ช่วงปีใหม่หรือตรุษจีน
คนไทยมักจะบินไปฮ่องกงเพื่อไปไหว้เจ้าขอพรตามวัดดัง ๆ กันอย่างเนืองแน่น แต่บางครั้งการเข้าวัดของบางคน
มีวัตถุประสงค์เพียงแค่สงบจิตใจทำสมาธิเท่านั้น
ถ้าเช่นนั้นคุณต้องไปวัดนี้เลย
สำนักชีฉีหลิน หรือ Chi
Lin Nunnery
ขอกระซิบบอกว่าสำนักชีฉีหลิน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
สำนักชีฉีหลิน ตั้งอยู่ฝั่งเกาลูน
ฮ่องกง สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ขอแนะนำให้นั่งรถไฟใต้ดินสีเขียวสะดวกที่สุด ให้ขึ้นที่สถานี Diamond Hill โผล่ขึ้นมาเจอห้าง
Hollywood เดินออกมาหน้าห้าง แล้วเลี้ยวขวาเดินไปตามถนน Fung Tak จะมีป้ายบอกทางไปสำนักชีเป็นระยะ
ๆ วัดจะตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน
โดยมีสะพานลอยเชื่อมให้เดินข้ามสบาย ๆ เข้าไปถึงสำนักชีเลย
ถนนปูนที่ทอดยาวไปถึงซุ้มประตูบ้านใหญ่ที่กั้นระหว่างสำนักชีกับความวุ่นวายทางโลกนั้น สองฟากเป็นไม้ดัดในกระถางใหญ่สวยงามมาก เมื่อก้าวผ่านประตูวัดเข้าไป เสมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกอีกใบที่สงบร่มรื่น แม้ว่ารอบ ๆ สำนักชีจะมีแต่ตึกสูงรายล้อมอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความขลังของสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ลดน้อยลงเลย
เมื่อก้าวผ่านพ้นประตูเข้ามา ความงดงามสุดอลังการแฝงด้วยสงบร่มรื่นเหมือนภาพวาดที่ทำให้จิตวิญญาณของผู้มาแสวงบุญเกิดความสงบและอิ่มเอม อาคารไม้ขนาดใหญ่มากทาสีเกือบจะดำ
สร้างด้วยศิลปะจีนผสมญี่ปุ่นตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
โดยมีอาคารบริวารลดหลั่นกันทั้งซ้ายและขวา
และมีระเบียงไม้โปร่งเชื่อมเป็นทางเดินจากประตูทางเข้าทั้งด้านซ้ายและขวาไปจนถึงอาคารใหญ่
ส่วนทางเดินหลักปูลาดด้วยหินขนาดใหญ่ไปจนถึงตัวอาคาร โดยมีการแต่งสวนคล้าย ๆ ญี่ปุ่น
มีสระบัวขนาดใหญ่ และที่สะดุดตามาก ๆ ตั้งแต่ทางเข้ามาวัดมาเลยคือ บอนไซหรือไม้ดัดจำนวนมากที่ปลูกทั้งในกระถางและปลูกในดิน
ถือเป็นงานศิลปะที่ตกแต่งจากธรรมชาติให้งดงามเหนือจริง
สมแล้วกับที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งก่อสร้างไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน สมกับเจตนารมย์ในการสร้างสำนักชีแห่งนี้เพื่อให้เป็นแดนสุขาวดีเหมือนภาพวาดที่พบในถ้ำมั่วเกา ถ้ำงดงามด้วยพุทธศิลป์จีนทั้งพระพุทธรูป และจิตรกรรมฝาผนัง ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี ปัจจุบันถ้ำแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกด้วย
สำนักชีฉีหลิน เป็นวัดพุทธนิกายมหายาน
มีอาณาบริเวณกว้างถึง 33,000 ตารางเมตร สร้างขึ้นเมื่อปี 1943 และมีการบูรณะอีกครั้งในปี 1998 พระอาราม 16 หลังล้วนสร้างจากไม้กลิ่นหอมตระกูลสน
และไม่มีการใช้ตะปูตอกสักตัว คงเหมือนบ้านไทยโบราณที่ไม่ใช้ตะปูเหมือนกันแต่เข้าไม้โดยการตอกลิ้มเพื่อตรึงไม้กับเสาหรือคานบ้าน
ความงดงามของอาคารไม้เป็นสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์ถังที่พุทธศาสนารุ่งเรืองมากที่สุด โถงตรงกลางใหญ่สุดเป็นที่ประดิษฐานองค์พระประธานคือพระศรีสากยมุนี รวมถึง เจ้าแม่กวนอิม และพระโพธิสัตว์อีกหลายองค์ที่สร้างจากทองคำ ดินเผา ไม้และหิน ตั้งประดิษฐานตามระเบียงทางเดินสองฟากของวัด
ผู้เขียนคิดว่าสำนักชีแห่งนี้น่าจะแบ่งอาณาเขตออกเป็น
3 ส่วน คือด้านหน้าจากประตูทางเข้า ผ่านสวนไปจนถึงพระอารามใหญ่ อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินเล่นตามสบาย แต่พอเข้าสักการะองค์พระประธานในพระอารามใหญ่
ทุกคนจะต้องสำรวม และห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด บางช่วงถ้ามีแม่ชีสวดมนตร์อยู่ภายใน
นักท่องเที่ยวสามารถยืนไหว้พระได้เฉพาะภายนอกเท่านั้น ส่วนด้านหลังพระอารามใหญ่ ถือเป็นเขตห้ามเข้า ซึ่งน่าจะเป็นกุฏิที่แม่ชีใช้จำวัดอยู่
วัดนี้ไม่เป็นพุทธพาณิชย์ นอกจากไม่เก็บค่าเข้าชม แล้ว ยังไม่มีการจำหน่ายหรือเช่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น และผู้เขียนพยายามหาว่าคนนิยมมาไหว้พระที่นี่ต้องขอพรอะไรถึงจะสมหวัง แต่ก็หาไม่พบ จึงเชื่อว่าแค่เดินเข้ามาสวดมนตร์ไหว้พระในบรรยากาศสงบก็ช่วยหยุดจิตที่วุ่นวายกับสิ่งรอบตัวได้ เหมือนได้เข้ามาเติมพลังชีวิต
ใครที่มาไหว้ขอพรเสร็จแล้วถ้ายังมีเวลาเหลือควรเดินข้ามไปฝั่งตรงข้ามวัด
เพื่อไปชมสวนธรรมชาติที่งดงามที่สุดในฮ่องกงนั่นคือสวนหนานเหลียน สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ถังเช่นเดียวกับสำนักชี ภายในสวนร่มรื่นด้วยไม้ขนาดใหญ่
รวมทั้งไม้บอนไซและสวนหิน มีศาลาสีทองตั้งอยู่กลางน้ำ
มีชื่อว่า “Pavilion
of Absolute Perfection” บริเวณโดยรอบเป็นสวนสน
เมื่อเดินถัดเข้าไปจะพบกับอาคารไม้กลางน้ำ เป็นร้านนั่งดื่มชาชมบรรยากาศสวน
ไหว้พระเดินชมธรรมชาติงดงามในสวนสวย เป็นความอิ่มอกอิ่มใจอิ่มบุญเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตค่ะ