ไม่ดูตอนนี้ รู้อีกทีปีหน้า! ส่องเทรนด์ธุรกิจมาแรง ที่ SME ห้ามพลาดใน ปี 66

หลังจากไทยเผชิญการระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ผู้คนปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต หลายหน่วยงานที่เกี่ยวกับธุรกิจการค้าต่างออกมาวิเคราะห์เทรนด์ธุรกิจที่มาแรงในปี 2566 เพื่อใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจในการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ ส่วนเทรนด์ไหนยังเป็นดาวเด่น เทรนด์ไหนไปต่อไม่ไหว Bangkok Bank SME รวบรวมข้อมูลไว้ให้ในบทความนี้แล้ว ไปดูกันเลย 

เริ่มจาก กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่วิเคราะห์แนวโน้มของธุรกิจปี 2566 โดยนำข้อมูลธุรกิจปี 2565 มาวิเคราะห์ร่วมกับสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ งบการเงินและผลประกอบการ ปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ทางธุรกิจ พบว่า เทรนด์ธุรกิจที่มีทิศทางสดใส ในปี 2566 มี 8 ธุรกิจ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบไปด้วย

กลุ่มที่ 1 ธุรกิจเกี่ยวกับ ไลฟ์สไตล์ ผู้บริโภคยุคใหม่เน้นความสะดวกสบายมากขึ้น แบ่งเป็น 4 ประเภทธุรกิจ คือ 

1.ธุรกิจอาหารแช่แข็ง โดยปี 2565 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 99 ราย เพิ่ม 87% จากปี 2564 ทุนจดทะเบียน 321 ล้านบาท 

2.ธุรกิจสุขภาพและความงาม เช่น บริการทางการแพทย์ สปาและความงาม และสถานที่ออกกำลังกาย ปี 2565 จัดตั้งใหม่ 1,265 ราย เพิ่ม 70% ทุนจดทะเบียนรวม 2,787 ล้านบาท 

3.ธุรกิจยาสมุนไพร เช่น ปลูกพืชที่ใช้เป็นยารักษาโรค ขายเภสัชภัณฑ์และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ปี 2565 จัดตั้งใหม่ 2,126 ราย เพิ่ม 8% ทุนจดทะเบียนรวม 4,992 ล้านบาท

4.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง เช่น รับดูแลสัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์ ปี 2565 จัดตั้งใหม่ 468 ราย เพิ่ม 36% ทุนจดทะเบียน 2,796 ล้านบาท

กลุ่มที่ 2 ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว การประชุม การจัดเลี้ยง เป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด 19 นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมการจัดการประชุมและงานแสดงสินค้าในประเทศ การเปิดประเทศของจีน โดยธุรกิจที่มีแนวโน้มดี 2 ประเภท คือ 

1.ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เช่น นำเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต เกสต์เฮาส์ ร้านอาหาร และที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยปี 2565 จัดตั้งใหม่ 4,852 ราย เพิ่ม 82% ทุนจดทะเบียนรวม 11,003ล้านบาท 

2.ธุรกิจเกี่ยวกับการจัดงาน การประชุม กิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดเลี้ยง จัดประชุม การแสดงธุรกิจ/สินค้า โดยปี 2565 จัดตั้งใหม่ 1,830 ราย เพิ่ม 20% ทุนจดทะเบียนรวม 2,773 ล้านบาท

กลุ่มที่ 3 ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม จากเทรนด์ตลาดโลกแข่งขันพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่า มีธุรกิจที่เกี่ยวข้อง 2 ประเภท คือ 

1.ธุรกิจการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การนำวัสดุที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ การให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม โดยปี 2565 จัดตั้งใหม่ 133 ราย เพิ่ม 51% ทุนจดทะเบียนรวม 405 ล้านบาท 

2.ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า เช่น ผลิตยานยนต์ส่วนบุคคลและยานยนต์ชนิดอื่น ๆ รวมถึงผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แบตเตอรี่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ปี 2565 จัดตั้งใหม่ 62 ราย เพิ่ม 55% ทุนจดทะเบียนรวม 5,923 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 65 ธุรกิจ 8 ประเภทคงอยู่รวมกัน 94,035 ราย ทุนจดทะเบียนสูงถึง 1,326 ล้านล้านบาท.

ขณะที่ผลสำรวจของ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ออกมาระบุ 10 ธุรกิจดาวรุ่งปี 2566 ไว้ดังนี้

1. ธุรกิจการแพทย์และความงาม ยังครองอันดับ 1 ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน โดยมีปัจจัยบวกจากโควิด-19 การเติบโตของสังคมผู้สูงอายุ และความต้องการดูแลเรื่องความสวยความงามและผิวพรรณ

2. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ช้อปปิ้งออนไลน์ ธุรกิจที่ซื้อ-ขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจโซเชียลมีเดียและออนไลน์ เอนเตอร์เทนเมนต์

3. ธุรกิจด้านฟินเทค (Fintech) และการชำระเงินผ่านระบบเทคโนโลยี งานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า ธุรกิจอีเวนต์ ที่กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

4. ธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจ YouTuber การรีวิวสินค้า และอินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงธุรกิจโฆษณาและสื่อออนไลน์

5. ธุรกิจแพลตฟอร์ม ธุรกิจตัวกลางหรือตลาดกลางด้านอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจ Matching เช่น แพลตฟอร์มหาคู่ สั่งอาหาร แพลตฟอร์มเรียกรถ เป็นต้น

6. ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต ธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืน ผับ บาร์ คาราโอเกะ

7. ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โมเดิร์นเทรด ร้านค้าปลีกสมัยใหม่

8. ธุรกิจโลจิสติกส์ เดลิเวอรี่ คลังสินค้า ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ เช่น น้ำ เครื่องซักผ้า อาหาร และอื่น ๆ

9. ธุรกิจ E-Sports และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจอาหารเสริม ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์

10. ธุรกิจยานยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจความเชื่อความศรัทธา สายมูเตลู ธุรกิจบันเทิง เช่น ละคร ซีรีส์วาย ธุรกิจที่เกี่ยวกับซอฟต์เพาเวอร์ และธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชา ใบกระท่อม กัญชา 

สอดรับกับการวิเคราะห์ข้อมูลของ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ที่ระบุว่า กลุ่มธุรกิจกลับมาฟื้นตัว ส่วนใหญ่ได้รับผลจากการเปิดประเทศรวมทั้งพฤติกรรมประชาชนหลัง โควิด 19 ได้แก่ เกสต์เฮ้าส์ รีสอร์ท ร้านขายของที่ระลึก โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแนววิถีชุมชน ธุรกิจด้านบันเทิง ได้แก่ ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บาร์และดิสโก้เทค ธุรกิจด้านจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซอฟแวร์และเกม ธุรกิจบริการจัดเลี้ยงและให้เช่าอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจขายของมือสองและซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ ธุรกิจโหราศาสตร์และความเชื่อหรือธุรกิจสายมู ที่เติบโตต่อเนื่อง 

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าหน่วยงานด้านเศรษฐกิจการค้าประเมินเทรนด์และธุรกิจที่มาแรง น่าลงทุน สอดรับเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีธุรกิจใหม่ ๆ ที่ไม่ติดอันดับในปีก่อน แต่กลายมาเป็นธุรกิจดาวรุ่งในปี 2566 เช่น ธุรกิจ Matching, ธุรกิจความเชื่อ, ธุรกิจตู้หยอดเหรียญ, ธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา ใบกระท่อม เป็นต้น

สำหรับธุรกิจที่ต้องเฝ้าระวังในปี 2566 ได้แก่ ธุรกิจหอพักนักศึกษา จากการปรับรูปแบบเรียนออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จากการระมัดระวังการใช้จ่ายซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจจำหน่ายและซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสอง นอกจากนี้ ธุรกิจฟิตเนสแบบ Indoor ที่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมผู้บริโภคหลังโควิด -19 ที่เน้นการออกกำลังกายในบ้านหรือกลางแจ้งมากขึ้น

 ขณะที่ธุรกิจดาวรุ่งที่ร่วงลงมาในปีนี้ ได้แก่ ธุรกิจฟอกย้อม ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และวารสาร หนังสือพิมพ์ที่เป็นรูปแบบกระดาษ, ธุรกิจผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ไร้ฝีมือ หรือเสื้อผ้าโหล, ธุรกิจขายตรง, ธุรกิจคริปโตฯ, ธุรกิจร้านโชห่วย 

สะท้อนให้เห็นว่า การที่ธุรกิจจะเติบโตหรือถดถอยนั้น มีปัจจัยสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคและคุณภาพสินค้า รวมถึงภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น ความสามารถในการปรับตัวของ SME จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ที่จะนำพาให้ธุรกิจอยู่รอดอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จากการจัดทำดัชนีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของ SME ของ สสว. พบว่า ค่าดัชนีของวิสาหกิจขนาดย่อยและขนาดย่อม ยังมีระดับความรู้ ทักษะ และทัศนคติของผู้ประกอบการที่สะท้อนถึงการปรับตัวได้ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และเข้าถึงการรับรู้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ต่ำกว่าค่าดัชนีของวิสาหกิจขนาดกลาง

 

สรุปได้ว่าเทรนด์ธุรกิจที่ติดอันดับธุรกิจที่น่าลงทุนในปี 2566 มาจากกระแสสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบความสะดวกสบาย รวดเร็ว รวมถึงการประหยัดพลังงาน และกระแสรักษ์โลก จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ SME ต้องปรับตัวให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของเทรนด์เหล่านี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและมั่นคงให้กับธุรกิจตัวเองต่อไปในอนาคต 

ที่มา

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

https://www.dbd.go.th/dbdweb56/news_view.php?nid=469423412

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1043626