เนื้อหนานุ่ม อร่อยหวานมัน เพราะฉันคือทุเรียนดินภูเขาไฟ

“ทุเรียนดินภูเขาไฟ” หนึ่งเดียวในโลกนี้  ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวศรีสะเกษ ที่เพิ่งจะเปิดตัวสู่ชาวโลกเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ความแปลกก็คือ เป็นต้นทุเรียนที่ปลูกในผืนดินภูเขาไฟที่มอดดับแล้ว ในดินจึงมีแร่ธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตให้ได้ทุเรียนคุณภาพ ส่งผลให้ทุเรียนดินภูเขาไฟจะมีลูกโตลูกหนึ่งน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 2.5 - 5 กิโล

ฉีกพูออก เจอเนื้อทุเรียนสีเหลืองทองอร่าม เปลือกบาง แกะเนื้อออกมาดูจะเจอเม็ดลีบ แต่เนื้อหนามากและแห้ง  กลิ่นหอมของทุเรียนแบบละมุน รสชาติหวานเล็กน้อยแต่ความมันนั้นให้เต็มสิบแบบไม่ลังเลเลย

คุณสมบัติขนาดนี้โดนใจทุเรียนเลิฟเวอร์อย่างแรง  แล้วใครจะอดใจไหวหล่ะ!!!

แต่ทุเรียนดินภูเขาไฟ สามารถปลูกได้เพียง 3 อำเภอของศรีสะเกษเท่านั้นคือ กันทรลักษณ์ ขุนหาญและศรีรัตนะ  อำเภออื่นก็ปลูกไม่ได้  ทั้งนี้เพราะ 3 อำเภอนี้อยู่ในเขต “ภูดินแดง” คือดินร่วนปนทราย  ซึ่งเป็นแนวภูเขาไฟเก่ามีพื้นที่กว้างขวาง อยู่ลึกเข้ามาจากแนวเทือกเขาพนมดง  แต่เดิมปลูกได้แค่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง และกระเทียม  แต่เมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้วมีเกษตรกรนำทุเรียนจากจันทบุรีมาทอดลองปลูก ปรากฏว่าให้ผลโต รสชาติดี จึงเริ่มมีการส่งเสริมให้ปลูก

ทุเรียนดินภูเขาไฟนำสายพันธุ์จากจันทบุรีมาปลูกมีหลากหลาย ทั้งทุเรียนหมอนทอง ชะนี ก้านยาว พวงมณี และล่าสุดกำลังนำพันธุ์นกกระจิบมาทดลองปลูก

ปัจจุบันทุเรียนดินภูเขาไฟ กำลังได้รับความนิยมจากนักชิมทั้งคนไทยและยังกลายเป็นสินค้าส่งออกที่นักเปิบทุเรียนต่างชาติแย่งชิงโควต้ากันอย่างดุเดือด  ดังนั้นนอกจากเกษตรกรทั้ง 3 อำเภอที่ใส่ใจในการดูแลและบำรุงต้นกันแล้ว  ยังมีหน่วยราชการอื่น ๆ เข้ามาช่วยเหลือ อาทิ นักวิชาการจากสำนักงานเกษตรอำเภอและจังหวัด ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ หรือหมอดินอาสาในชุมชน เพื่อมาช่วยให้ผลิตทุเรียนในระบบเกษตรดีที่เหมาะสม หรือ GAP (Good Agricultural Practice) เพื่อให้ได้ทุเรียนดีมีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดผู้บริโภค และได้รับการส่งเสริมพัฒนาการผลิตทุเรียนเพื่อให้ได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพ คิว (Q) ที่บ่งบอกว่าเป็นทุเรียนคุณภาพดีได้มาตรฐาน

ตอนนี้ทุเรียนดินภูเขาไฟจึงไปไกลกว่าทุเรียนจังหวัดอื่น ๆ แล้ว เพราะเป็นทุเรียนที่ได้รับการับรอง GAP   แถมทุเรียนทุกลูกยังติดป้ายรับประกันคุณภาพโดยกลุ่มผู้ปลูกทุเรียนและสามารถตรวจสอบได้จาก QR Code อีกด้วย ทันสมัยจริง ๆ

ใครสนใจจะไปชิม  ขอให้อดใจรบแพร๊บ  เพราะทุกเรียนดินภูเขาไฟจะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดในเดือนมิถุนายนไปจนถึงปลายกันยายน ช่วงปลายเดือนมิถุนายน ทางจังหวัดจะเทศกาลทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ อาเซี่ยนเทรดแฟร์ เพื่อให้เกษตรกรเจ้าของสวนเจรจาการค้ากับเอกชนเพื่อรับซื้อทุเรียนในสวนเพื่อการส่งออก และถือเป็นฤกษ์ดีเดย์ของการวางตลาดด้วย

ส่วนปีนี้ได้ข่าวว่าพายุฝนถล่มสวนทุเรียนดินภูเขาไฟศรีสะเกษได้รับความเสียหายมาก  ทำให้ทุเรียนที่ติดผลแล้วร่วงเป็นจำนวนมาก

ถ้าอยากกินทุเรียนภูเขาไฟให้ได้รสชาติขอแนะนำให้ขับรถบุกไปชิมกันที่สวนเลย  เพราะถ้าช่วงเทศกาลจะมีนักท่องเที่ยวจัดทัวร์ไปชิมตามสวนของเกษตรกรกันอย่างคึกคัก แนะนำสวนพ่อวรรณา บ้านซำขี้เหล็ก , สวนแม่สำเนียง บ้านชำตารมย์  , สวนทศพล อ.กัณทรลักษณ์ , และสวนลุงเสริม อ.ขุนหาญ ราคาหน้าสวนประมาณ 120-250 บาท ( ขึ้นอยู่กับผลผลิตในแต่ละปีด้วย) โดยเจ้าของสวนทุกสวนยินดีต้อนรับลูกค้าทุกคนที่มาเยือน เลือกทุเรียนสายพันธุ์ที่ชอบ เนื้อที่ใช่ แล้วแกะกินกันใต้ต้นทุเรียนเลย ถือเป็นประสบการณ์ดี ๆ ของทุเรียนเลิฟเวอร์ที่ไม่มีวันลืมกันเลย

ส่วนปีนี้ได้ข่าวว่าพายุฝนถล่มสวนทุเรียนดินภูเขาไฟศรีสะเกษได้รับความเสียหายมาก  ทำให้ทุเรียนที่ติดผลแล้วร่วงเป็นจำนวนมาก  น่าเสียดายสุดๆ