กระแสการท่องเที่ยวกางเต้นท์นอนอุทยานแบบแคมป์ปิ้งกำลังมาแรง และได้รับความสนใจอย่างดีจากนักท่องเที่ยวชาวไทยยุค New normal ที่มีความต้องการท่องเที่ยวทำกิจกรรมกลางแจ้ง สร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกลุ่มเพื่อนและครอบครัวแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งในวงการเรียกนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ว่า ‘สายแคมป์’ นิยามถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มที่รักกิจกรรมกลางแจ้ง ชอบนอนเต็นท์ในสถานที่ธรรมชาติมากกว่านอนโรงแรม และมีสิ่งอำนวยความสะดวกพอสมควร มุ่งเน้นกิจกรรมความบันเทิงในหมู่คณะหรือแม้แต่การปลีกวิเวกคนเดียว
สำหรับในไทยการจัดกิจกรรมแคมป์ปิ้งส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ป่าอุทยาน เนื่องจากมีความสะดวก ปลอดภัย ไว้วางใจได้ และมีทั้งในส่วนของการเปิดให้เช่าอุปกรณ์ กางเต้นท์นอน จุดไฟ ห้องน้ำ สัญญาณโทรศัพท์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลความปลอดภัย ทำให้ไว้วางใจได้ในระดับหนึ่ง อุทยานจึงกลายเป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวสายแคมป์ปิ้งให้ความสนใจ แต่ก็ควรจะศึกษาข้อควรระวังและอันตรายที่ห้ามทำระวังป้องกันไว้เป็นคู่มือเพื่อป้องกันข้อผิดพลาดหรืออันตรายร้ายแรงที่อาจถึงแก่ชีวิตจาก 10 ข้อห้ามดังนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1.
ห้ามนำเตาไฟ เทียน ตะเกียงไฟ เข้าไปในเต็นท์
แม้อากาศจะหนาวเหน็บจนร่างกายเรียกร้องหาความอบอุ่นเพียงใด
ก็อย่าได้ประมาทเผลอนำเตาไฟเข้าไปในเต็นท์ที่ปิดมิดชิด
เพราะการเผาไหม้ของไฟจะดึงออกซิเจนไปจากอากาศที่มีอยู่ในเต็นท์
และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจนทำให้ออกซิเจนหมดและเสียชีวิตได้
หรืออาจเกิดไฟไหม้ได้ ดังนั้นแสงสว่างภายในเต็นท์ควรใช้โคมไฟแอลอีดีจะปลอดภัยกว่า
ส่วนใครที่ขี้หนาวก็สามารถใช้แผ่นร้อนแบบพกพาจะช่วยให้อุ่นขึ้นได้แถมปลอดภัยอีกด้วย
2.
ระวังสัตว์มีพิษตามพื้นดิน
ก่อนกางเต็นท์
ควรปัดกวาดเศษใบไม้ทำความสะอาดพื้นที่บริเวณที่จะกางเต็นท์นอนให้โล่งเตียน เพื่อป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน
เช่น แมงป่อง ตะขาบ หรือแม้แต่งู ซุกซ่อนตัวตามถุงนอน กองเสื้อผ้าหรือหลืบต่างๆ
ก่อนเข้านอนหรือกางเต้นควรตรวจตราให้รอบครอบ และทริคง่ายๆ
สำหรับการป้องกันสัตว์มีพิษเข้าเต็นท์ คือยาฉีดกันแมลง
สามารถฉีดกดลงพื้นพื้นดินรอบเต็นท์เป็นจุดๆ ปกติสัตว์เลื่อยคลานจะไวต่อกลิ่น
วิธีนี้จะสามารถป้องกันสัตว์เลื้อยคลานไม่ให้มาหาเราได้ในขณะที่เราอยู่ในเต็นท์
3.
อย่ากางเต็นท์ใต้ต้นไม้ใหญ่
จริงๆ
ก็ไม่ใช่กฎที่ตายตัวนักสำหรับการนอนในป่ากับการกางเต็นท์ใต้ไม้ใหญ่
แต่ก็เป็นสิ่งควรระวังเพราะถ้าฝนตกกิ่งไม้อาจหักลงมา
หรือต้นไม้โค่นล้มลงมาทับเต็นท์ได้ รวมทั้งหากเป็นช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง จนทำให้เกิดอันตรายจากฟ้าผ่าลงกลางต้นไม้ได้
ดังนั้นควรหาทำเลใต้ร่มเงาไม้ที่ไม่ใหญ่นัก
หรือหากเลี่ยงไม่ได้ก็สังเกตก่อนว่ามีกิ่งไม้แห้งตายบนต้นไม้หรือไม่
ถ้ามีก็อย่าไปกางแถวนั้นเชียว
4.
ไม่กางเต็นท์ในพื้นที่โล่ง
จุดกางเต็นท์ไม่ควรวางอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง
โดยไม่มีโขดหินหรือต้นไม้บังทิศทางลม เพราะบนพื้นที่สูงนั้นจะมีลมกรรโชกแรง ลมตีเต็นท์ทั้งคืนคงไม่สนุกแน่
ซึ่งอาจพัดพาเต็นท์ปลิวหรือพังได้
แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ควรใช้สมอบกยึดเต็นท์ทุกด้านให้แน่น
โดยปักสมอบกมุมทแยงแนวต้าน 45 องศา
5.
ไม่ควรกางเต็นท์อยู่บริเวณชายเขา
ชายเขาหรือพื้นที่ลาดเชิงเขาก็ไม่ใช่ที่น่านอนกางเต็นท์
เพราะหากฝนตกหนัก
น้ำจะไหลผ่านและถ้าหากน้ำเกิดไหลไม่หยุดจะมีน้ำมากจนเกิดอันตรายได้
หรืออาจเกิดดินสไลด์ ซึ่งหากจำเป็นควรสังเกตบริเวณโดยรอบว่าพื้นดินเป็นดินทรายปนหิน
ดินร่วน หรือดินเหนียว เพราะหากเป็นดินทรายปนหินหรือดินร่วนบนทราย
หากเป็นหน้าฝนอย่าได้นอนเด็ดขาด ถอยห่างให้ไกลเชิงเขาอย่างน้อย 10
เมตรถ้าเป็นไปได้
6.
ไม่กางเต็นท์ในทางน้ำไหล ริมน้ำหรือลำธารที่แห้งแล้ง
โดยปกติก็ไม่ควรนอนขวางทางน้ำ
แม้จะเป็นทางน้ำไหลหรือแห้งก็ตาม เพราะเมื่อฝนตกไหลบ่าลงลำธาร
อาจจะเกิดน้ำป่าไหลเต็มภายในไม่กี่นาที ต้องลุกย้ายเต็นท์หนีน้ำกลางดึกคงไม่สนุก
หรืออาจเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตถ้าเกิดกระแสน้ำป่าและโคลนถล่ม
เพราะแม้หลักการกางเต็นท์หรือพักค้างแรมในป่ามักจะต้องใกล้น้ำ แต่ก็ควรถอยห่างจากลำธารขึ้นสูงมาสักหน่อยปลอดภัยไว้ก่อน
7.
ไม่กางเต็นท์บริเวณทางเดินสัตว์ (ด่านสัตว์)
สมัยนี้เขตอุทยานคงไม่มีด่านสัตว์
แต่หากออกนอกจุดพื้นที่ความปลอดภัยก็ควรดูรอยเท้าตามพื้นไว้บ้าง
สังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวทุกครั้งก่อนกางเต็นท์
เพื่อเลี่ยงการปะทะกับสัตว์ป่าที่อาจออกมาหากินตามทางเดินยามค่ำคืน
ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ และเจ้าถิ่นที่อันตรายที่สุดคือช้างป่า ดังนั้นจำให้ขึ้นใจ
เห็นรอยเท้าช้าง มูลช้าง อย่ากางเต็นท์แถวนั้นเด็ดขาด
เพราะเจ้าถิ่นอาจไม่ชอบใจและอาจยกพวกมากระทืบเอาได้
8.
ระวังฟืนไฟ
อุทยานหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบางพื้นที่สามารถก่อไฟปรุงอาหารได้
แต่เราควรระวังเรื่องไฟไว้ให้มาก ซึ่งเราอาจเป็นส่วนหนึ่งในการเผาป่าก็เป็นได้
ก่อนกลับต้องดับให้สนิท และอย่ากางเต็นท์ข้างกองไฟ เพราะสะเก็ดไฟอาจไหม้เต็นท์ได้
9.
ไม่ควรกางเต็นท์บริเวณที่มีน้ำขังหรือหญ้ารก
บริเวณหนองบึง
ที่มีน้ำขัง อาจมีสัตว์เลื้อยคลานหลบซ่อนอยู่
และเป็นแหล่งชุกชุมของยุงอาจทำให้เป็นไข้มาเลเรียได้ รวมทั้งบริเวณที่มีหญ้ารก
พงหญ้าสูง ก็ไม่ควรไปถากถางเพื่อกางเต็นท์ เพราะอาจเป็นที่อยู่ของสัตว์มีพิษ
ควรหาที่โล่งเตียนจะดีกว่า
10.
รักษามารยาทอันดีที่ควรพึงมีต่อส่วนรวม
จริงอยู่ว่าการแคมป์ปิ้งเป็นกิจกรรมสันทนาการในรูปแบบหนึ่งของกระแสนิยมในสมัยนี้ แต่ท่ามกลางธรรมชาติก็ไม่ควรส่งเสียงดังมากจนไป เพราะนอกจากจะสร้างความรำคาญให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นที่พักอยู่บริเวณใกล้เคียงแล้ว เสียงอันดังอาจทำให้สัตว์ตื่นตกใจ แตกกระเจิงเข้าทำร้ายผู้อื่นหรือตัวเองได้
จริงๆ
ยังมีข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติอีกมากมาย ในการไปเที่ยวป่าหรือนอนกางเต็นท์ในป่าที่ผู้รักธรรมชาติควรต้องรู้ไว้
เช่น ขยะทุกชิ้นที่นำไปควรนำกลับไปด้วย อย่าทิ้งไว้เป็นที่ระลึกในป่าอย่างเด็ดขาด
รวมถึงการอย่าแตะต้องหรือทำลายธรรมชาติไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม
ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบเดิมเหมือนที่เคยเป็น และสำคัญเลยรักจะแคมป์ปิ้งต้องรักธรรมชาติ
ช่วยกันส่งต่อจิตสำนึกที่ดีให้แก่นักกางเต็นท์หน้าใหม่ๆ ด้วย
แหล่งอ้างอิง http://portal.dnp.go.th/