‘LED Farm’ โรงงานผลิตพืชด้วยหลอดไฟ ฟาร์มผักพันธุ์ใหม่ เอาใจคนรักสุขภาพยุคดิจิทัล
จากธุรกิจผลิตหลอดไฟ LED ต่อยอดสู่การพัฒนาด้านการผลิตอาหารและนวัตกรรมการแปรรูปสินค้าเกษตรออร์แกนิก แบรนด์ ‘แอลอีดี ฟาร์ม’ (LED Farm) ที่มุ่งสร้างมาตรฐานสินค้าเกษตรคุณภาพ เพิ่มมูลค่าเน้นเจาะตลาดคนรักสุขภาพ เมื่อผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพ ต้องการอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย มากขึ้น
บทความนี้ Bangkok Bank SME อยากชวนมารู้จักฟาร์มผักไร้สารใจกลางเมืองที่ใช้หลอดไฟแทนแสงอาทิตย์ ผ่านมุมมองของ คุณยวิษฐา คนธรรพ์สกุล กรรมการผู้จัดการ LED Farm ที่ใช้นวัตกรรมสร้างอาหารรูปแบบใหม่รับเทรนด์สุขภาพยุคดิจิทัล ทำให้มีผักสดคุณภาพดี แถมควบคุมสารอาหารได้ ให้ผู้บริโภคสายรักสุขภาพได้รับประทานกันตลอดทั้งปี
จากผู้ผลิตหลอดไฟ สู่ โรงงานผลิตผักสดคุณภาพสูง
คุณยวิษฐา คนธรรพ์สกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลอีดี ฟาร์ม จำกัด เล่าความเป็นมาของธุรกิจให้ฟังว่า LED Farm เป็นธุรกิจผลิตจอภาพและหลอดไฟ LED ต่อมาคุณพ่อ (คุณชิงชัย คนธรรพ์สกุล) ไปเห็นโมเดลการปลูกพืชด้วยหลอดไฟแอลอีดีจากประเทศญี่ปุ่น ที่เรียกว่า PFAL (Plant Factory with Artificial Lighting) โรงงานปลูกพืชด้วยแสงประดิษฐ์ หรือที่เรียกกันว่า ‘Plant Factory’ เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์การแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยการผลิตพืชในรูปแบบใหม่ ที่เป็นโรงเรือนแบบปิดโดยใช้แสงไฟ ‘LED’ แทนพลังงานจากแสงอาทิตย์ มาเป็นตัวช่วยในการเจริญเติบโตของพืชผักนานาชนิด ทำให้สามารถควบคุมการปลูกพืชได้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งสภาพแสง ความชื้น อุณหภูมิ แร่ธาตุ หรือแม้กระทั่งปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของพืชที่ใช้ในการเจริญเติบโต
คุณพ่อมั่นใจว่าเราทำได้ เพราะมีธุรกิจผลิต LED เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพียงแค่ขาดความรู้เรื่องการเกษตร จึงกลับมาปรึกษาทีม R&D พร้อมขอความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แนวคิดดังกล่าวเป็นที่มาของการต่อยอดสู่ธุรกิจ LED ด้านการเกษตรนั่นเอง
ความโดดเด่นที่แตกต่าง ของผลิตภัณฑ์ LED Farm
คุณยวิษฐา ทายาทธุรกิจรุ่นที่ 2 กล่าวถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ LED Farm ที่แตกต่างจากพืชผักในท้องตลาดทั่วไปว่า เราปลูกผักด้วยระบบปิด Smart Indoor Growing System เพราะฉะนั้น จะทำให้ผักมีวิตามินและคุณค่าสารอาหารสูงกว่าผักที่ปลูกทั่วไป ที่ไม่มีการควบคุม แม้ผลผลิตจะมีต้นทุนสูงกว่าระบบธรรมชาติ แต่แลกมาด้วยคุณภาพที่ดีกว่า 100% ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่รักสุขภาพได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผลผลิตจะสะอาดมากถึงขั้นไม่ต้องล้างก่อนรับประทาน ไม่มียาฆ่าแมลง หรือยาฆ่าเชื้อรา เพราะปลูกในโรงเรือนระบบปิดโดยใช้พลังงานแสงทดแทน จึงไม่มีสารพิษตกค้าง ไม่มีสารเร่งให้เจริญเติบโต รสชาติจึงออกมาดี เนื่องจากผักที่ปลูกไม่ได้รับความเครียดเพราะอยู่ในห้องแอร์ ให้แสง และสารอาหารที่เหมาะสม
ผักที่ปลูกส่วนใหญ่จะเป็นพวกผักสลัด เนื่องจากเป็นที่นิยมและจำหน่ายได้ในราคาสูง เช่น กรีนคอส, ฟิลเล่ย์ไอซ์เบิร์ก, ผักกาดหอมบัตเตอร์เฮด และกรีนโอ็ค แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ คือ ‘คะน้าใบหยิก’ เป็นผักในตระกูลเดียวกันกับคะน้า กะหล่ำปลี และบร็อคคอรี่ แตกต่างกันที่คุณค่าทางอาหาร ซึ่งจะมีวิตามิน B2 และแร่ธาตุหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อการควบคุมสมดุลของกรด-เบสในกระแสเลือด ซึ่งผู้บริโภคนิยมนำมารับประทานสด หรือปรุงเป็นสลัด แต่ต้องปลูกในอุณหภูมิ 20-25 องศาเซลเซียส จึงทำให้ประสบปัญหาของสภาพอากาศในเมืองไทย ซึ่ง LED Grow Light สามารถแก้ Pain Point ตรงนี้ได้อย่างตรงจุด
“ขณะนี้เราทำวิจัยกับ 3 มหาวิทยาลัยเสร็จแล้ว เหลือแค่นำมาทดลองปลูกจริง ด้วยการเอาผักมาเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ กับเพิ่มวิตามินซี เร็ว ๆ นี้ คาดว่าจะได้เห็น แบรนด์ผัก LED Farm ที่มีวิตามินซีสูง ออกสู่ตลาด ถือเป็นการนำ 2 Megatrend ระหว่าง Precision Agriculture และความเป็น Functional Food มาผสมผสานกันไว้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นความท้าทายในการทำธุรกิจ ของ LED Farm อย่างมาก”
LED Farm มีผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง
สำหรับผลิตภัณฑ์ LED Farm มีทั้งหมด 5 กลุ่ม ได้แก่ ผักสด, สลัด, แซนวิช, เครื่องดื่มผักและผลไม้ และกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-eat) แต่ส่วนที่ขายดีที่สุดจะเป็นผักสดไร้สาร
“เรามีโรงงานผลิตเครื่องดื่มที่เป็นนวัตกรรมการฆ่าเชื้อด้วยแรงดัน หรือ High Pressure Processing (HPP) ซึ่งทำมาเพื่อซัพพอร์ต LED Farm รวมถึงจำหน่ายให้ผู้ประกอบการที่ต้องการมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเองด้วย โดยนวัตกรรม HPP จะช่วยให้เครื่องดื่มคงรสชาติและความสดของผัก ผลไม้ไว้ได้มากที่สุด รวมถึงรักษาคุณภาพได้นานขึ้น ถือเป็นจุดแข็ง และเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้นอีกด้วย”
การพัฒนาผลิตภัณฑ์
คุณยวิษฐา บอกว่า ปีนี้บริษัทมีแพลนนำผลไม้มาทำเป็นเครื่องดื่มที่มีการเติมวิตามินเข้าไป และในเรื่องของ Plant-based Drink ซึ่งขณะนี้ตลาดมีการเติบโตสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น นมข้าวโพด น้ำเต้าหู้ถั่วเหลือง เราจึงทำเป็น นมอัลมอนด์ใส่ผักเคล เป็นส่วนที่เพิ่มเติมขึ้นมานอกเหนือจากผักสดและเครื่องดื่มผักผลไม้ที่เราทำอยู่ เป็นเครื่องดื่มทางเลือกสำหรับคนที่แพ้นมวัว ซึ่งมีคนไทยแพ้นมวัวจำนวนมาก จึงมองเห็นโอกาสในการทำตลาดส่วนนี้
Transformation สู่ New s-curve ใหม่ ด้วยนวัตกรรม
คุณยวิษฐา สะท้อนภาพธุรกิจว่า ด้วยความที่คู่แข่งเรามีทั้งทางตรงและทางอ้อม LED Farm จึงเน้นการปลูกผักที่มีความพรีเมี่ยม ซึ่งระบบนี้จะมีความสะอาดเทียบเท่ากับห้องผสมยาเลย เพราะเป็น Medical Grade เราส่งผักไปตรวจค่าแบคทีเรียและพบว่ามีเพียง 260 CFU/g ซึ่งค่ามาตรฐานที่ได้รับการยอมรับคือ 1,000,000 CFU/g ต่างกันหลักร้อยกับหลักล้าน เรามั่นใจและบอกลูกค้าเสมอว่า สามารถรับประทานได้เลยไม่ต้องล้าง
“ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการปลูกพืชด้วยหลอดไฟแอลอีดี คือ ไม่ต้องรอฤดูกาล ปลูกผักชนิดเดิมได้ทั้งปี สามารถควบคุมคุณภาพ ขนาด รสชาติ สารอาหาร ให้เหมือนกันได้ทุกรอบ และที่สำคัญ สะอาดจนใส่ลงไปในหม้อที่ปรุงอาหารได้ทันที หรือจะนำผักเราไปห่อกับอาหารรับประทานสดได้ทันทีตั้งแต่แกะออกจากห่อ โดยไม่ต้องผ่านน้ำแม้แต่หยดเดียว”
การวางกลยุทธ์การตลาด
ทายาทธุรกิจรุ่นที่ 2 กล่าวว่า งานที่ตนเข้ามาดูแลและรับผิดชอบใน LED Farm คือการพัฒนาสินค้าและสร้าง Awareness ให้กับแบรนด์ รวมไปถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย โดยปัจจุบัน LED Farm มีผักสดอยู่ประมาณ 20 รายการ ทั้งการแปรรูปเป็นเครื่องดื่ม ผัก ผลไม้สกัดเย็นและสมูทตี้ ผักสลัด แซนด์วิช และน้ำสลัดด้วย ทุกอย่างทำเป็นโฮมเมดทั้งหมด มีวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดกว่า 50 สาขา และจำหน่ายหน้าร้านเราเองอีก 2 สาขา โดยมีช่องทาง Food Delivery เพิ่มเติม รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ของแบรนด์ LED Farm เองด้วย
“เราพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งแบบผักสดและแบบการแปรรูป เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ ด้วยการบริหารต้นทุนและขยายช่องทางการจำหน่ายให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้มากที่สุด”
ขณะที่ราคาจำหน่าย เรากำหนดไว้อยู่ระหว่างผักนำเข้ากับผักไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) ในประเทศ ด้วยความที่ LED Farm ไม่มีหน้าร้านเหมือน ผู้ผลิตเจ้าอื่น เราจึงเน้นให้ความรู้ และการรับรู้แก่ผู้บริโภคในเรื่องของ มาตรฐาน คุณภาพ และความสะอาด เป็นหลัก
คุณยวิษฐา กล่าวว่า ลูกค้า LED Farm จัดอยู่ในกลุ่ม Niche Marketing เราจึงใช้ Influencer ในช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าเห็นเรามากขึ้น สำหรับลูกค้าใน Facebook จะเป็นกลุ่มวัยทำงานจนถึงวัยเกษียณ อายุประมาณ 45-60 ขึ้นไป ขณะที่ช่องทาง TikTok, Instagram จะเป็นกลุ่มลูกค้าวัยเริ่มต้นทำงานจนถึงอายุ 35 ปีเรามีการจ้างเอเจนซี่เข้ามาช่วยดูแล TikTok ในเรื่องการกำหนดทิศทาง Content และ การยิงแอด ซึ่งในช่องทางนี้มียอดขายเติบโตมากกว่าช่องทางอื่น ถือว่ามีผลตอบรับค่อนข้างดีมาก
ขณะที่สัดส่วนช่องทางจำหน่าย ออฟไลน์จะมีสัดส่วนที่มากกว่าออนไลน์ คือ 80:20 โดยส่วนใหญ่จะเป็นการจัดกิจกรรมสร้างการรับรู้ ผ่านช่องทางออฟไลน์ ด้วยการพยายามสร้างความแตกต่าง และอีกส่วนหนึ่งของ ช่องทางขายออฟไลน์คือการออกบูธ ซึ่งได้มีโอกาสร่วมออกงานแสดงสินค้ากับธนาคารกรุงเทพ ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก
“การหางานแสดงสินค้าที่เหมาะกับเราเป็นเรื่องสำคัญและต้องออกบูธอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักเรามากขึ้น”
สำหรับช่องทางออฟไลน์ที่ LED Farm วางจำหน่าย เช่น กูร์เมต์ มาร์เก็ต, ดองกิ, ฟู้ดแลนด์, โกลเด้นเพลส, Tops Supermarket และริมปิง จ.เชียงใหม่ โดยมีสัดส่วนประมาณ 80% ที่เหลืออีก 20% เป็นช่องทางออนไลน์ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังโควิด-19 คลี่คลาย
สุดท้าย คุณยวิษฐา เชื่อมั่นว่า การมีสุขภาพดีไม่ใช่เทรนด์ แต่จะทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น อยากให้ทุกคนมองว่าการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีประโยชน์ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และ LED Farm จะไม่หยุดพัฒนาอาหารที่ดี มีคุณภาพ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ ๆ ให้ผู้บริโภคทุกคนมีสุขภาพที่ดีตลอดไป
ติดตามเพิ่มเติมที่:
https://www.facebook.com/ledfarm.th
Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333
