เมื่อแบรนด์ต้องหันมามองโทเคนดิจิทัล

SME Update
17/12/2021
รับชมแล้วทั้งหมด 1771 คน
เมื่อแบรนด์ต้องหันมามองโทเคนดิจิทัล
banner

ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตอย่างมากและเป็นกระแสที่คนไทยสนใจ 

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซีนั้นเป็นกระแสที่คนไทยนั้นให้ความสนใจอย่างมาก โดยคนไทยเป็นผู้เข้าใช้งานอันดับต้นๆ ของ Coinmarketcap.com หนึ่งในเว็บไซต์ติดตามราคาสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุด

อย่างไรก็ดีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยงสูง ราคาของเหรียญหลายๆ เหรียญ ถูกผลักดันจากการเก็งกำไร อีกทั้งเหรียญจำนวนมากยังสร้างมูลค่าผ่านรายได้จากการช่วยทำธุรกรรมภายในระบบนิเวศของคริปโทฯ เอง แต่ปัจจุบันธุรกรรมจำนวนมาก ก็เกิดจากการกู้ยืมของผู้เล่นในตลาดคริปโทฯ ที่ต้องการ Leverage การลงทุน โดยคาดหวังว่าราคาเหรียญต่างๆ จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก็เป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่นักลงทุนอาจต้องระมัดระวัง

 


 

แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายๆ เหรียญที่สามารถสร้างประโยชน์และมีพื้นฐานสนับสนุน และด้วยการที่ระบบนิเวศของคริปโทฯ พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เหรียญต่างๆ มีการพัฒนาต่อยอดการใช้งานอย่างต่อเนื่อง หลายๆ เหรียญ จึงเริ่มตอบโจทย์การใช้งานภายนอกระบบนิเวศคริปโทฯ มากขึ้นเรื่อยๆ ความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นจึงได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ผ่านมา โดยเหรียญฯ ต่างๆ ในตลาดทั่วโลกนั้นมีมูลค่ารวมกันกว่า 2.2 แสนล้านดอลล่าร์ ในปัจจุบัน และมีนักลงทุนไทยที่เปิดบัญชีซื้อขายผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนต่างๆ ราว 1.7 ล้านบัญชี ด้วยความสนใจของผู้บริโภคในสินทรัพย์ดิจิทัลที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ อาจต้องหันมามองและทำความเข้าใจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยละเอียดมากขึ้น เพื่อที่จะได้วางแผนและปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าและสภาพการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป

 

ประเภทของเหรียญและสินทรัพย์ดิจิทัล 

ก่อนอื่นอาจจะต้องเข้าใจก่อนว่าเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี  กับ เหรียญโทเคนดิจิทัล นั้นแตกต่างกัน เหรียญคริปโทเคอร์เรนซี นั้นถูกสร้างโดยมีเป้าหมายเพื่อใช้ในการเป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนต่างๆ โดยเหรียญเหล่านี้มักถูกพัฒนาผ่านการเขียนบล็อคเชนของตนเอง

 


ในขณะที่โทเคนดิจิทัลนั้นเป็นเหรียญที่ออกมาเพื่อแสดงถึงสิทธิของผู้ถือเหรียญ โดยมักพัฒนาอยู่บล็อคเชนที่มีอยู่แล้วแต่เป็นการเขียนสัญญา Smart Contract เพิ่มเติมเพื่อกำหนดสิทธิ์ต่างๆ

สำหรับโทเคนนั้นตามกฏหมายไทยแล้วอาจจะแบ่งเป็น Investment Token ซึ่งคือ การเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจการใด ๆ ยกตัวอย่างเช่น Asset Backed Token ที่ผู้ประกอบการมีสิทธิ์ในผลตอบแทนจากสินทรัพย์ เช่น อสังหริมทรัพย์ เป็นต้น ในขณะที่ Utility Token  คือ การได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการหรือสิทธิอื่นใดที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งอาจแบ่งย่อยออกเป็นสิทธิ์ที่พร้อมใช้และสิทธิ์ที่ไม่ได้พร้อมใช้

ทั้งนี้หากมี การเสนอขาย Utility Token ที่ยังไม่พร้อมให้ใช้งานในวันที่เสนอขาย หรือการเสนอขาย Investment Token จะถูกกำกับดูแลโดย ก.ล.ต. ภายใต้กฎเกณฑ์เรื่องการออกเสนอขายโทเคนดิจิทัลตาม พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล แต่การเสนอขาย Utility Token ที่เป็นสิทธิ์พร้อมใช้นั้นยังไม่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์การกำกับ

 

Utility Token กับประโยชน์การใช้งานจริงของผู้บริโภค

Utility Token เองก็ได้ถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในหลายๆ ด้าน ยกตัวอย่างเช่นเหรียญ

เหรียญ Filecoin และ Siacoin คือ ระบบการจัดเก็บไฟล์ใน Decentralized Network โดยทำการ encrypt และกระจายไฟล์ต่างๆ โดยปัจจุบัน Filecoin มีความสามารถในการจัดเก็บทั้งหมดมากว่า 1 Exbibyte ส่วน Siacoin มีความสามารถในการจัดเก็บมากกว่า 5.1 Penta Byte หากเทียบ 1 Exibyte เป็นไฟล์ภาพยนตร์จะเป็นไฟล์มากถึง 290 ล้านไฟล์ หรือ หากเป็น Video call จะเป็นวิดีโอที่อัดได้ยาว 685,000 ปีเลยทีเดียว



Civic เป็นโทเคนที่ใช้เครือข่ายที่ช่วยในการยืนยันข้อมูลเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน เช่นการยืนยันอายุเพื่อซื้อแอลกอฮอล์จากตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ เป็นต้น

Golem นั้นเป็น Decentralized Marketplace สำหรับระบบประมวลผลข้อมูล (Cloud Computing) โดยผู้ใช้งานสามารถใช้เน็ตเวิร์คในการให้ยืมระบบประมวลผลข้อมูลที่มีเหลือใช้ให้กับผู้อื่นได้ในลักษณะ Peer to Peer

BAT เน็ตเวิร์คที่ตัดตัวกลางในระบบโฆษณาและแบ่งรายได้ให้กับทั้ง ผู้ผลิตสื่อ ตัว Browser และผู้ใช้บริการ ซึ่ง BAT ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้อย่างเป็นส่วนตัวและสามารถสร้างรายได้จากการดูโฆษณาที่ตนสนใจ โดยปัจจุบัน BAT มีผู้ใช้งาน Active User ราว 30 ล้านคนต่อเดือน

ทั้งนี้ตัวอย่างเหรียญในด้านบนเป็นตัวอย่างเพื่อแสดงถึงตัวอย่างประโยชน์ของการใช้งานของ Utility Token แต่ไม่ได้เป็นการแนะนำถึง ความเหมาะสมของราคา ความน่าสนใจ และความเสี่ยงในการลงทุนแต่อย่างใด

 

โอกาสในการสร้าง Brand Loyalty กับลูกค้า

แม้แบรนด์หลายๆ แบรนด์ ได้พยายามทำโครงการ Rewards Program และ Loyalty Program ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการให้สิทธิ์ส่วนลดหรือสิทธิพิเศษต่างๆ แต่ในหลายๆครั้งสิทธิประโยชน์เหล่านี้ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้าและกลายเป็นการลงทุนของแบรนด์ที่สูญเปล่า

ในขณะเดียวกันยิ่งการแข่งขันระหว่างแบรนด์ในการเพิ่มฐานลูกค้ายิ่งเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าจะได้รับข้อเสนอให้สมัครโปรแกรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แต่โปรแกรมแต่ละโปรแกรมอาจไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการสักทีเดียว รวมทั้งในการสมัคร Rewards หรือ Loyalty Program แบรนด์มักจะขอให้ลูกค้าลงทะเบียนเพื่อเก็บข้อมูลไว้ใช้สื่อสารและทำความเข้าใจกับพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า ด้วยข้อเสนอของโปรแกรมจำนวนมากที่ไม่ตอบโจทย์ ความยุ่งยากในการกรอกและลงทะเบียนข้อมูล รวมทั้งอาจกังวลเรื่องความปลอดภัยในการให้ข้อมูลส่วนตัวลูกค้าอาจตัดสินใจไม่สมัครหรือไม่ใช้งาน Loyalty Program ของแบรนด์ ทำให้แบรนด์ไม่สามารถสร้างความพึงพอใจและสร้างฐานลูกค้าของตนเองได้ ในขณะที่ต้องลงทุนจำนวนมากในการสร้างและ จัดการ Loyalty Program ของตนเอง รวมทั้งต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า

เทคโนโลยีบล็อกเชนและความสามารถในการแปลงรีวอร์ดต่างๆเป็นโทเคน อาจเปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถเสริมศักยภาพ Loyalty Program ของตน โดยเชื่อมระบบสิทธิประโยชน์เข้ากับพาร์ทเนอร์แบรนด์ต่างๆ และขยายระบบนิเวศการใช้สิทธิประโยชน์ของลูกค้าร่วมกัน ซึ่งลูกค้าจะสามารถใช้สิทธิได้อย่างสะดวกมากขึ้น ในขณะที่แบรนด์ก็จะสามารถลดต้นทุนในการจัดเก็บข้อมูลและการรักษาความปลอดภัย

ซึ่งหลายๆแบรนด์ก็เริ่มเห็นประโยชน์ในการเชื่อม Loyalty และ Rewards Program เข้ากับแบรนด์อื่นๆ เช่น Starbucks ได้เชื่อมโยงการแลกรีวอร์ดของตัวเองกับ Air Canada และมีแผนที่จะใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนในการออกโทเคนของตัวเองและต่อยอดการใช้งานรีวอร์ดโปรแกรมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆต่อไป เช่นเดียวกับ Singapore Airline ที่ได้ทำบล็อคเชน Reward Wallet ของตัวเองชื่อ Krispay โดยเชื่อมการใช้งานรีวอร์ดโปรแกรมเข้ากับพาร์ทเนอร์ต่างๆกว่า 150 ราย และให้ลูกค้าสามารถเลือกดีลพิเศษจากร้านค้ากว่า 650 ร้านค้า รวมทั้งเปิดให้ลูกค้าสามารถแปลงไมล์การบินและรีวอร์ดต่างๆ ของพาร์เนอร์เป็นโทเค็นที่สามารถนำไปใช้จ่ายกับสินค้าและบริการจากร้านค้าต่างๆ




 โอกาสสร้างรายได้กับผลิตภัณฑ์เฉพาะผ่าน NFT 

โทเคนดิจิทัลเองก็สามารถแบ่งย่อย เป็นสินทรัพย์ประเภทย่อยอีกหนึ่งประเภทก็คือ  NFT ซึ่งเป็นโทเคนที่แสดงถึงสิทธิ์ในสินค้าหรือบริการที่ไม่ซ้ำใคร มีความเฉพาะ และไม่สามารถทดแทนได้ ยกตัวอย่างเช่น สิทธิ์ในผลงาน Digital Art เป็นต้น  NFTเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักสะสมและนักลงทุน และมีสิทธ์ในผลงานศิลปะ เช่นผลงานรูปของ Beeple ได้ถูกประมูลไปที่ราคากว่า 69 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งกระแสการสะสมสินทรัพย์ต่างๆผ่าน NFT ก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งของทั้งศิลปิน คนในวงการครีเอทีฟและดีไซน์ รวมทั้งแบรนด์ต่างๆ ปัจจุบันก็มีรูปแบบการสะสมสินทรัพย์ผ่าน NFT มีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสิทธ์ในต้นแบบของ งานศิลปะ การ์ดสะสมต่างๆ รูปที่สามารถใช้แทนตัวตนในออนไลน์ ชุดสำหรับ Avatar หรือแม้แต่วิดีโอช็อตสำคัญๆใน NBA เป็นต้น ซึ่งแรงจูงใจการสะสมอาจมาจากทั้ง ความชอบ มูลค่าทางจิตใจ การแสดงถึงสถานะ หรือความต้องการสะสมชิ้นงานหายากโดยคาดหวังว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

การใช้งาน NFT หลายๆตัวก็ได้ขยายตัว จากการสะสมชิ้นงานเป็นการสร้างคอมมูนิตี้กลุ่มนักสะสมและการถือ NFT ก็ใช้ในการแสดงความเป็นสมาชิก ในการเข้างานอีเว้นท์ต่างๆ เช่น กลุ่ม Bored Ape Yacht Club เป็นต้น และ หลายๆคนก็มีการใช้รูปที่ตัวเองถือสิทธิ์ผ่าน NFT ในการแสดงแทนตัวเองในดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ

ในอนาคตโอกาสการใช้งาน NFT อาจมีมากขึ้นอีก ด้วยโอกาสการนำNFT ไปใช้งานใน Metaverse หรือแพลตฟอร์มโลกสเมือน ซึ่งปัจจุบันบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook Microsoft และ Tencent ต่างๆเร่งสร้างผลิตภัณฑ์และคอนเทนต์เพื่อต่อยอดการใช้งาน Metavese ด้วยการเติบโตของ Metaverse การใช้ของผู้เวลาของผู้คนในโลกดิจิทัลผ่านตัวแทนที่เป็น Avatar จะเพิ่มมากขึ้น และจะมีงานครีเอทีฟและสินทรัพย์ต่างๆที่ถูกสร้างหรือแปลงให้ไปอยู่ในรูปแบบดิจิทัล และการใช้ NFT ในการยืนยันสิทธิ์ในต้นแบบของสินทรัพย์เหล่านั้นก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

ในอนาคตอันใกล้คนรุ่นใหม่จำนวนมากจะโตขึ้นมากับการใช้เวลาอยู่ในดิจิทัลเป็นเวลานาน เช่นในปัจจุบัน เกมส์ Roblox ซึ่งปัจจุบันมี Monthly Active User กว่า 200 ล้านคน และใช้เวลากว่า 3600 ล้านชั่วโมงในแพลตฟอร์มดังกล่าวในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งการใช้ชีวิตผ่านทางออนไลน์ที่มากขึ้นก็จะสร้างความคุ้นชิ้นและเพิ่มโอกาสการใช้ Metaverse กับกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ผู้คนก็อาจมีความผูกผันกับ Avatar และชิ้นงาน NFT ต่างๆมากขึ้นด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็จะเป็นโอกาสให้แบรนด์ต่างๆสามารถสร้างรายได้จากชิ้นงานครีทีฟต่างๆ เหมือนกับที่ Gucci เห็นโอกาสในการสร้างรายได้จากการขายสินค้าให้กับ Avatar ของผู้เล่นเกมส์ Roblox ให้เลือกซื้อชุด Gucci ให้ Avatar ของตัวเองสวมใส่ และยังได้ออกสินค้ากระเป๋า Gucci ที่ขายในรูปแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น เป็นต้น และ Nike เองก็ได้ประกาศว่าจะสร้าง Metaverse และ Nikeland ภายใน Roblox เช่นกัน




ด้วยความที่ NFT เป็นสิทธิในผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความเฉพาะ แบรนด์ยังสามารถหาวิธีนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการพิเศษเฉพาะแล้วเปิดประมูลเพื่อ สร้างความสนใจทางการตลาดและหารายได้เพิ่มเติม ยกตัวอย่างเช่นในกรณีของโรงแรม Ca’ di Dio ที่เวนิซที่ได้เปิดประมูลสิทธิในการเข้าพักห้องในวันเปิดตัวโรงแรมผ่าน NFT และสามารถประมูลได้ในราคากว่าคืนละ 100,000 บาท และสิ่งที่โรงแรมได้กลับมามากกว่ารายได้ คือความตื่นเต้นและความสนใจของลูกค้า รวมทั้งการเปิดช่องทางให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่สนใจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยแบรนด์โรงแรมยักษ์ใหญ่อย่าง Marriot ก็ได้เห็นความสำคัญในจุดนี้เช่นกันและได้ร่วมกับศิลปินดิจิทัลในการออก NFT งานศิลปะด้านการท่องเที่ยว และยังเตรียมที่จะเริ่มปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านกิจกรรมต่างๆใน Metaverse ในปีหน้าอีกด้วย


ค้าปลีกไทยเริ่มทยอยออกเหรียญ

ในส่วนของธุรกิจพานิชย์และค้าปลีก บริษัทรายใหญ่ของไทยหลายๆ รายก็อยู่ระหว่างการออกเหรียญมาเพื่อใช้งานทั้งกับภายในและภายนอกองค์กร ยกตัวอย่างเช่น

กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ที่ได้สร้างแอพลิเคชั่นที่รวบรวมแบรนด์และอีเวนท์ ต่างๆ ของห้างในเครือฯ และเตรียมออกเหรียญ Vizcoin เพื่อเปลี่ยนรีวอร์ดโปรแกรมที่เป็นแต้มสะสมต่างๆเป็นเหรียญ Vizcoin เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำเหรียญไปใช้ได้อย่างสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจากแบรนด์ต่างๆ และได้ทำความร่วมมือกับเครือข่ายธุรกิจประเภทต่างๆ จำนวนมากที่ร่วมกับแอพลิเคชั่น เพื่อให้ลูกค้ามีความสะดวกในการใช้ Vizcoin อีกทั้งยังทำ Exclusive Collection ด้านต่างๆ ในลักษณะของ NFT เพื่อเพิ่มประสบการณ์ของลูกค้า

ในขณะที่กลุ่มเซ็นทรัลเองก็ได้พัฒนาโทเคน C-coin โดยผลิตเหรียญผ่านบล็อคเชนแล้วให้พนักงานใช้โดยให้พนักงานกว่า 1,000 คนที่ใช้งานแล้วและมีแผนจะขยายให้พนักงานกว่า 80,000 คน ในหลายประเทศ โดยพนักงานจะได้รับเหรียญผ่านเกณฑ์ต่างๆ ที่ฝ่ายบุคคลกำหนด และสามารถใช้แลกกับสินค้าและบริการต่างๆ ในเครือเซ็นทรัลได้

ขณะเดียวกันบริษัท อาร์เอส ก็เตรียมจะออกโทเคน Popcoin ในเดือนมกราคมนี้ โดยออกเหรียญมาเพื่อวัดผลทางการตลาด โดยแบรนด์ต่างๆ สามารถซื้อเหรียญแล้วนำไปใช้ในการสร้างแคมแปญและวัดผลความสำเร็จของแคมเปญทางการตลาดต่างๆ ในขณะเดียวกันผู้บริโภคสามารถนำเหรียญที่ได้รับไปแลกกับสินค้าและบริการจากผู้ผลิตคอนเทนต์ต่างๆ ของบริษัทในเครือหรือจากพาร์เนอร์ของ อาร์เอส เช่นสามารถสะสมโทเคนเพื่อนำไปแลกตั๋วคอนเสิร์ตเป็นต้น


ความเข้าใจอาจหมายถึงโอกาสและสิทธิ์ในการปรับตัวก่อน

ด้วยความใหม่ของระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการพัฒนาการใช้งานไปอย่างรวดเร็ว อาจมีความไม่แน่นอนอยู่บ้างในเชิงกฏเกณฑ์ที่อาจมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในอนาคต แต่ด้วยความสนใจในกระแสการลงทุนและการสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลที่สูงขึ้นเรื่อยๆหลายๆ แบรนด์อาจต้องรีบทำความเข้าใจกับสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะทุกความเปลี่ยนแปลงย่อมนำมาซึ่งโอกาสใหม่ และแบรนด์ที่เห็นและสามารถใช้โอกาสใหม่ในการตอบโจทย์และขยายฐานลูกค้า ก็จะได้เปรียบในการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป


ผู้เขียน : ธนวัฒน์ พฤกษานานนท์ Tech & Innovation Advisor, Bnomics

 

ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่

Website : https://www.bnomics.co

Facebook : https://www.facebook.com/Bnomics.co

Blockdit : https://www.blockdit.com/bnomics

Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC

Youtube : https://www.youtube.com/bnomics

Twitter : https://twitter.com/bnomics_co

 

 

Reference :

https://coinmarketcap.com/

​​https://www.nytimes.com/2021/03/11/arts/design/nft-auction-christies-beeple.html

https://gamepolar.com/nike-is-constructing-its-metaverse-within-roblox/

https://vretreats.com/en/ca-di-dio/nft/

https://www.ledgerinsights.com/singapore-airlines-extends-its-blockchain-based-reward-digital-wallet/


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

TikTok ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์ที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคน ทั้งครีเอเตอร์ คอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน และธุรกิจทุกขนาดในไทย ด้วยการเปิดตัว…
pin
1323 | 14/02/2024
ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะที่ยานพาหนะต่าง ๆ ทั้ง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถไฟ และเรือ ต่างมุ่งสู่การใช้เชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ที่เป็นพลังงานสะอาดกันแล้ว แต่สำหรับการเดินทางโดยอากาศยาน…
pin
1692 | 26/01/2024
จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

ปี 2024 นี้ ธุรกิจไหนมาแรง ธุรกิจไหนน่าจับตา เทรนด์ธุรกิจใดกำลังมาแรง Bangkok Bank SME สรุปมาไว้ในบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางแก่ SME และผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจทุกท่าน…
pin
1933 | 25/01/2024
เมื่อแบรนด์ต้องหันมามองโทเคนดิจิทัล