ไม่รู้ว่าใครออกกฎมานะว่าหน้าร้อนต้องไปทะเล ส่วนหน้าหนาวต้องขึ้นภูไปดูทะเลหมอกเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่หน้าร้อนก็สามารถเที่ยวภูเขาได้และขอบอกว่าความสวยงามก็ไม่แพ้หน้าหนาวเลย งั้นไป “เลย” กันดีกว่า
ใครที่คิดอยากไปเที่ยวขุนเขาตามธรรมชาติ จังหวัดเลย จะผุดขึ้นมาในใจก่อนเสมอ คงเป็นเพราะเลยเป็นเมืองท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยภูเขาสลับซับซ้อนท่ามกลางสายหมอกปก คลุมเหนือยอดภู อุดมไปด้วยพืชพรรณป่าไม้นานาชนิด
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
ทริปนี้เที่ยวไปพักไปใช้เวลา 3 วัน 3 คืน โดยออกจาก กทม.แบบชิลล์ๆ ไม่ต้องรีบร้อนประมาณ 10.30 น. ขึ้นเครื่องไปลงที่ จังหวัดเลย ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที ไม่ต้องเสียเวลาขับรถให้เหนื่อย พอไปถึงก็จ้างรถตู้ที่เค้าท์เตอร์บริการที่สนามบิน (หรือกันพลาดโทรจองก่อนก็ได้) เที่ยวแบบ slow life ได้เกือบ 10 แห่งทีเดียว
**ห้วยกระทิง**
จุดหมายแรกคือ “ห้วยกระทิง” เป็นแก่งขนาดใหญ่ ที่เกิดจากการทอดตัว ของ แนวหิน ลงใน แม่น้ำโขง ประกอบด้วย หินก้อนใหญ่ ๆ เป็นจำนวนมากจากการที่หินเหล่านี้อยู่ใต้น้ำเป็นเวลานาน ทำให้หินเหล่านี้มีสีสันสวยงาม ตัวแก่งกว้างใหญ่เกือบจรด สองฝั่งแม่น้ำโขง มีกระแสน้ำไหลผ่านไป ช่วงเวลาที่เหมาะมาเที่ยวที่สุดคือ เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาที่น้ำแห้ง มองเห็นเกาะแก่งชัดเจน
มาเที่ยวห้วยกระทิงต้องมาจกส้มตำ น้ำตก ปลาเผา บนแพส่วนตัว ปล่อยแพล่องไปตามสายลมเอื่อย ๆ ที่พัดวนรอบ ๆ แก่ง หรือใครที่ร้อนก็โดดน้ำเล่นรอบ ๆ แพได้ อีกกิจกรรมที่นิยมคือใช้บริการเรือนำเที่ยวชมรอบ ๆ แก่ง
**ภูป่าเปาะ**
ภูป่าเปาะตั้งอยู่ไม่ไกลจากแก่งคุดคู้ สมควรแวะเที่ยวอย่างยิ่ง ภูป่าเปาะ เป็นภูที่มีความสูง 900 เมตรจากน้ำทะเล การขึ้นไปถึงจุดชมวิวต้องเช่ารถ ”อีแต๊ก” นั่งโขยกเขยกไปตามถนนลูกรังลาดชันไส้แกว่างไปมาชวนสนุกตื่นเต้นดี ถ้ามาหน้าหนาวนักท่องเที่ยวเยอะมาก แต่มาหน้าร้อน มีนักท่องเที่ยวบางตาข้อดีคือไม่ต้องแย่งมุมถ่ายรูปกับใคร จุดชมวิวสามารถชมวิวทิวทัศน์ของเมืองเลยแบบ 360 องศา ได้เห็นทั้งภูกระดึง ภูหลวง ภูหอ สวนหินผางาม ฯลฯ. แม้จะไม่เจอหมอกแต่รอบ ๆ จุดชมวิวก็มีว่านสี่ทิศหลากสีสันมาแต่งแต้มให้ภูมีความสดชื่นงดงาม
**เชียงคาน**
เชียงคานเป็นเมืองเล็ก ๆ อยู่ริมแม่น้ำโขงสุดชายแดนไทยข้ามไปก็เป็นฝั่งลาวแล้ว ช่วงหน้าหนาวเมืองเล็ก ๆ อย่างเชียงคานแทบแตกเพราะคนกรุงเทพฯแห่กันไปเต็มถนน แต่มาถึงหน้าร้อนเชียงคานมีนักท่องเที่ยวมาเยือนน้อยมาก ถนนเชียงคานจึงน่าเดินเล่นเพื่อสัมผัสกับวิถีเดิม ๆ ที่นักท่องเที่ยวหลายคนยังไม่เคยสัมผัส( เพราะมัวแต่ถ่ายภาพเช็คอิน!) ได้นั่งคุยกับคนเฒ่าคนแก่ที่มาย้อนรำลึกถึงเชียงคานเมื่อ80 ปีก่อนที่บ้านเมืองสร้างด้วยไม้สักทุกหลัง ลาวไทยพี่น้องกันยังพายเรือไปเยี่ยมญาติฝั่งลาวได้
ข้อดีของเชียงคานหน้าร้อนอีกเรื่องคือที่พักราคาถูกมาก เพราะเป็น low season แถมไม่ต้องแย่งที่นั่งตามร้านกาแฟ
ถ้าชอบเชียงคาน ขอแนะนำให้นอนค้าง 2 คืน สลับนอนในเมืองเชียงคานกับนอนนอกเมืองเชียงคาน จะได้อามรณ์ต่างกันลิบลับ เพราะผู้เขียนพักคืนแรกที่อุ่นรักริมโขง รีสอร์ท ซึ่งอยู่นอกเมืองเชียงคาน เป็นรีสอร์ทเงียบสงบร่มรื่นไปด้วยไม้ใหญ่ อยู่ติดแม่น้ำโขง ฝนพรำตอนกลางคืน พอเช้าขึ้นมาหมอกลงจัดจนมองแทบไม่เห็นแม่น้ำโขงเลย
**แก่งคุดคู้**
มีคนเปรียบว่าแก่งคุดคู้เหมือนเมืองตากอากาศของคนเชียงคาน เพราะขับรถออกจากเชียงคานไม่ไกล แม้จะมีภูมิประเทศติดแม่น้ำโขง แต่ความงดงามของแก่งคุดคู้คือวิวของลำนำโขงที่กว้างและทอดตัวยาวขนานไปสองฝั่งไทย-ลาว ในช่วงที่น้ำลดจะเห็นเกาะแก่งน้อยใหญ่ต่างๆ ผุดขึ้นมา โดยมีภูเขาลูกยักษ์ที่ชื่อ “ภูควายเงิน” ตั้งตระหง่านอยู่กลางแม่น้ำ
มาเที่ยวแก่งนี้ควรกะเวลามากินข้าวเที่ยงกัน เพราะมีร้านอาหารทำเป็นเรือนไม้โปร่ง ๆ เรียงเป็นแถวยาวอยู่ริมแก่ง ร้านแนะนำคือ “ กลุ่มสตรีอาหารพื้นเมืองแก่งคุดคู้” อาหารอร่อยทุกจาน เมนูเด็ดส่วนมากทำจากปลาแม่น้ำเอามาทอด ย่าง ยำ อร่อยแซบหลาย และถ้าใครโหดพอขอแนะนำให้ลองเมนูเปิดพิสดาร “กุ้งเต้น” ที่ใช้กุ้งฝอยตัวเป็น ๆ เนื้อใส ๆ บีบมะนาว พริกขี้หนู ข้าวคั่ว คลุกเคล้าลงไป เห็นกุ้งโดนน้ำมะนาวก็กระโดดเด้ง ๆ โหดไปบ้างแต่ขอบอกว่ามันอร่อยมาก
**ภูเรือ**
เมื่อก่อนนักท่องเที่ยวมาที่เลยมักจะแวะภูกระดึงเป็นที่แรก แต่ช่วงหลัง ๆ “ภูเรือ” เริ่มเผยโฉมความงดงามของขุนเขาที่ถูกซ่อนเอาไว้ออกมาอวดนักท่องเที่ยวซึ่งสวยงามไม่แพ้ที่ไหน ภูเรือจึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องมาให้ได้
จุดประสงค์คนมาภูเรือช่วงหน้าหนาวคงมาดูทะเลหมอกที่อุทยานแห่งชาติภูเรือกัน แต่ถ้ามาที่นี่หน้าร้อนไม่มีหมอกให้ดู ขอแนะนำให้ขับรถสบาย ๆ ไปไหว้พระกันดีกว่า ภูเรือหน้าร้อน คนไม่วุ่นวาย ขับรถผ่านแต่ละรีสอร์ทยังเปิดว่างรอนักท่องเที่ยวมาพักร้อนกัน ช่วงหน้าร้อนทิวทัศน์สองข้างทางก็เขียวสดชื่น บางแห่งมีละอองฝนโปรยปรายลงมาพอดับร้อนไปได้
ขับรถขึ้นภูเรือไปไม่นานก็เจอวัดแรก ชื่อวัดป่าห้วยลาด มองจากภายนอกเป็นวัดอลังการงานสร้างมาก พื้นที่กว้างสุดลูกหูลุกตา “ศาลาเฉลิมพระเกียรติ” ที่สร้างเป็นทรงไทยประยุกต์ที่เป็นจุดเด่นของวัดนี้ที่มองเห็นแต่ไกล ภายในเป็นที่ประดิษฐานองค์พระประทาน มีนามว่า “พระสัพพัญญูรู้แจ้งสามแดนโลกธาตุ” สร้างด้วยแคลไซต์ องค์สีขาวบริสุทธิ์
ออกจากวัดป่าห้วยลาด ก็ขับขึ้นภูไปเรื่อย ๆ จะเจออีกวัดหนึ่งที่งดงามไม่แพ้กัน คือวัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง หรือชื่อเดิมวัดพระกริ่งปรเมศร์ ตั้งอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพอันสวยงามของขุนเขาที่ขึ้นสลับซับซ้อน ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมล้านนาผสมหลังคาทรงปั้นหยาที่งดงามมาก โบสถ์วิหารงานไม้สลักอลังการ พระนอน พระวิหาร นาคหัวบันได ล้านแกะจากหินหยกแม่น้ำโขง ภายในเป็นที่ประดิษฐาน องค์พระพุทธรูป พระพุทธเจ้าไภสัชยาคุรุไวฑูรยประภา จอมแพทย์ (พระกริ่งปวเรศ) บรรจุองค์พระบรมสารีริกธาตุเพื่อบรรจุไว้ที่องค์พระปฏิมากรนี้ เชื่อกันว่าเป็นพระพุทธเจ้าที่สามารถรักษาโรคทางกายและโรคทางกรรมของสัตว์โลก ดังนั้นใครที่เจ็บป่วยควรมากราบสักการะเพื่อขอให้ปราศจากโรคภัย
**ถนนคนเดิน**
ปิดท้ายก่อนอำลาทริปเลย ขอแนะนำให้เดินเล่นที่ “ถนนคนเดินเลาะเลย” บริเวณถนนเจริญรัฐ หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองเลย เป็นตลาดใหญ่ที่มีร้านกว่า 300 แห่ง ขายทั้งอาหาร สินค้าพื้นเมือง อยากรู้จักจังหวัด เลย ให้มากกว่านี้ต้องมาเดินที่ตลาดแห่งนี้ มากินอาหารพื้นบ้านแล้วจะรู้ว่าคนเลยกินอยู่อย่างไร
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333