สหรัฐอเมริกาได้ประกาศใช้อัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับสินค้าทั้งหมดจากเวียดนามที่ 20% โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งอัตราดังกล่าวต่ำกว่าอัตรา 46% ที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังสูงกว่าที่เวียดนามคาดหวังไว้
นอกจากอัตราภาษีตอบโต้ดังกล่าวแล้ว ยังมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมกับสินค้านำเข้าประเภทเหล็ก อะลูมิเนียม รถยนต์ และสินค้าที่มีการถ่ายโอนผ่านเวียดนาม ซึ่งภาษีเหล่านี้ได้กลายเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมที่มีการพึ่งพาการส่งออกเป็นอย่างมาก โดยในปี 2567 สหรัฐฯ เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของเวียดนาม รองจากจีน และเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ในขณะเดียวกัน เวียดนามเป็นคู่ค้ารายใหญ่เป็นอันดับ 8 ของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นประเทศนำเข้ารายใหญ่อันดับ 6 ของสหรัฐฯ โดยขยับขึ้นจากอันดับ 7 ในปี 2566 มีมูลค่านำเข้ารวม 1.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เวียดนามเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติใหม่โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.24 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับอัตราภาษีตอบโต้ 20% ที่ใช้ในปัจจุบันคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออกของเวียดนามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหลักที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ สูงอย่างเช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ รองเท้า และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางการผลิตต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพสูง แต่การขึ้นภาษีอย่างมากในครั้งนี้จะสร้างแรงกดดันต่ออัตรากำไรของธุรกิจ ปริมาณคำสั่งซื้อที่ลดลง และอาจนำไปสู่การสูญเสียการจ้างงานได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกเวียดนามอาจกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ในยุโรป เอเชีย หรือ ตะวันออกกลาง แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ก็นับว่ามีความท้าทายสูง เนื่องจากตลาดเหล่านี้มีการแข่งขันสูงอยู่แล้ว และยังมีข้อจำกัดในด้านโลจิสติกส์ เช่น ความจุในการขนส่ง โครงสร้างพื้นฐาน และความแตกต่างด้านกฎระเบียบ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวอย่างรวดเร็วของเวียดนาม อีกทั้งยังมีไม่กี่ตลาดที่มีความต้องการในระดับเดียวกับสหรัฐฯ ซึ่งสิ่งนี้จะจำกัดศักยภาพในการชดเชยส่วนที่ขาดหายไปของเวียดนาม
ที่มา: The Impact of Tariffs on Vietnamese Exports: US-Vietnam Trade Relations Under Trump 2.0, Arendse Huld, Vietnam Briefing
ผู้เรียบเรียง: ณภัสสร มีไผ่แก้ว

