ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตอย่างมากและเป็นกระแสที่คนไทยสนใจ
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซีนั้นเป็นกระแสที่คนไทยนั้นให้ความสนใจอย่างมาก โดยคนไทยเป็นผู้เข้าใช้งานอันดับต้นๆ ของ Coinmarketcap.com หนึ่งในเว็บไซต์ติดตามราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด
อย่างไรก็ดีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยงสูง
ราคาของเหรียญหลายๆ เหรียญ ถูกผลักดันจากการเก็งกำไร
อีกทั้งเหรียญจำนวนมากยังสร้างมูลค่าผ่านรายได้จากการช่วยทำธุรกรรมภายในระบบนิเวศของคริปโทฯ
เอง แต่ปัจจุบันธุรกรรมจำนวนมาก ก็เกิดจากการกู้ยืมของผู้เล่นในตลาดคริปโทฯ
ที่ต้องการ Leverage การลงทุน โดยคาดหวังว่าราคาเหรียญต่างๆ จะเพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งก็เป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่นักลงทุนอาจต้องระมัดระวัง
แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายๆ
เหรียญที่สามารถสร้างประโยชน์และมีพื้นฐานสนับสนุน
และด้วยการที่ระบบนิเวศของคริปโทฯ พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เหรียญต่างๆ
มีการพัฒนาต่อยอดการใช้งานอย่างต่อเนื่อง หลายๆ เหรียญ
จึงเริ่มตอบโจทย์การใช้งานภายนอกระบบนิเวศคริปโทฯ มากขึ้นเรื่อยๆ ความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจึงได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงที่ผ่านมา โดยเหรียญฯ ต่างๆ ในตลาดทั่วโลกนั้นมีมูลค่ารวมกันกว่า 2.2
แสนล้านดอลล่าร์ ในปัจจุบัน
และมีนักลงทุนไทยที่เปิดบัญชีซื้อขายผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนต่างๆ ราว 1.7 ล้านบัญชี
ด้วยความสนใจของผู้บริโภคในสินทรัพย์ดิจิทัลที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ
ธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ
อาจต้องหันมามองและทำความเข้าใจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยละเอียดมากขึ้น
เพื่อที่จะได้วางแผนและปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าและสภาพการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป
ประเภทของเหรียญและสินทรัพย์ดิจิทัล
ก่อนอื่นอาจจะต้องเข้าใจก่อนว่าเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี กับ เหรียญโทเคนดิจิทัล นั้นแตกต่างกัน
เหรียญคริปโทเคอร์เรนซี
นั้นถูกสร้างโดยมีเป้าหมายเพื่อใช้ในการเป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนต่างๆ
โดยเหรียญเหล่านี้มักถูกพัฒนาผ่านการเขียนบล็อคเชนของตนเอง
ในขณะที่โทเคนดิจิทัลนั้นเป็นเหรียญที่ออกมาเพื่อแสดงถึงสิทธิของผู้ถือเหรียญ โดยมักพัฒนาอยู่บล็อคเชนที่มีอยู่แล้วแต่เป็นการเขียนสัญญา Smart Contract เพิ่มเติมเพื่อกำหนดสิทธิ์ต่างๆ
สำหรับโทเคนนั้นตามกฏหมายไทยแล้วอาจจะแบ่งเป็น Investment Token ซึ่งคือ การเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจการใด ๆ ยกตัวอย่างเช่น Asset Backed Token ที่ผู้ประกอบการมีสิทธิ์ในผลตอบแทนจากสินทรัพย์ เช่น อสังหริมทรัพย์ เป็นต้น ในขณะที่ Utility Token คือ การได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งอาจแบ่งย่อยออกเป็นสิทธิ์ที่พร้อมใช้และสิทธิ์ที่ไม่ได้พร้อมใช้
ทั้งนี้หากมี การเสนอขาย Utility Token
ที่ยังไม่พร้อมให้ใช้งานในวันที่เสนอขาย หรือการเสนอขาย Investment Token
จะถูกกำกับดูแลโดย ก.ล.ต. ภายใต้กฎเกณฑ์เรื่องการออกเสนอขายโทเคนดิจิทัลตาม พ.ร.ก.
สินทรัพย์ดิจิทัล แต่การเสนอขาย Utility Token
ที่เป็นสิทธิ์พร้อมใช้นั้นยังไม่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์การกำกับ
Utility Token กับประโยชน์การใช้งานจริงของผู้บริโภค
Utility Token เองก็ได้ถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในหลายๆ ด้าน
ยกตัวอย่างเช่นเหรียญ
เหรียญ Filecoin และ Siacoin คือ ระบบการจัดเก็บไฟล์ใน Decentralized Network โดยทำการ encrypt และกระจายไฟล์ต่างๆ โดยปัจจุบัน Filecoin มีความสามารถในการจัดเก็บทั้งหมดมากว่า 1 Exbibyte ส่วน Siacoin มีความสามารถในการจัดเก็บมากกว่า 5.1 Penta Byte หากเทียบ 1 Exibyte เป็นไฟล์ภาพยนตร์จะเป็นไฟล์มากถึง 290 ล้านไฟล์ หรือ หากเป็น Video call จะเป็นวิดีโอที่อัดได้ยาว 685,000 ปีเลยทีเดียว
Civic เป็นโทเคนที่ใช้เครือข่ายที่ช่วยในการยืนยันข้อมูลเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน เช่นการยืนยันอายุเพื่อซื้อแอลกอฮอล์จากตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ เป็นต้น
Golem นั้นเป็น Decentralized Marketplace สำหรับระบบประมวลผลข้อมูล (Cloud Computing) โดยผู้ใช้งานสามารถใช้เน็ตเวิร์คในการให้ยืมระบบประมวลผลข้อมูลที่มีเหลือใช้ให้กับผู้อื่นได้ในลักษณะ Peer to Peer
BAT เน็ตเวิร์คที่ตัดตัวกลางในระบบโฆษณาและแบ่งรายได้ให้กับทั้ง
ผู้ผลิตสื่อ ตัว Browser และผู้ใช้บริการ ซึ่ง BAT
ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้อย่างเป็นส่วนตัวและสามารถสร้างรายได้จากการดูโฆษณาที่ตนสนใจ
โดยปัจจุบัน BAT มีผู้ใช้งาน Active User ราว 30 ล้านคนต่อเดือน
ทั้งนี้ตัวอย่างเหรียญในด้านบนเป็นตัวอย่างเพื่อแสดงถึงตัวอย่างประโยชน์ของการใช้งานของ
Utility Token แต่ไม่ได้เป็นการแนะนำถึง ความเหมาะสมของราคา ความน่าสนใจ
และความเสี่ยงในการลงทุนแต่อย่างใด
โอกาสในการสร้าง
Brand Loyalty กับลูกค้า
แม้แบรนด์หลายๆ แบรนด์ ได้พยายามทำโครงการ Rewards Program และ Loyalty Program ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการให้สิทธิ์ส่วนลดหรือสิทธิพิเศษต่างๆ แต่ในหลายๆครั้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้าและกลายเป็นการลงทุนของแบรนด์ที่สูญเปล่า
ในขณะเดียวกันยิ่งการแข่งขันระหว่างแบรนด์ในการเพิ่มฐานลูกค้ายิ่งเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าจะได้รับข้อเสนอให้สมัครโปรแกรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แต่โปรแกรมแต่ละโปรแกรมอาจไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการสักทีเดียว รวมทั้งในการสมัคร Rewards หรือ Loyalty Program แบรนด์มักจะขอให้ลูกค้าลงทะเบียนเพื่อเก็บข้อมูลไว้ใช้สื่อสารและทำความเข้าใจกับพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า ด้วยข้อเสนอของโปรแกรมจำนวนมากที่ไม่ตอบโจทย์ ความยุ่งยากในการกรอกและลงทะเบียนข้อมูล รวมทั้งอาจกังวลเรื่องความปลอดภัยในการให้ข้อมูลส่วนตัวลูกค้าอาจตัดสินใจไม่สมัครหรือไม่ใช้งาน Loyalty Program ของแบรนด์ ทำให้แบรนด์ไม่สามารถสร้างความพึงพอใจและสร้างฐานลูกค้าของตนเองได้ ในขณะที่ต้องลงทุนจำนวนมากในการสร้างและ จัดการ Loyalty Program ของตนเอง รวมทั้งต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า
เทคโนโลยีบล็อกเชนและความสามารถในการแปลงรีวอร์ดต่างๆเป็นโทเคน อาจเปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถเสริมศักยภาพ Loyalty Program ของตน โดยเชื่อมระบบสิทธิประโยชน์เข้ากับพาร์ทเนอร์แบรนด์ต่างๆ และขยายระบบนิเวศการใช้สิทธิประโยชน์ของลูกค้าร่วมกัน ซึ่งลูกค้าจะสามารถใช้สิทธิได้อย่างสะดวกมากขึ้น ในขณะที่แบรนด์ก็จะสามารถลดต้นทุนในการจัดเก็บข้อมูลและการรักษาความปลอดภัย
ซึ่งหลายๆแบรนด์ก็เริ่มเห็นประโยชน์ในการเชื่อม Loyalty และ Rewards Program เข้ากับแบรนด์อื่นๆ เช่น Starbucks ได้เชื่อมโยงการแลกรีวอร์ดของตัวเองกับ Air Canada และมีแผนที่จะใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนในการออกโทเคนของตัวเองและต่อยอดการใช้งานรีวอร์ดโปรแกรมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆต่อไป เช่นเดียวกับ Singapore Airline ที่ได้ทำบล็อคเชน Reward Wallet ของตัวเองชื่อ Krispay โดยเชื่อมการใช้งานรีวอร์ดโปรแกรมเข้ากับพาร์ทเนอร์ต่างๆกว่า 150 ราย และให้ลูกค้าสามารถเลือกดีลพิเศษจากร้านค้ากว่า 650 ร้านค้า รวมทั้งเปิดให้ลูกค้าสามารถแปลงไมล์การบินและรีวอร์ดต่างๆ ของพาร์เนอร์เป็นโทเค็นที่สามารถนำไปใช้จ่ายกับสินค้าและบริการจากร้านค้าต่างๆ
โอกาสสร้างรายได้กับผลิตภัณฑ์เฉพาะผ่าน NFT
โทเคนดิจิทัลเองก็สามารถแบ่งย่อย เป็นสินทรัพย์ประเภทย่อยอีกหนึ่งประเภทก็คือ NFT ซึ่งเป็นโทเคนที่แสดงถึงสิทธิ์ในสินค้าหรือบริการที่ไม่ซ้ำใคร มีความเฉพาะ และไม่สามารถทดแทนได้ ยกตัวอย่างเช่น สิทธิ์ในผลงาน Digital Art เป็นต้น NFTเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักสะสมและนักลงทุน และมีสิทธ์ในผลงานศิลปะ เช่นผลงานรูปของ Beeple ได้ถูกประมูลไปที่ราคากว่า 69 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งกระแสการสะสมสินทรัพย์ต่างๆผ่าน NFT ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งของทั้งศิลปิน คนในวงการครีเอทีฟและดีไซน์ รวมทั้งแบรนด์ต่างๆ ปัจจุบันก็มีรูปแบบการสะสมสินทรัพย์ผ่าน NFT มีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสิทธ์ในต้นแบบของ งานศิลปะ การ์ดสะสมต่างๆ รูปที่สามารถใช้แทนตัวตนในออนไลน์ ชุดสำหรับ Avatar หรือแม้แต่วิดีโอช็อตสำคัญๆใน NBA เป็นต้น ซึ่งแรงจูงใจการสะสมอาจมาจากทั้ง ความชอบ มูลค่าทางจิตใจ การแสดงถึงสถานะ หรือความต้องการสะสมชิ้นงานหายากโดยคาดหวังว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
การใช้งาน NFT หลายๆตัวก็ได้ขยายตัว จากการสะสมชิ้นงานเป็นการสร้างคอมมูนิตี้กลุ่มนักสะสมและการถือ NFT ก็ใช้ในการแสดงความเป็นสมาชิก ในการเข้างานอีเว้นท์ต่างๆ เช่น กลุ่ม Bored Ape Yacht Club เป็นต้น และ หลายๆคนก็มีการใช้รูปที่ตัวเองถือสิทธิ์ผ่าน NFT ในการแสดงแทนตัวเองในดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ
ในอนาคตโอกาสการใช้งาน NFT อาจมีมากขึ้นอีก ด้วยโอกาสการนำNFT ไปใช้งานใน Metaverse หรือแพลตฟอร์มโลกสเมือน ซึ่งปัจจุบันบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook Microsoft และ Tencent ต่างๆเร่งสร้างผลิตภัณฑ์และคอนเทนต์เพื่อต่อยอดการใช้งาน Metavese ด้วยการเติบโตของ Metaverse การใช้ของผู้เวลาของผู้คนในโลกดิจิทัลผ่านตัวแทนที่เป็น Avatar จะเพิ่มมากขึ้น และจะมีงานครีเอทีฟและสินทรัพย์ต่างๆที่ถูกสร้างหรือแปลงให้ไปอยู่ในรูปแบบดิจิทัล และการใช้ NFT ในการยืนยันสิทธิ์ในต้นแบบของสินทรัพย์เหล่านั้นก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
ในอนาคตอันใกล้คนรุ่นใหม่จำนวนมากจะโตขึ้นมากับการใช้เวลาอยู่ในดิจิทัลเป็นเวลานาน เช่นในปัจจุบัน เกมส์ Roblox ซึ่งปัจจุบันมี Monthly Active User กว่า 200 ล้านคน และใช้เวลากว่า 3600 ล้านชั่วโมงในแพลตฟอร์มดังกล่าวในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งการใช้ชีวิตผ่านทางออนไลน์ที่มากขึ้นก็จะสร้างความคุ้นชิ้นและเพิ่มโอกาสการใช้ Metaverse กับกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ผู้คนก็อาจมีความผูกผันกับ Avatar และชิ้นงาน NFT ต่างๆมากขึ้นด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็จะเป็นโอกาสให้แบรนด์ต่างๆสามารถสร้างรายได้จากชิ้นงานครีทีฟต่างๆ เหมือนกับที่ Gucci เห็นโอกาสในการสร้างรายได้จากการขายสินค้าให้กับ Avatar ของผู้เล่นเกมส์ Roblox ให้เลือกซื้อชุด Gucci ให้ Avatar ของตัวเองสวมใส่ และยังได้ออกสินค้ากระเป๋า Gucci ที่ขายในรูปแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น เป็นต้น และ Nike เองก็ได้ประกาศว่าจะสร้าง Metaverse และ Nikeland ภายใน Roblox เช่นกัน
ด้วยความที่ NFT เป็นสิทธิในผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความเฉพาะ
แบรนด์ยังสามารถหาวิธีนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการพิเศษเฉพาะแล้วเปิดประมูลเพื่อ
สร้างความสนใจทางการตลาดและหารายได้เพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของโรงแรม Ca’
di Dio ที่เวนิซที่ได้เปิดประมูลสิทธิในการเข้าพักห้องในวันเปิดตัวโรงแรมผ่าน NFT
และสามารถประมูลได้ในราคากว่าคืนละ 100,000 บาท
และสิ่งที่โรงแรมได้กลับมามากกว่ารายได้ คือความตื่นเต้นและความสนใจของลูกค้า
รวมทั้งการเปิดช่องทางให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่สนใจสินทรัพย์ดิจิทัล
โดยแบรนด์โรงแรมยักษ์ใหญ่อย่าง Marriot
ก็ได้เห็นความสำคัญในจุดนี้เช่นกันและได้ร่วมกับศิลปินดิจิทัลในการออก NFT
งานศิลปะด้านการท่องเที่ยว
และยังเตรียมที่จะเริ่มปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านกิจกรรมต่างๆใน Metaverse
ในปีหน้าอีกด้วย
ค้าปลีกไทยเริ่มทยอยออกเหรียญ
ในส่วนของธุรกิจพานิชย์และค้าปลีก บริษัทรายใหญ่ของไทยหลายๆ
รายก็อยู่ระหว่างการออกเหรียญมาเพื่อใช้งานทั้งกับภายในและภายนอกองค์กร
ยกตัวอย่างเช่น
กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ที่ได้สร้างแอพลิเคชั่นที่รวบรวมแบรนด์และอีเวนท์ ต่างๆ ของห้างในเครือฯ และเตรียมออกเหรียญ Vizcoin เพื่อเปลี่ยนรีวอร์ดโปรแกรมที่เป็นแต้มสะสมต่างๆเป็นเหรียญ Vizcoin เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำเหรียญไปใช้ได้อย่างสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจากแบรนด์ต่างๆ และได้ทำความร่วมมือกับเครือข่ายธุรกิจประเภทต่างๆ จำนวนมากที่ร่วมกับแอพลิเคชั่น เพื่อให้ลูกค้ามีความสะดวกในการใช้ Vizcoin อีกทั้งยังทำ Exclusive Collection ด้านต่างๆ ในลักษณะของ NFT เพื่อเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า
ในขณะที่กลุ่มเซ็นทรัลเองก็ได้พัฒนาโทเคน C-coin โดยผลิตเหรียญผ่านบล็อคเชนแล้วให้พนักงานใช้โดยให้พนักงานกว่า 1,000 คนที่ใช้งานแล้วและมีแผนจะขยายให้พนักงานกว่า 80,000 คน ในหลายประเทศ โดยพนักงานจะได้รับเหรียญผ่านเกณฑ์ต่างๆ ที่ฝ่ายบุคคลกำหนด และสามารถใช้แลกกับสินค้าและบริการต่างๆ ในเครือเซ็นทรัลได้
ขณะเดียวกันบริษัท อาร์เอส ก็เตรียมจะออกโทเคน Popcoin ในเดือนมกราคมนี้
โดยออกเหรียญมาเพื่อวัดผลทางการตลาด โดยแบรนด์ต่างๆ
สามารถซื้อเหรียญแล้วนำไปใช้ในการสร้างแคมแปญและวัดผลความสำเร็จของแคมเปญทางการตลาดต่างๆ
ในขณะเดียวกันผู้บริโภคสามารถนำเหรียญที่ได้รับไปแลกกับสินค้าและบริการจากผู้ผลิตคอนเทนต์ต่างๆ
ของบริษัทในเครือหรือจากพาร์เนอร์ของ อาร์เอส เช่นสามารถสะสมโทเคนเพื่อนำไปแลกตั๋วคอนเสิร์ตเป็นต้น
ความเข้าใจอาจหมายถึงโอกาสและสิทธิ์ในการปรับตัวก่อน
ด้วยความใหม่ของระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการพัฒนาการใช้งานไปอย่างรวดเร็ว
อาจมีความไม่แน่นอนอยู่บ้างในเชิงกฏเกณฑ์ที่อาจมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในอนาคต แต่ด้วยความสนใจในกระแสการลงทุนและการสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลที่สูงขึ้นเรื่อยๆหลายๆ
แบรนด์อาจต้องรีบทำความเข้าใจกับสินทรัพย์ดิจิทัล
เพราะทุกความเปลี่ยนแปลงย่อมนำมาซึ่งโอกาสใหม่
และแบรนด์ที่เห็นและสามารถใช้โอกาสใหม่ในการตอบโจทย์และขยายฐานลูกค้า
ก็จะได้เปรียบในการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป
ผู้เขียน
: ธนวัฒน์ พฤกษานานนท์ Tech & Innovation Advisor, Bnomics
ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Website : https://www.bnomics.co
Facebook : https://www.facebook.com/Bnomics.co
Blockdit : https://www.blockdit.com/bnomics
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Youtube : https://www.youtube.com/bnomics
Twitter : https://twitter.com/bnomics_co
Reference :
https://www.nytimes.com/2021/03/11/arts/design/nft-auction-christies-beeple.html
https://gamepolar.com/nike-is-constructing-its-metaverse-within-roblox/