เกษตรฯยกเลิกใช้ 3 สารพิษปี 63 เป็นไปได้ ???

SME Update
30/05/2019
รับชมแล้วทั้งหมด 812 คน
เกษตรฯยกเลิกใช้ 3 สารพิษปี 63 เป็นไปได้ ???
banner

นับเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจมากสำหรับการควบคุมการใช้ สารกำจัดวัชพืชและแมลงศัตรูพืช 3 ชนิด คือ พาราควอต,ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งก่อนหน้านี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกกฎกระทรวง 5 ฉบับ ในการจำกัดการใช้สารเคมีวัตถุอันตรายใช้ในการเกษตร รอการประกาศราชกิจจาฯแล้วจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วันหลังจากนี้

ประเด็นสำคัญ คือ จะมีการจำกัดการนำเข้าสารเคมีลดลงประมาณครึ่งของที่เคยนำเข้าตัวละอยู่ระหว่าง 2-3 ตันต่อปีจากเดิมอนุญาตให้นำเข้า 4-6 ตันต่อปี ซึ่งในปี  2562 นี้จะจำกัดการนำเข้าตามมาตรการโดยจำกัดการนำเข้าตามชนิดพืช เช่น พาราควอต 2  หมื่นตัน ไกลโฟเซต  4.8  หมื่นตัน และ คลอร์ไฟริฟอส  1,150  ตัน พร้อมกันนี้ได้สั่งการหน่วยงานในเรื่องการสร้างการรับรู้ให้กับทุกภาคส่วน ให้นำไปใช้อย่างถูกวิธี จึงจะเร่งดำเนินการสร้างการรับรู้ ผู้ผ่านอบรมการใช้จึงนำใบอนุญาตไปซื้อขาย

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme 

รวมทั้งการเดินหน้าขับเคลื่อนการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิดโดยเร่งสำรวจปริมาณสารเคมีทั้ง 3 ชนิดทั้งจากผู้นำเข้าและร้านจำหน่ายว่า มีอยู่เท่าไร ต่อไปจะต้องแจ้งปริมาณสต็อกสินค้าทุก 15 วัน โดยระบุปริมาณที่ได้รับ แหล่งที่มา และแหล่งที่ส่งสารเคมีทั้ง 3 ชนิดออกไปในพื้นที่

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะเร่งดำเนินการมาตรการทำเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ อย่างเผยแพร่หลายเพื่อนำไปให้ถึงเกษตรกรในพื้นที่เกษตร149ล้านไร่ทั่วประเทศ รวมทั้งวิจัยหาสารจำกัดศัตรูพืช หาเทคโนโลยีใหม่ๆมากำจัดวัชพืช และใช้ทางเลือกโดยวิถีธรรมชาติ เช่นใช้หนอนอีกชนิดมากำจัดแมลง

รวมทั้งการตั้งเป้าภายในปี 2563 จะเลิกใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด โดยกระทรวงเกษตรฯจะไปออกคำสั่งยกเลิกทันที และยังไม่ได้ต้องตรงขึ้นกับมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายด้วย

ด้านกรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการแผนปฏิบัติการจำกัดการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด 6 มาตรการ ที่ผ่านมาได้อบรมวิทยากร2,240คน เพื่อไปอบรมเกษตรกร 1,500,000 คน ในช่วงเดือนมิ.ย. – ก.ย. นี้ และผู้รับจ้างพ่น 50,000 คน สำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบตามพรบ.วัตถุอันตราย ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล 79,988 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งให้มีอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบการใช้ 3 สาร ภายในเขตท้องที่รับผิดชอบ จะอบรมผ่าน video conference เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ได้กำหนดชนิดพืช อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด และไม้ผล ที่ใช้สารพาราควอต และไกลโฟเซต ส่วนสารคลอร์ไพริฟอส ให้ใช้เฉพาะกำจัดแมลงในการปลูกไม้ดอก พืชไร่ และเพื่อกำจัดหนอนเจาะลำต้นในไม้ผล กรมวิชาการเกษตรจะร่วมกับภาควิชาการและภาคเอกชนศึกษาวิจัยหาวิธีการหรือสารอื่นมาทดแทนสารเคมีทั้ง 3 ชนิด ซึ่งคณะอำนวยการขับเคลื่อนของกระทรวงต้องรายงานความคืบหน้าต่อสาธารณชนทุก 3 เดือน หากทำได้ตามที่กำหนดไว้ทั่วประเทศ จะยกเลิกการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดทันที

ด้านมาตรการด้านวิจัย ซึ่งมี 2 โครงการ ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี หรือวิธีการที่นำมาใช้ทดแทน คือ โครงการจัดการวัชพืชแบบผสมผสานเพื่อลดปริมาณการใช้สารไกลโฟเซต และพาราควอต ในพืชเศรษฐกิจ และโครงการจัดการแมลงศัตรูพืชแบบผสมผสานเพื่อลดปริมาณการใช้สารกำจัดแมลงคลอร์ไพริฟอสในพืชเศรษฐกิจ

สารกำจัดวัชพืชและแมลงศัตรูพืช

ส่วนมาตรการสร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกร และประชาชนทั่วไป เร่งการดำเนินการประชาสัมพันธ์ โดยการใช้ช่องทางการสื่อสาร และสื่อต่างๆ เพื่อให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไปมีความรู้เกี่ยวกับสารเคมีทั้ง 3 ชนิด และใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด อย่างถูกต้อง ปลอดภัย ทราบถึงมาตรการและข้อห้ามต่างๆ ตามมาตรการจำกัดการใช้ที่กำหนดขึ้นภายใต้ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535

ขณะที่มาตรการสร้างระบบฐานข้อมูล เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล และตรวจสอบความถูกต้อง กับระบบ National Single Window หรือ NSW ของกรมศุลกากร และทะเบียนเกษตรกร ของกรมส่งเสริมการเกษตร ให้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร อย่างชัดเจนเป็นปัจจุบัน โดยจะสร้างระบบจัดการฐานข้อมูล เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานควบคุมวัตถุอันตรายทางการเกษตร และสร้างแอพลิเคชั่นที่ทำงานร่วมกับฐานข้อมูล ในการบันทึกข้อมูลรายงานการนำเข้า ผลิต และจำหน่าย เพื่อทราบเส้นทาง และความเคลื่อนไหวของวัตถุอันตรายทั้งระบบ รวมทั้งสารเคมีทั้ง 3 ชนิดนี้ด้วย

คงต้องรอดูกันว่า ภายใต้การออกกฎกระทรวงทั้ง 5 ฉบับดังกล่าวจะสามารถเดินหน้าการจำกัดการใช้และยกเลิกการใช้ สารเคมีอันตรายในปีหน้านี้ได้หรือไม่

เกษตรกร ต้องขึ้นทะเบียนก่อนใช้สาร 3 สารอันตราย
แนะเกษตรเน้นตลาดเฉพาะกลุ่ม เสริมด้วยนวัตกรรม


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

TikTok ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์ที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคน ทั้งครีเอเตอร์ คอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน และธุรกิจทุกขนาดในไทย ด้วยการเปิดตัว…
pin
1049 | 14/02/2024
ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะที่ยานพาหนะต่าง ๆ ทั้ง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถไฟ และเรือ ต่างมุ่งสู่การใช้เชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ที่เป็นพลังงานสะอาดกันแล้ว แต่สำหรับการเดินทางโดยอากาศยาน…
pin
1388 | 26/01/2024
จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

ปี 2024 นี้ ธุรกิจไหนมาแรง ธุรกิจไหนน่าจับตา เทรนด์ธุรกิจใดกำลังมาแรง Bangkok Bank SME สรุปมาไว้ในบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางแก่ SME และผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจทุกท่าน…
pin
1667 | 25/01/2024
เกษตรฯยกเลิกใช้ 3 สารพิษปี 63 เป็นไปได้ ???