ธนาคารแห่งประเทศไทยเดินหน้า Cryptocurrency (สกุลเงินดิจิทัล)
สัญชาติไทย ในชื่อ “อินทนนท์” เราเชื่อว่าหลายคนสงสัย ชื่อนี้มีที่น่าอย่างไร
และหมายถึงอะไร
คุณวชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ระบุถึงที่มาของชื่อ “อินทนนท์”
ว่าในหลายประเทศที่เขาทำโครงการ Central Bank
Digital Currency (CBDC) เขาเอาชื่ออุทยานแห่งชาติมาเป็นชื่อโครงการ
เช่น ประเทศสิงคโปร์ใช้ชื่อว่า “Ubin” ซึ่งเป็นชื่ออุทยาน ประเทศแคนาดาใช้ว่า “Jasper” ส่วนฮ่องกงใช้ “Lion Rock” เป็นชื่อเกาะของที่นั่น
แล้วของไทยจะใช้ชื่ออะไรดี
“อินทนนท์” ตัวแทนของอุทยานแห่งชาติในไทยที่มีกว่า 150 แห่ง ภายใต้แนวคิด มองไกล มองไปข้างหน้า ประมาณยอดดอยสูง เลยมองเห็นได้ไกล
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
กรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่สร้างสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง
(Central Bank Digital Currency :
CBDC) ในโครงการอินทนนท์เพื่อเป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมและทำให้โครงสร้างพื้นฐานด้านระบบการชำระเงินของประเทศให้ดีขึ้น
โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain หรือ DLT เป็นพื้นฐานภายในระบบ
ทั้งนี้ธปท.ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ 8
แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย
ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารธนชาต ธนาครสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น นอกจากนี้ยังร่วมมือกับบริษัท R3 ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทด้าน Blockchain ระดับโลก
ไทม์ไลน์ของ “อินทนนท์”
โดยในปี 2561
ธปท.ทดสอบโครงการอินทนนท์ระยะที่ 1
โดยศึกษาการปรับใช้กับการโอนเงินระหว่างธนาคารและธนาคาร
รวมถึงธนาคารกับแบงก์ชาติได้โดยตรง ข้อดีคือทำให้เกิดการโอนเงินง่ายขึ้นตลอดเวลา
และลดต้นทุนการทำธุรกรรม
เฟสที่ 2 (ก.พ.-มิ.ย. 2562) จะขยายสู่การซื้อขายพันธบัตระหว่างธนาคาร
ซึ่งใช้ระบบ Smart contract โดยแบงก์ชาติจะออก Bond Token และ CBDC เพื่อใช้ในการทำธุรกรรม เพื่อให้การซื้อขายพันธบัตรได้ตลอด 24
ชม.ทุกวัน นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลและตรวจสอบข้อมูลการโอนเงินสำหรับลูกค้า
จุดเด่นคือลูกค้าสามารถติดตามสถานะการโอนเงินได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้โครงการอินทนนท์เฟสที่ 3 ซึ่งจะเริ่มในเดือนสิงหาคม
2562 โดยจะใช้เทคโนโลยี DLT ทดสอบการโอนเงินระหว่างประเทศ (cross-border funds transfer) และนำมาออกแบบเชิงธุรกิจรวมถึงการกำกับดูแล
อย่างไรก็ตามธปท. มีแผนจะร่วมมือกับธนาคารกลางฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority: HKMA) เพื่อส่งเสริมการโอนเงินระหว่างประเทศให้มีต้นทุนที่ลดลงและประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต คาดว่าจะทดสอบเสร็จสิ้นในไตรมาส 4 ของปีนี้
น่าจับอย่างยิ่งท่ามกลางกระแส Cryptocurrency ที่ยังร้อนแรงและ “อินทนนท์” ของแบงค์ชาติที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain จะนำการเงินสมัยใหม่ไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอย่างไร ต่อไป ไว้ครบไตรมาส 4 ปีนี้ เราจะติดตามความคืบหน้านี้อีกครั้ง