‘King the Land’ เชื่อมโยงอาหาร-วัฒนธรรม เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทย

นาทีนี้ คงไม่พูดถึงไม่ได้ สำหรับซีรีส์เกาหลี  ‘King The Land’  ที่นอกจากความสนุก ชวนติดตามแล้ว ยังมีเรื่องราวของเนื้อหา (EP.10) ที่เชื่อมโยงถึงทริปท่องเที่ยวต่างประเทศเพื่อจูงใจพนักงานของบริษัทที่ทำผลงานดี โดยทีมงานเลือกมาถ่ายทำในประเทศไทย และได้เก็บภาพบรรยากาศของผู้คน ที่พัก ร้านอาหาร รวมถึงสถานที่ต่าง ๆ อย่างสวยงามและน่าประทับใจอย่างยิ่ง จนได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลาม

ซีรีส์เกาหลี King The Land ดึงดูดผู้ชมด้วยนักแสดงนำซึ่งเป็นไอดอลชื่อดัง คือ "อีจุนโฮ" (Lee Junho) วง 2PM และ “อิมยุนอา” จากวง Girls' Generation ซึ่งทั้ง 2 นักแสดงนำ รวมทั้งตัวละครในเรื่องหลายคนได้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วย ซึ่งทีมนักแสดงได้ถ่ายทอดวัฒนธรรมไทย 

โดยเฉพาะฉากรับประทานอาหารที่มีทั้งบรรยากาศของ Street Food ยามค่ำคืนที่นักท่องเที่ยวต่างชาติล้วนอยากมาสัมผัสสักครั้ง  ไปจนถึงฉากการดินเนอร์สุดหรูบน Rooftop มองเห็นวิวกรุงเทพฯ สุดตระการตา ที่ Vertigo & Moon Bar โรงแรม Banyan Tree รวมทั้งสถานที่อย่าง วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นอีกหนึ่งในโลเคชั่นที่ถูกพูดถึงความสวยงาม และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ไปสู่สายตาชาวโลกได้เป็นอย่างดี 

ไม่นับรวมฉากที่พระเอกของเรื่อง นำของฝากจากไทยไปให้คุณย่าของนางเอกอย่าง ‘ยาหม่องตราเสือ’ ที่แม้จะผลิตที่ประเทศสิงคโปร์ แต่นับได้ว่าเป็นสินค้าตัวตึง ที่ใครมาเที่ยวไทย ต้องหิ้วติดไม้ติดมือไปเป็นของฝากยอดฮิตแทบทุกราย  ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักยิ่งขึ้น 

สำนักข่าว Korea JoongAng Daily   ระบุว่า  K-pop (เพลงป๊อปของเกาหลีใต้) เป็นปัจจัยที่ส่งอิทธิพลต่อการรับรู้เกี่ยวกับ K-Food (อาหารของเกาหลีใต้) และส่งผลให้ความนิยมอาหารเกาหลีขยายตัวมากขึ้น ในอดีต การส่งเสริมอาหารเกาหลีมักดำเนินการโดยรัฐบาลหรือคนเกาหลีเอง โดยเน้นไปที่เมนูทั่วไปที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว เช่น คิมจิ บิบิมบับ บุลโกกิ แต่ปัจจุบัน กระแสเกิดขึ้นจากคนที่อาศัยอยู่นอกประเทศเกาหลีที่รักและชื่นชอบต่อคนดังเกาหลี และวัฒนธรรมเกาหลีทั่วไป 

ยกตัวอย่างเช่น คุณ Mai ยูทูปเบอร์ชื่อดังชาวเอสโตเนียวัย 24 ปี เจ้าของช่อง YouTube ที่ชื่อว่า Kimchi Ghost Mai กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอรัก K-pop และอาหารเกาหลี เป็นเพราะเพลง “Dope” ของ BTS ในปี 2558 ปัจจุบัน ในช่องยูทูบของเธอ มีวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับเกาหลี เช่น อาหาร เพลง และเสื้อผ้า

ขณะที่ Buldak Ramen บะหมี่สำเร็จรูปพร้อมรับประทานแบบเผ็ดมาก เป็นที่นิยมสำหรับชาวเกาหลีวัยรุ่น แต่ยังไม่เป็นที่นิยมในนอกประเทศมากนัก จนกระทั่งสมาชิกวง BTS โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีมิน ได้นำเสนอภาพเขากำลังรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยและลำบาก 

ในขณะเดียวกัน ทำให้ความนิยมเพิ่มสูงขึ้น หลังจากนั้น เกิดกระแส “Buldak Mukbang Challenge” ที่ขยายไปยังสตรีมเมอร์ และครีเอเตอร์บน YouTube ทำให้เกิดคลิปวีดีโอ Challenge รับประทานบะหมี่เผ็ด Buldak อื่น ๆ ตามมามากกว่า 1,000 คลิป เช่น ยูทูปเบอร์นักเรียนมัธยมปลายชาวอังกฤษที่ทดลองรับประทานบะหมี่เผ็ด Buldak และ ยูทูปเบอร์ ที่ชื่อว่า Carrott ได้นำเสนอเนื้อหาวิดีโอที่ให้คนรู้จักลองรับประทานบะหมี่เผ็ด Buldak ซึ่งวิดีโอดังกล่าวได้รับความสนใจมหาศาลและมียอดวิวทะลุ 10.1 ล้านครั้ง

โฆษกของบริษัท Samyang Foods กล่าวว่า “เราได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีก เนื่องจากจีมิน วง BTS ได้รับประทานบะหมี่เผ็ด Buldak ของเราระหว่างกำลังไลฟ์สด” และกล่าวเสริมอีกว่า “เรากำลังพยายามเชื่อมโยง K-culture (วัฒนธรรมเกาหลี) กับแบรนด์ของเรา เพื่อที่สร้างความร่วมมือกัน เช่น การให้การสนับสนุนคอนเสิร์ตของ BTS ที่ Las Vegas หรือที่ London East Asia festival เมื่อปีที่แล้ว และโปรโมตแบรนด์ของเราในงานดังกล่าว”

Korea JoongAng Daily   ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า ไลน์สินค้าบะหมี่เผ็ด Buldak ของบริษัท Samyang Foods ได้กลายเป็นสินค้าส่งออกหลักที่ครองส่วนแบ่งยอดขายจำนวนมากของบริษัท รายได้ของ Samyang ในปี 2565 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มีรายได้เพิ่มขึ้น 41.6% โดยมีมูลค่าถึง 9.09 แสนล้านวอน ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 38.3% เป็นมูลค่าถึง 9.04 หมื่นล้านวอน ทางบริษัททราบดีว่าความนิยมที่เพิ่มขึ้นของกระแสความชอบเกาหลี และความนิยมของสินค้าบะหมี่เผ็ดนั้นได้เติบโตขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

จากรายงานของ Kyung Hee University Center for Hospitality & Tourism Analytics การเติบโตของอุตสาหกรรม K-food  มีแนวโน้มจะดำเนินต่อไป และหากรวมกับอิทธิพลทางอ้อม ก็จะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยคาดว่าอุตสาหกรรม K-food จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อปีถึง 23 ล้านล้านวอน ผ่านการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าอุตสาหกรรมอาหารเกาหลีเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในระดับโลก ซึ่งในอนาคตจำเป็นที่จะต้องมีกลยุทธ์เพิ่มมากขึ้น โดยใช้ K-content เป็นเครื่องมือในการนำเสนอ เพื่อที่จะทำให้ K-food เป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล เผยว่า K-pop และ K-culture มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคทั่วโลกอย่างมาก มีการนำดารา นักแสดง และภาพยนตร์ของเกาหลีมาเชื่อมโยงกับสินค้าต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าอาหาร เนื่องจากเป็นสิ่งที่ต้องบริโภคทุกวัน และเป็นช่องทางที่จะทำให้ผู้บริโภครู้จักและอยากทดลองชิมอาหารใหม่ ๆ ยิ่งเป็นการแนะนำโดยดารา นักแสดง หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นที่ชื่นชอบอยู่แล้ว จะทำให้เกิดการยอมรับเกี่ยวกับสินค้าและแบรนด์ได้ง่ายขึ้น 

ปัจจุบัน หลังจากที่ดารา หรือนักแสดงได้โปรโมตสินค้าผ่านสื่อต่าง ๆ ไปแล้ว ยังมีกระแสต่อเนื่อง โดยผู้ที่ชื่นชอบในดารา นักแสดงเหล่านั้น ซึ่งส่วนมากไม่ใช่ชาวเกาหลี ยังผลิตคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการดังกล่าวและประชาสัมพันธ์ไปในประเทศของตนอีกด้วย

หากพูดถึงศิลปินสัญชาติไทยที่สร้างชื่อเสียงระดับโลกอย่าง "ลิซ่า BLACKPINK" หรือ ลลิษา มโนบาล ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่สร้าง “Power” ให้ทุกอย่างรอบตัวอยู่เสมอ เพราะไม่ว่า ลิซ่า จะหยิบจับ รับประทาน หรือทำกิจกรรมอะไรก็ตามแล้วโพสต์ลงแพลตฟอร์มโซเชียล ที่มีผู้ติดตาม  96.2M คน  สิ่งนั้นเตรียม Sold out ได้เลย 

เพราะทุกโพสต์ของ ลิซ่า จะกลายเป็นกระแสที่ทุกคนพูดถึง พร้อมการตามรอยจากบรรดาผู้ติดตามอยู่เสมอ กลายเป็นเทรนด์ที่แม้จะเป็นระยะสั้น ๆ แต่ทรงพลัง และสร้างให้เกิดยอดขายได้อย่างล้นหลาม ทั้งยังผลักดันการท่องเที่ยวของไทย ไม่ว่าจะเป็น ลูกชิ้นยืนกิน การสวมใส่ผ้าไทย การเดินทางกลับไทยและไปรับประทานหมูกระทะร้านดัง การโพสต์ภาพโรตีสายไหม เป็นต้น 

และล่าสุด กับเหตุการณ์ที่ทำเอาร้านน้ำส้มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อ ‘ลิซ่า’ ได้โพสต์รูปตนเองขณะกำลังนั่งดื่มน้ำส้ม พร้อมด้วยแคปชั่นอีโมจิรูปผลส้ม เกิดเป็นกระแสที่หลายคนพูดถึง และโพสต์ดังกล่าว มีผู้กดไลก์กว่า 10.7 ล้านครั้ง โดยมีผู้แสดงความคิดเห็นกว่า 8.7  หมื่นคอมเมนต์ 

ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล ระบุว่า ในส่วนของประเทศไทย ซึ่งมีชื่อเสียงด้านอาหารอยู่แล้ว ควรจะต้องเน้น Soft power ของไทย ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการโปรโมตสินค้าอาหารไทย โดยอาจจะร่วมมือกับผู้ผลิตคอนเทนต์เกาหลี เช่น ละครซีรีส์ต่างๆ 

โดยล่าสุดกับ ซีรีส์เรื่อง King the Land ที่มาถ่ายทำในประเทศไทย ส่งผลให้สถานที่ท่องเที่ยวไทย รถตุ๊กตุ๊กไทย และอาหารไทย ได้เผยแพร่สู่ชาวโลก คาดว่าจะช่วยให้เกิดการรับรู้เกี่ยวกับประเทศไทยและอาหารไทยในต่างประเทศมากขึ้น และสร้างกระแสความนิยมในอาหารและสินค้าไทยให้อยู่ต่อเนื่อง

อ้างอิง :

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล

(ที่มา : สำนักข่าว Korea JoongAng Daily ฉบับวันที่ 19 กรกฎาคม 2566)

https://www.ditp.go.th/post/139242

https://tdri.or.th/2022/04/global-soft-power-index-2022/