จีนยืนหนึ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก 6 ปีซ้อน ศึกษาเพื่อสร้างโอกาส SME ไทย

ถึงแม้ว่าในปีที่แล้วยอดขายรถยนต์ทั่วโลกจะลดลงถึง 6% เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 แต่การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้ากลับสวนทางกัน โดยรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 41% จากปี 2019 และมียอดขายทั่วโลกประมาณ 3 ล้านคันในปีที่ผ่านมา ทำให้ ณ สิ้นปี 2020 มีรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งอยู่บนท้องถนนทั่วโลกแล้วกว่า 10 ล้านคัน

ด้วยความที่ประเทศจีนมีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV)  อย่างชัดเจน ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแดนมังกรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าในปลายเดือนกันยายน 2021 จีนมีบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 200 ราย โดยในที่นี้มีจำนวน 150 รายที่เป็นบริษัทน้องใหม่เพิ่งก่อตั้งขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างบริษัท Xiaomi ก็ได้เข้ามาร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังพบว่าในปัจจุบันจีนกำลังเร่งที่จะเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าของโลกด้วย เนื่องจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแดนมังกรกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงช่วยสนับสนุนให้บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรีของจีนส่วนใหญ่มีกำลังการผลิตขยายตัวเพิ่มขึ้น 1 - 2 เท่า โดยเมื่อเปรียบเทียบคู่แข่งของตลาดแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะพบว่า จีนยังคงก้าวหน้ามากที่สุด ตามมาด้วยเกาหลีใต้ ในขณะที่ญี่ปุ่นยังคงพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป

จากปัญหาความท้าทายของวิกฤตพลังงานโลก และมลพิษทางสิ่งแวดล้อม จีนจึงมีความพยายามที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมในด้านยานยนต์ และส่งเสริมการพัฒนายานยนต์พลังงานใหม่อย่างเต็มกำลัง เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ เช่นเดียวกับนโยบายความเป็นกลางของคาร์บอน (Carbon Neutrality) ของจีนในปี 2060 ทำให้แดนมังกรมีผลดำเนินงานของยอดการผลิต และยอดจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปัจจุบัน ปริมาณการขายและกำลังการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนยังคงรักษาระดับสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก 6 ปีติดต่อกัน โดยมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนเกิดขึ้นใหม่อย่าง รวดเร็ว ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนในอดีตก็ได้เริ่มจากการบ่มเพาะขั้นพื้นฐานและเติบโตจนกลายเป็นกำลังสำคัญในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก

ซึ่งการพัฒนาอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนมาจากปัจจัยสนับสนุน หลัก 2 ด้านคือ

1. การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี เช่น แบตเตอรี มอเตอร์ และระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ของยานยนต์ ทำให้จีนมีอุตสาหกรรมแบตเตอรีพลังงานที่ครบวงจร และมีระดับของเทคโนโลยีแบตเตอรีอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก 

2. นโยบายสนับสนุนของรัฐบาลจีน โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลจีนได้ออกนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นจำนวนมาก เช่น ในปี 2020 รัฐบาลจีนได้ประกาศการวางแผนพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ระหว่างปี 2021 - 2035 เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจน และกระตุ้นความต้องการของประชาชน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ที่มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

จากข้อมูลของสมาคมยานยนต์จีน (China Association of Automobile Manufactures) ได้ เปิดเผยข้อมูลว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2021 จีนมีปริมาณการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่จำนวน 2.566 ล้านคัน และมีปริมาณการจำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่จำนวน 2.542 ล้านคัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.8 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยรถยนต์พลังงานใหม่ของจีนมีส่วนแบ่งการตลาด ร้อยละ 51 ของโลก ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานใหม่ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน

ผู้ประกอบการและ SME ไทย มองเป็น..เห็นโอกาส

เทรนด์การใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ที่กำลังมาในจีนเท่านั้น หากแต่เป็นเทรนด์โลกที่กำลังได้รับการสนับสนุนจากนานาประเทศ รวมถึงประเทศไทยเองที่หลายๆ ภาคส่วนก็ได้เริ่มให้ความสำคัญ และมีนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยในปี 2022 ที่กำลังจะมาถึงนี้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership Agreement) จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นตลาดการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดของโลก และมีจีนเป็นหนึ่งในสมาชิกของ RCEP ด้วย

สำหรับโอกาสของตลาดรถยนต์ใน RCEP นั้น ไทยเป็นตลาดนำเข้าชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์อันดับ 3 ของจีน รองจากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถใช้เวที RCEP ให้เป็นประโยชน์ - สร้างโอกาสในการพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจ เพื่อยกระดับตลาดรถยนต์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต - ส่งออกอะไหล่ และชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าของอาเซียนในอนาคต

แหล่งอ้างอิง : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ