สมัยก่อน
ถ้าคนเป็นพ่อแม่อยากให้ลูกสบาย ก็บอกให้ลูกตั้งใจเรียนจนจบมหาวิทยาลัย
แล้วหางานกับบริษัทหรือองค์กรดีๆ สักแห่ง ที่จะดูแลพนักงานไปจนเกษียณ
ยุคสมัยเปลี่ยนไป
งานประจำที่มั่นคงหายากขึ้นทุกวัน เพราะเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งอย่าง
ในสหรัฐมีการคาดหมายว่าภายในปี 2563 คนวัยทำงานจำนวนกว่า 40% จะทำงานอิสระ
รูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป ทำให้การเรียนรู้วิถีการทำธุรกิจ หรือการทำกิจการอะไรสักอย่างของตัวเอง เป็นสิ่งจำเป็น
ยิ่งปลูกฝังค่านิยมเหล่านี้ให้ลูกตั้งแต่ยังเด็ก จะช่วยให้ลูกพร้อมรับสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามา ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและสภาพแวดล้อมที่ยุ่งเหยิง โดยพ่อแม่สามารถปลูกฝังนิสัยการทำธุรกิจให้แก่ลูกได้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
ทำตัวเป็นตัวอย่าง
เด็กมักเรียนรู้จากพ่อแม่ ดังนั้น
พ่อแม่จึงสามารถแสดงหรือสร้างบรรยากาศเพื่อบ่มเพาะจิตวิญญาณนักธุรกิจน้อยๆ ให้ลูกได้เห็น
เช่น หาวิธีแก้ปัญหาต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ มองโลกในแง่บวกแม้เผชิญความล้มเหลว
และริเริ่มหรือลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง
สิ่งเหล่านี้จะช่วยปลูกฝังทัศนคติของความขยันขันแข็ง
ความคิดสร้างสรรค์ และความอดทนไม่ย่อท้อ อันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจ
ทั้งยังสามารถต่อยอดความอยากรู้อยากเห็นและความกระตือรือร้น อันเป็นลักษณะของวัยเด็กได้ด้วย
สนับสนุนให้แก้ปัญหา
เมื่อได้รับการบอกให้ทำอะไร
เด็กจำนวนมากมักทำโดยไม่ได้คิดถึงคุณภาพของงาน
แต่พ่อแม่สามารถปลูกฝังให้ลูกรู้จักคิด อย่างตอนบอกให้ลูกเก็บห้อง
แล้วลูกมารายงานว่าทำเสร็จแล้ว ก็อาจถามลูกว่าเก็บยังไงบ้าง
แล้วถามต่อว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้มั้ย จะทำให้ลูกได้คิดและหาวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บห้อง
แทนที่จะเอาข้าวของไปซุกไว้ในตู้หรือใต้เตียง
นักธุรกิจต้องมีทักษะในการแก้ปัญหา
เพราะเมื่อเผชิญการท้าทาย เจ้าของกิจการไม่สามารถซุกปัญหาไว้ใต้เตียงแล้วบอกว่าแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว
แต่ต้องพิจารณาประเด็นที่เป็นปัญหา แล้วลงมือแก้ไข
บ่มเพาะแนวคิดกล้าเสี่ยงจึงได้ผลตอบแทน
พ่อแม่จำนวนมากไม่ยอมพูดคุยเรื่องเงินกับลูก
แน่นอนว่าลูกอาจไม่เข้าใจเรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างทะลุปรุโปร่ง
แต่การไม่คุยเรื่องนี้กับลูกจะยิ่งทำให้ยากต่อการทำความเข้าใจ
ทั้งที่เด็กควรเรียนรู้ว่ากว่าจะได้เงินมานั้น ต้องทำงาน
นอกจากนั้น พ่อแม่สมัยใหม่อาจอยากปกป้องลูก
ไม่อยากให้ทำอะไรเสี่ยงๆ แต่ก็พร้อมจะให้รางวัลลูก ทั้งที่ถ้าเข้าใจแนวคิดของการกล้าเสี่ยงจึงจะได้ผลตอบแทน
ลูกจะเห็นคุณค่าของการทำงานหนักหรือการขยันขันแข็ง
ความกล้าเสี่ยงทำธุรกิจ
กับพฤติกรรมเสี่ยงทั่วๆ ไป มีความแตกต่างกัน
เพราะความกล้าเสี่ยงในการทำธุรกิจคือการริเริ่มหรือการลงมือทำ ซึ่งการปลูกฝังนิสัยนี้แก่ลูก
อาจหมายถึงการให้ลูกคิดและทำอะไรอย่างสร้างสรรค์ในเชิงรุก
เพื่อแลกกับสิ่งที่ลูกต้องการ
สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์
วิธีหนึ่งที่สามารถปลูกฝังนิสัยนักธุรกิจให้แก่ลูกได้อย่างมาก
คือสนับสนุนไอเดียต่างๆ ของลูก
แม้ไอเดียเหล่านี้อาจฟังดูไม่เข้าท่าเข้าทางสักเท่าไรก็ตาม แต่อย่าไปดับฝันด้วยการหัวเราะเยาะความคิดของลูก
หรือพ่อแม่อาจถามลูกว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร
ซึ่งคำตอบที่ได้อาจอลังการมาก อย่างเป็นมนุษย์อวกาศหรือนักบัลเลต์
หากพ่อแม่สนับสนุนให้ลูกไล่ตามความฝัน ก็มีแนวโน้มที่ลูกจะมีนิสัยของการมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายที่ท้าทายในอนาคต อย่างรายของ Cameron Herold นักพูดชื่อดัง นักเขียน และเจ้าของกิจการ ซึ่งฉายแววอัจฉริยะในการค้าขายตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ความที่ชื่นชอบหนังสือการ์ตูน เลยปิ๊งไอเดียนำหนังสือการ์ตูนที่เขาอ่านแล้ว มาขายต่อ โอกาสทำนองนี้มีอยู่ทุกที่ และลูกอาจมองเห็นลู่ทาง หากพ่อแม่คอยสนับสนุนให้ทำในสิ่งที่ชอบ
สร้างบรรยากาศท้าทาย
นักธุรกิจที่ดีจะรายล้อมตัวเองด้วยคนที่ฉลาดกว่า ดีกว่า และมีประสบการณ์มากกว่าในด้านต่างๆ สิ่งนี้สามารถนำพาไปสู่การเติบโตและการส่งเสริมซึ่งกันและกัน หากลูกไม่สามารถรับมือได้ถ้าต้องเจอกับการแข่งขัน หรือยอมรับไม่ได้กับความเป็นจริงที่ว่าไม่สามารถเป็นที่หนึ่งเสมอไป ลูกจะมีปัญหาในการรับมือกับการท้าทาย
การสร้างบรรยากาศที่ท้าทายสำหรับลูกตั้งแต่วันนี้
จะช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับลูก ให้สามารถรับมือการท้าทายในอนาคต
ตอนที่เล่นเกมกับลูก อย่าปล่อยให้ลูกชนะทุกครั้ง อย่าสั่งอาหารแทนลูกตอนไปกินอาหารที่ร้าน
อย่าปกป้องลูกจากการท้าทายหรือความล้มเหลวที่จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้
สิ่งเหล่านี้จะหล่อหลอมให้ลูกเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความยืดหยุ่น
พ่อแม่อาจคุยถึงประสบการณ์ของตัวเองให้ลูกฟัง
ว่าเรียนรู้อะไรมาบ้างเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ หรือหากขับรถหลงทาง
ก็สามารถชี้ชวนให้ลูกดูว่าถนนสายนี้ก็มีสิ่งน่าสนใจเหมือนกัน เพราะอุปสรรคระหว่างทางหรือการที่สิ่งต่างๆ
ไม่เป็นไปตามแผน เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยเวลาและเส้นทางของการเรียนรู้
ก็ไม่ได้เป็นเส้นตรง หรือราบเรียบไปตลอด
แม้มีโรงเรียนสอนธุรกิจอยู่มากมาย แต่การปลูกฝังนิสัยนักธุรกิจลงไปอย่างเป็นธรรมชาติตั้งแต่เด็กๆ จะเป็นการเตรียมความพร้อมให้ลูกรับมือได้กับทุกสิ่ง รวมถึงปัญหาที่แสนยาก