“เป็นคนธรรมดา แต่ว่า...ซึมเศร้านิดหน่อย” หนังสือเพื่อเข้าใจโรคซึมเศร้า
หลายปีมานี้ คำว่า “ซึมเศร้า” ปรากฏให้เราเห็นและได้ยินอยู่บ่อยๆ
ทั้งในสื่อนานาประเภทและในบทสนทนากับคนรอบตัว จนเราเริ่มคุ้นเคยกับมันและมองว่า “ซึมเศร้า”
เป็นอีกโรคหนึ่งที่ต้องได้รับการรักษา ไม่ได้เกิดจาก “จิตใจอ่อนแอ” อย่างที่บางคนด่วนตีตรา
ทุกคนมีโอกาสเป็นได้ และเป็นเหตุนำไปสู่การฆ่าตัวตายอีกด้วย
หนึ่งปัจจัยสำคัญต่อผู้ป่วยโรคซึมเศร้าคือ “คนรอบตัวผู้ป่วย” ซึ่งมีบทบาทในการช่วยเหลือและเยียวยาโรคนี้ อันที่จริงใครหลายคนรับรู้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย แต่บางครั้งกลับยังรู้สึกไม่ “เข้าใจ” ผู้ป่วยซึมเศร้าเท่าที่ควร ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะเปิดโลกของหญิงสาวผู้ “เป็นคนธรรมดา แต่ว่า...ซึมเศร้านิดหน่อย” ให้ทุกคนได้เข้าใจอย่างแท้จริง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
“เป็นคนธรรมดา แต่ว่า...ซึมเศร้านิดหน่อย” มีที่มาจากไดอารี่ส่วนตัวของคุณอีซูย็อน
นักดนตรีชาวเกาหลีผู้อยู่กับโรคซึมเศร้ามานับสิบปี
เธอเขียนไดอารี่นี้ระหว่างเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช เพื่อพูดคุยกับตัวเอง
ระบายความทุกข์ และบันทึกบทสนทนากับคุณหมอประจำตัวตลอดสิบเดือน
นอกจากได้รับทราบขั้นตอนการรักษาและอาการต่างๆ ของโรคซึมเศร้าแล้ว
เรายังได้สัมผัสทุกความคิดและอารมณ์ความรู้สึกที่ผู้เขียนเปิดเปลือยอย่างซื่อตรงทั้งแง่มุมบวกและลบ
อีกทั้งได้ร่วมเดินทางผ่านเส้นทางคดเคี้ยวภายในจิตใจของผู้เขียน
ทั้งในยามจมดิ่งสู่หลุมลึกแห่งความเศร้า ยามลุกขึ้นมาด้วยความหวัง
ช่วงเวลาที่ต่อสู้กับความคิดว่าจะอยู่หรือไป จนถึงวันที่เธอพยายามฆ่าตัวตาย…
บางครั้งฉันก็เหนื่อยกับการทำความเข้าใจตัวเองเหมือนกัน
อาการป่วยที่สั่งสมเป็นเวลานานทำให้วันพรุ่งนี้ของเธอเป็นแค่ภาพเลือนราง
ไม่อาจวาดฝันหรือคาดเดาชีวิตในวันต่อไปได้ราวกับหายไปจากโลกนี้ได้ตลอดเวลา
เธอถอดใจกับการมีชีวิตอยู่มากแค่ไหน ความกลัวที่จะจากไปก็ถาโถมขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ฉันก็ไม่อยากยอมแพ้
แม้เส้นทางข้างหน้าจะมืดเพียงใด ปลายทางจะมีทางออกอยู่หรือไม่
หากแต่คนข้างกายของเธอทั้งเพื่อน หมอประจำตัว และครอบครัวยังคงจับมือเธอไว้แน่น
อย่างน้อยบนหนทางมืดมิดยังได้รับความอบอุ่นจากรอบข้าง
ได้แต่หวังว่ามันจะอุ่นพอให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกอันหนาวเหน็บและปวดร้าวนี้
แม้แต่คนแบบฉันก็มีสิทธิ์ที่จะมีความสุขเช่นกัน
เธอหวังว่าเมื่อหลุดพ้นจากโรคนี้แล้วเธอจะมีความสุข
แล้วหากไม่เป็นเช่นนั้นล่ะ หากรักษาไม่หายแล้วต้องป่วยไปตลอดชีวิตล่ะ… เช่นนั้นเธอจะยังมีความสุขได้อีกหรือเปล่า
แล้วเธอจะทำให้ใครเจ็บปวดอีกหรือไม่ ภายในใจลึกๆ
ก็ได้แต่เชื่อว่าคนป่วยอย่างเธอจะมีความสุขเหมือนคนธรรมดาได้สักวัน
หากได้เปิดไดอารี่ของเธอ ทุกตัวอักษรที่เธอเขียนคือเสียงในใจที่ไม่อาจบอกใครได้
แต่การบ่นระบายราวกับเทความรู้สึกอันอัดอั้นของตัวเองลงในนั้น ทำให้คุณสามารถเปิดประตูเข้าสู่โลกของโรคซึมเศร้า
ก้าวเข้าไปปลดล็อกแม่กุญแจแห่งความสิ้นหวังของผู้ป่วยทุกคนด้วยกุญแจแห่งความเข้าใจ
สิ่งที่คุณอีซูย็อนเฝ้าปรารถนามาตลอดคือ “ความเข้าใจ” ซึ่งช่วยปลอบโยนว่าเธอไม่ได้เดียวดายบนโลกใบนี้
สุดท้ายด้วยความเข้าใจที่ได้รับจากคุณหมอและครอบครัวนี้เองที่ทำให้เธอเหมือน “เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อันมืดมิด”
ถึงที่สุดแล้ว เราอาจยังไม่ “เข้าใจ” ผู้ป่วยซึมเศร้าได้อย่างแท้จริงหากไม่ได้พานพบสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ด้วยตัวเอง
แต่หากเรา “เปิดใจ” พร้อม “รับฟัง” มากกว่าแค่ “รับรู้” แม้ไม่อาจจุดแสงสว่างปลายอุโมงค์ให้แก่ผู้ป่วยได้ อย่างน้อยเมื่อคุณอ่าน “เป็นคนธรรมดา แต่ว่า...ซึมเศร้านิดหน่อย”
จบแล้ว อุโมงค์นั้นก็จะไม่มีวันมืดมิดไปกว่าเดิม
“ขอโทษที่ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าฉันหายดีหรือเป็นแรงบันดาลใจให้คุณได้ เพราะฉันยังคงใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างเจ็บปวด ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากรักตัวเองจนลมหายใจสุดท้ายมาถึง และหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดของพวกคุณทุกคน”
Pre-Order “เป็นคนธรรมดา แต่ว่า...ซึมเศร้านิดหน่อย” วันนี้-20 ต.ค. 2564 ได้ที่
www.nanmeebooks.com และ www.facebook.com/bloomread