 70 ของการเพาะปลูกทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้ทางการเวียดนามพยายามส่งเสริมในหลายด้านให้เกษตรกรเพาะปลูกให้ผลผลิตดียิ่งขึ้น
อ้างอิง : สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333