ยุคนี้เป็นยุคที่การทำธุรกิจนั้นทั้งง่ายที่สุด และยากที่สุดในเวลาเดียวกัน ความง่ายคือ คุณสามารถเข้าถึงเครื่องมือต่างๆ ในการทำงานได้อย่างเต็มที่ สะดวกสบาย และรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่วินาทีคุณก็สามารถมีหน้าร้านออนไลน์เป็นของตัวเองได้แล้ว ซึ่งนับเป็นความวิเศษที่ยุคสมัยแห่งเทคโนโลยีนี้มอบให้
แต่ในทางกลับกัน ความยากกลับยิ่งทวีคูณจากการแข่งขันที่มากขึ้น คนสามารถทำคอนเทนต์ด้วยตัวเองได้ผ่านเครื่องมือเหล่านั้น สร้างเรื่องราวที่น่าประทับใจและส่งต่อข้อมูลต่างๆ ให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างง่ายดาย การแข่งขันจึงสูงขึ้น จึงต้องงัดทุกสิ่งที่มีออกมาใช้เพื่อสร้างความโดดเด่น แตกต่าง และเพิ่มโอกาสที่เหนือกว่าคู่แข่งให้ลูกค้าหันมาเลือกคุณแทน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สินค้าแบบเดียวกัน ทุกอย่างเหมือนกัน แต่ขายไม่ได้ “Storytelling” ช่วยคุณได้แน่นอน
เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาสู่ชีวิตประจำวัน
จนเปิดโอกาสให้ผู้คนมีส่วนร่วมทำในสิ่งที่ตัวเองชอบได้พร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะจากที่ไหนก็ตาม
ส่งผลให้เว็บไซต์ธุรกิจเกิดขึ้นเยอะมาก รวมถึงแฟนเพจ เฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ IG ที่มีร้านค้าต่างๆ เปิดให้บริการเต็มไปหมด
กลายเป็นโจทย์ยากของคนทำธุรกิจที่ต้องหาคำตอบว่า “จะทำยังไงให้เราโดดเด่นกว่าคนอื่น”
เพราะการขายสินค้าที่เหมือนกันทุกอย่างนั้น
ลำพังแค่คอนเทนต์การขายอย่างเดียวอาจจะไม่ใช่ King หรือตัวแปรสำหรับเรื่องนี้อีกต่อไป
เนื่องจากสินค้าแบบเดียวกัน
การสร้างคอนเทนต์ที่มอบความรู้ ให้ประโยชน์ หรือสอน How to ต่างๆ ก็ต้องเหมือนกัน ทำให้ทั้งร้านคุณ
และร้านคู่แข่งแทบไม่มีอะไรต่างกัน จนลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการจากใครก็ได้
ไม่รู้สึกผูกพันกับใครทั้งสิ้น ถ้าคุณตอบช้านิดเดียว ลูกค้าก็พร้อมไปทันที
เพราะฉะนั้นหากต้องการขายสินค้าในแบบที่มีคนขายกันเยอะแล้ว
แต่อยากอัปราคาให้ได้ พร้อมขายให้ออกโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเสียลูกค้าหรือโดนแย่งไป
คุณต้องทำการตลาดโดยการสร้างความผูกพันให้คนรู้จักกับตัวตนของแบรนด์คุณ
ผ่านเรื่องเล่าต่างๆ ที่จะทำให้สินค้าและบริการของคุณดูมีคุณค่ามากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่คุณเคยผ่านมา
กว่าจะมาถึงวันนี้แบรนด์ต้องพบเจออะไรบ้าง ทำไมอยู่ๆ ถึงทำธุรกิจนี้
และเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้อย่างไร ใส่ใจมันมากแค่ไหน
อะไรก็ได้ที่เป็นจุดเด่นที่มีแต่คนอื่นไม่มี Story เหล่านี้เป็นสิ่งที่ลูกค้าอยากฟัง
และพร้อมจะเปิดใจใช้บริการกับคุณอย่างรู้สึกดีและเป็นกันเอง
การสร้าง Storytelling ที่ดีที่สุด ไม่ใช่การชี้จุดเด่นของสินค้า
แต่เป็นการเล่าเรื่องให้คนฟังรู้สึกร่วม
คุณอาจจะเคยทำการตลาดในรูปแบบต่างๆ
มาแล้วมากมาย เช่น ลดราคา ส่งเสริมการขาย สร้างโปรโมชั่น หรือลด แลก แจก แถม ต่างๆ
พร้อมบอกถึงข้อดีที่ลูกค้าจะได้รับหากใช้บริการกับคุณ
หรือซื้อสินค้าตัวนี้ไปใช้งาน ซึ่งนั่นเป็นการทำตลาดขั้นเริ่มต้นอาจสามารถทำได้
หากคู่แข่งในธุรกิจไม่ได้เยอะมาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คู่แข่งของคุณถือกำเนิดขึ้นมากมาย
เขาสามารถขายสินค้าแบบเดียวกับคุณได้ทุกอย่าง เมื่อนั้นการตลาดรูปแบบเดิมๆ
จะใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ดังนั้นหากไม่อยากเล่นเกมสงครามราคา เพื่อลดราคาเอาใจผู้บริโภคจนการทำธุรกิจได้กำไรน้อยนิดกว่าที่เคย
คุณต้องหันมาเล่น Storytelling แทน
เพราะมีการวิจัยออกมายืนยันแล้วว่า
การเล่าเรื่องจะช่วยสร้างความประทับใจให้คนฟังมากกว่าการยกสถิติความเป็นจริงขึ้นมาพูด
มีข้อมูลทางสถิติเผยว่า
การระดมทุนช่วยเหลือเด็กขาดแคลนในแอฟริกาโดยใช้วิธีเล่าเรื่องราวชีวิตที่น่าสงสารของเด็กหญิงโรเกีย
วัย 8 ขวบ สามารถช่วยเรียกเงินบริจาคได้สูงกว่าการยกสถิติต่างๆ
ขึ้นมาพูดเพื่อให้คนเห็นภาพ
เหตุผลที่เป็นอย่างนั้นเพราะสมองของมนุษย์เราจะรู้สึกได้รับความเชื่อมโยง
และรู้สึกผูกพัน คล้อยตาม
หรือรู้สึกถูกกระตุ้นได้ดีกว่าเมื่อได้รับฟังเรื่องราวใดเรื่องราวหนึ่ง
มากกว่าการรับฟังข้อเท็จจริงที่อาจเกิดขึ้น
เคยมีการทดลองให้ผู้เข้าร่วมได้ดูสารคดีเรื่องราวของหญิงสาวชาวรัสเซีย
ที่มีชีวิตลำบากจนต้องหนีออกจากประเทศ จากนั้นใช้เครื่องสแกนสมองไปด้วยระหว่างดู
พบว่าสมองของผู้เข้าร่วมทดลองมีลักษะการทำงานเหมือนกับสมองของผู้หญิงชาวรัสเซียเจ้าของเรื่อง
นั่นแสดงให้เห็นถึงพลังของการเล่าเรื่อง ที่จะเสกให้ใครสักคนเข้าใจ รับรู้ถึงสารที่ต้องการจะสื่ออย่างลึกซึ้ง ไว้ใจ และเกิดการจดจำกันได้ง่ายขึ้น สื่อถึงกันได้เป็นอย่างดี กระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกอินกับสินค้า หรือแบรนด์อย่างประสบความสำเร็จ
4 เรื่องเล่า Storytelling
ที่ช่วยคุณได้อย่างแน่นอน
หลังจากได้รู้แล้วว่าพลังของการเล่าเรื่องราวของแบรนด์คุณนั้นมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
แน่นอนว่าหลายๆ
คนอาจยังคิดไม่ตกว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวตรงนี้ออกมายังไงให้น่าสนใจ ซึ่ง 4 ประเด็นการเล่าเรื่องเหล่านี้ช่วยให้คุณสร้าง Storytelling
ที่ผู้คนชื่นชอบขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
1. เล่าเรื่องราวที่เป็นประโยชน์
: ไม่ว่าใครต่างก็ชื่นชอบเรื่องเล่าที่สร้างประโยชน์ให้เขา
เป็นเรื่องราวที่ทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น
แม้มันจะไม่ได้ใช้งานอยู่เป็นประจำทุกวันก็ตาม
2. เล่าเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
: เรื่องราวสุดประหลาดที่คนฟังอาจไม่คาดคิด
เป็นหนึ่งในเรื่องเล่าที่ดีที่สุดที่จะทำให้คนจดจำ ไม่ว่าจะเป็นสถิติแปลกๆ
หรือข้อเท็จจริงที่คุณมี แต่หลายคนอาจคาดไม่ถึง
3. เล่าเรื่องที่คนมีอารมณ์ร่วมง่าย
: เรื่องเหล่านี้มีเยอะแยะมากมาย
ทั้งเรื่องตื่นเต้น เรื่องที่ทำให้ดีใจ เรื่องที่ทำให้โกรธ
หรือเรื่องที่ทำให้ตื้นตัน ไม่ว่าแบรนด์คุณจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวแบบไหน
แค่เล่ามันออกมาให้อยู่ในช่องทางเหล่านี้
ก็จะบิ้วอารมณ์ผู้คนให้คล้อยตามได้ง่ายขึ้น
เป็นกลไกการตอบสนองของสมองในรูปแบบหนึ่ง
4. เล่าเรื่องราวที่เป็นความลับ
: เรื่องลับๆ
ที่ไม่มีใครรู้ หรือการสร้าง Story ให้ผู้บริโภคเหมือนเป็นคนวงในของแบรนด์คุณ
เผยให้เขารู้ความลับที่คุณไม่เคยบอกใคร เรื่องพวกนี้คนชอบแน่นอน
สามารถเลือกเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้มานำเสนอได้เลย พร้อมผสมผสานความแตกต่าง และโดดเด่นในแบบของคุณ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในใจลูกค้า และที่สำคัญต้องไม่ลืมที่จะสอดแทรกความเอาใจใส่ ทั้งในด้านของสภาพแวดล้อม และกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อให้แบรนด์ของคุณเป็นแบรนด์รักษ์โลก ซึ่งเป็นเทรนด์การตลาดที่กำลังมา และเป็นภาพลักษณ์ดีๆ ที่ไม่ว่าใครก็อยากใช้บริการ
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
สร้างแบรนด์แบบ Carnival ปังและดังมากในโลกออนไลน์
เทคนิคสร้างยอดขายให้ปัง แบรนด์ดังด้วย Storytelling