ในช่วงที่หน้ากากอนามัยกลายเป็นสินค้าหายาก
ผลพวงจากมาตรการป้องกันเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งทั่วโลกกำลังตื่นตัวอยู่ในปัจจุบันนี้ จากข้อมูลของสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย
ที่ระบุว่า หน้ากากผ้าอย่างผ้าฝ้าย ผ้าใยสังเคราะห์ ผ้าสาลู กลุ่มนี้สามารถนำมาผลิตเป็นหน้ากากผ้าได้
ยิ่งซักยิ่งเล็ก เพราะใยจะออกมาเหลือประมาณ 1 ไมครอน โดยไวรัสโควิด-19 ขนาดอยู่ที่
5 ไมครอน ซึ่งไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่กันได้ถึง 54-59% ถือว่าเพียงพอสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์
แต่จะดีมั้ยถ้าสามารถกันเชื้อโรคได้ 100 % โดยอ้างอิงข้อมูลในรายงานของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงปราก ที่ระบุถึง ประเทศสาธารณรัฐเช็กเป็น 1 ใน 3 ประเทศผู้นำการพัฒนา Nanotechnology ของโลก ประกาศแผนการผลิตหน้ากากแบบใหม่ที่ใช้ Nanotechnology ช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ได้เกือบ 100% ผลิตโดยบริษัท Respilon Group
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
บริษัท
Respilon Group ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการผลิตหน้ากากแบบใหม่
ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 8 สัปดาห์ (คาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วงต้นเดือนเมษายน) โดยชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา
และหน้ากากแบบป้องกันก๊าซพิษ/ฝุ่นละออง โดยระบุว่าตามมาตรฐาน หน้ากากแบบธรรมดาจะถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องสภาพอากาศภายนอก
กล่าวคือ หน้ากากจะช่วยดักจับเชื้อโรคที่ออก จากตัวผู้สวมใส่เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายในอากาศหรือพื้นที่โดยรอบ
ตัวอย่างเช่น
การใส่หน้ากากอนามัยของแพทย์ที่ใส่หน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่
อาจมีอยู่ไม่ให้แพร่กระจายไปยังผู้ป่วย
ดังนั้นรูปแบบหน้ากากที่ใช้อยู่แบบธรรมดานั้นจึงไม่พอดีกับใบหน้าของแต่ละคน
และตัวกรองของหน้ากากอนามัยแบบธรรมดานั้นไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
เพราะหน้ากากอนามัยแบบธรรมดาถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันของเหลวที่อาจออกมาจากปากของผู้สวมใส่
ขณะเดียวกันการผลิตหน้ากากป้องกันก๊าซพิษ/ฝุ่นละออง
ออกแบบมาเพื่อดักจับสิ่งที่เป็นพิษในอากาศ ซึ่งไม่เหมือนกับการดักกรองเชื้อโรค
ดังนั้นหน้ากากที่ใช้เทคโนโลยีนาโนไฟเบอร์
จะมีคุณสมบัติป้องกันผู้สวมใส่จากฝุ่นละออง/สิ่งมีพิษ/ ของแข็งขนาดเล็กจากอากาศ
โดยสามารถปกป้องผู้สวมใส่จากสภาพแวดล้อม และสามารถปกป้องสิ่งแวดล้อม
จากผู้สวมใส่ได้เช่นกัน ซึ่งหน้ากากชนิดนี้จะมีลักษณะที่แตกต่างจากหน้ากากแบบเดิม
เพื่อใช้ป้องกันเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทฯ
ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการที่ดำเนินการร่วมกับหุ้นส่วนชาวอิสราเอล
ผู้ซึ่งถือสิทธิบัตรในการผลิต Copper Dioxide
Nanoparticles ซึ่งมีอยู่ในเส้นใยต่างๆ โดยวิธีการคือ
การรวมเส้นใยของผ้าเข้ากับ Copper Dioxide ด้วยเทคโนโลยีแบบ Nanotechnology
จะทำให้ช่วยขจัดไวรัสได้ในชั้นแรก
ส่วนการป้องกันในชั้นที่สองคือ เทคโนโลยีนาโนไฟเบอร์จะช่วยป้องกันไวรัสที่อาจแทรกซึมเข้ามา ซึ่งรวมถึงมลพิษ/อนุภาคอื่นๆ ในอากาศ เสมือนมีด่านป้องกันถึงสองเท่า ทำให้หน้ากากดังกล่าวสามารถช่วยป้องกันเชื้อโรค/มลพิษได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้การจำหน่ายหน้ากากแบบใหม่นี้จะขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศด้วย
โดยบริษัทฯ
ยินดีที่จะร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายที่สนใจวางจำหน่ายสินค้าในประเทศต่างๆ
และมองหาคู่ค้าที่มีศักยภาพและมีความสามารถในการผลิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในขณะนี้
เรื่องนี้หน่วยงานไทยและผู้ประกอบการไทย อาจพิจารณาข้อมูลของบริษัทฯ ดังกล่าว เพื่อดูความเป็นไปได้ในการร่วมทุนการผลิต หรือการสั่งซื้อหน้ากากอนามัยที่มีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อตอบสนองต่อปริมาณความต้องการที่มีสูงมากในขณะนี้