ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และทีมวิจัย คาดการณ์ 10 เทคโนโลยีใหม่ในอนาคต ที่ผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไป ต้องเตรียมตัวที่จะรับผลกระทบทั้งในชีวิตประจำวัน สังคม และเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นแนวทางให้กับนักวิจัยและ Startup ได้นำมาใช้ประโยชน์ต่อยอดเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย
1. สารอาหารเสริมสุขภาพ (Phytonutrients) ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพจากการออกกำลังกายและการเลือกรับประทานอาหารเสริมกำลังเป็นที่นิยม เทคโนโลยีปัจจุบันก็เอื้อต่อการพัฒนากระบวนการผลิต เช่น ทำสารอาหารในรูปแบบ แคปซูล แท่ง หรือละลายน้ำ และเทคโนโลยียังช่วยสกัดสารให้มีคุณภาพของสารอาหารที่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน
2. เนื้อสัตว์ไม่ต้องฆ่า (Cellular Agriculture) แนวคิดการผลิตเนื้อสัตว์จากเซลล์แบบนี้ มาจากความต้องการผลิตเนื้อสัตว์แบบยั่งยืน ปราศจากโรคติดต่อจากสัตว์ การผลิตเนื้อสัตว์จากเซลล์จะช่วยลดการทำปศุสัตว์และลดปริมาณการคร่าชีวิตสัตว์เท่านั้น แต่ยังช่วยลดการแพร่กระจายโรคติดต่อจากสัตว์สู่มนุษย์ให้น้อยลง ทั้งยังช่วยให้ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมกลับมาสมบูรณ์มากขึ้นอีกด้วย
3. จุลินทรีย์ผลิตสารมูลค่าสูงจากอากาศ (From-Air-To-Chemicals Bacteria) เทคโนโลยีที่สามารถใช้คาร์บอนไดออกไซด์จากจุลินทรีย์นำมาผลิตเป็นสารออกฤทธิ์ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์แทนพลังงานได้ และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ซึ่งโอกาสของประเทศไทยในการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์ก็ถือว่ามีมากพอสมควร สวทช. ระบุว่าไทยเป็นประเทศอันดับ 8 ของโลก ที่มีการเก็บสะสมปริมาณจุลินทรีย์สูงสุด
4. บรรจุภัณฑ์กินได้ (Edible Packaging) บรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติก โพลิเมอร์ และโฟม ที่ย่อยมากและสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรงกำลังจะหมดไป เพราะเทคโนโลยีสามารถสร้างบรรจุภัณฑ์ที่มาจากผลผลิตทางการเกษตร หลายหน่วยงานเริ่มมีแนวคิดที่จะผลิตบรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติที่สามารถรับประทานได้ เพราะจะช่วยลดปริมาณขยะและไม่ส่งมลพิษเสียต่อสิ่งแวดล้อม
5. ถุงปลูกช่วยเพิ่มผลผลิต (Nonwovens for Agriculture) ปัจจุบันกระบวนการผลิตที่ต้องเริ่มต้นจากการถักทอเส้นใยก่อน (wovens) แต่ในอนาคตเราจะสามารถนำเส้นใยมาขึ้นรูปได้เลย สินค้าจากกระบวนการนี้ที่สังเกตได้ง่ายที่สุดก็คือหน้ากากอนามัย ผ้าอนามัย ที่ผ่านมา สวทช. ได้มีการจับมือกับมหาวิทยาลัยนเรศวรในการพัฒนาถุงปลูกจากกระบวนการ Nonwovens มาแทนถุงปลูกที่ใช้โพลิเมอร์แบบเดิม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าทำให้พืชผลที่ได้จากการเก็บเกี่ยวมีคุณภาพที่ดีขึ้นถึง 50% ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการเกษตรของประเทศไทยในอนาคต
6. หุ่นยนต์หมอนาโน ช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (Medical Nanorobot) เป็นเทคโนโลยีการแพทย์ที่ใช้การลำเลียงเซลล์เข้าไปยังส่วนของร่ายกายเฉพาะจุดที่ต้องการจะรักษาของร่างกาย Nanorobot จะเปลี่ยนแปลงสเต็มเซลล์เป็น T-Cell ที่ใช้ในการนำยารักษาเข้าไปและกระตุ้นอนุภาคนาโมรักษาร่างกาย เทคโนโลยีนี้จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการแพทย์และการรักษาเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. เข็มฉีดยาจิ๋ว (Nano Needle) เป็นเทคโนโลยีที่จะสร้างเข็มฉีดยาที่มาขนาดเล็ก 0.1 มิลลิเมตร ซึ่งทำให้การฉีดยารักษาต่างๆ ไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป ตัวเข็มสามารถเจาะเข้าถึงเนื้อเยื่อชั้นใน และปล่อยยาเข้าสู่ร่างกายเพื่อรักษาได้เหมือนเข็มฉีดยาปกติทั่วไป ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาและทดลองใช้เทคโนโลยีเข็มจิ๋มในการรักษาผู้ป่วยแล้ว
8. บล็อกเชนเพื่อสุขภาพ (Blockchain for Health) ส่วนใหญ่เรื่อง Blockchain จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจซะส่วนใหญ่ แต่ในอนาคต Blockchain for Health จะมีบทบาทในการแพทย์ที่จะช่วยแบ่งปันข้อมูลต่างๆ ระหว่างผู้ใช้บริการ สถานประกอบการ และโรงพยาบาลเข้าด้วยกัน ที่จะสามารถช่วยให้การทำงานทางการแพทย์สามารถทำงานร่วมกันได้เพื่อประโยชน์สูงสุดในการรักษา
9.โรงยิมสมอง (Brain Gym) Brain Gym คือ เทคโนโลยีที่จะช่วยบำบัดความบกพร่องในการทำงานของสมองมนุษย์ การทำงานของเทคโนโลยีคือจะช่วยพัฒนาและฟื้นฟูการทำงานของสมอง ผ่านเครื่องมือที่เป็นโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันในการรักษา ปัจจุบันประเทศไทยก็มีการรักษาของ Cognitive Fitness Center ที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นโปรเจกต์การฟื้นฟูสมองด้วยเทคโนโลยี ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สวทช.
10. พิมพ์ฟังก์ชัน 3 มิติในวงการอุตสาหกรรม (Functional 3D Printing) การพิมพ์แบบ 3D Printing จะใช้วัสดุที่เป็นโพลิเมอร์ ทำให้ผลผลิตไม่ได้ออกมาตามที่ต้องการและไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ แต่อนาคตการใช้ 3D Printing สามารถนำวัสดุที่ใช้ในการผลิคที่สามารถนำไฟฟ้าได้ทำให้เป็นประโยชน์ต่อวงการอุตสาหกรรม ทำให้สามารถผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนต่างๆที่เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์
ทั้ง 10 เทคโนโลยีในอนาคตที่น่าจับมามอง ส่วนใหญ่จะเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องของอาหาร การแพทย์ และการดูแลสุขภาพ โดยมีการเอาเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทหน้าที่มากขึ้น นักลงทุนเมื่อเห็นเทรนด์เหล่านี้แล้วก็ลองทำความเข้าใจทิศทางในอนาคตเพราะเทคโนโลยีเหล่านี้อาจจะเข้าไปเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจหลายประเภทที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และข้อมูลเหล่านี้จะมีสำคัญสำหรับคนทั่วไปเช่นกัน เพื่อให้ทันรับมือกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะเทคโนโลยีใกล้ชิดกับเราอย่างมากโดยคาดไม่ถึงในทุกมิติของชีวิต