งานวิจัยของ C Space ที่ปรึกษาด้านธุรกิจในบอสตันระบุว่า
ผู้บริโภคในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ มักตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า
และให้คุณค่ากับการออกแบบบรรจุภัณฑ์
ในระดับที่ใกล้เคียงกับคุณภาพและประโยชน์ของสินค้าดังกล่าว สอดคล้องกับผลการสำรวจของ
Bizongo ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเพื่อผู้บริโภคพบว่า
กว่า 63%
ของผู้บริโภคมีพฤติกรรมเลือกซื้อสินค้าจากแพคเกจจิ้งที่น่าดึงดูด
ดังนั้นแม้ว่าการเติบโตของการสั่งซื้อของออนไลน์
จะเข้ามาอยู่ในวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบัน แต่กว่า 79%
ของผู้บริโภคยังคงต้องการซื้อสินค้าที่ใช้บริโภค อุปโภคในชีวิตประจำวัน อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม
และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน ฯลฯ จากร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต
มากกว่าการช้อปปิ้งออนไลน์ นอกจากนี้ผู้บริโภคยุคใหม่ถึง 46%
มีทัศนคติยอมรับและเปิดใจให้โอกาสกับแบรนด์สินค้าหน้าใหม่ในท้องตลาดมากยิ่งขึ้น
ซึ่งจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ SMEs
และสตาร์ทอัพ รวมถึงธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่
ให้มีโอกาสก้าวเข้ามาแข่งขันในท้องตลาดได้มากยิ่งขึ้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme

1. มินิมอลดีไซน์
(Minimalism) ยังเป็นหนึ่งเทรนด์ออกแบบที่ยังคงได้รับความนิยมกับการออกแบบที่คงความเรียบง่าย
และสื่อสารได้ชัดเจน
โดยมินิมอลดีไซน์ไม่เพียงได้รับการประยุกต์ใช้มากในกลุ่มบรรจุภัณฑ์เพียงอย่างเดียว
แต่ยังรวมถึงโปรดักต์ดีไซน์ในชีวิตประจำวันรอบตัวก็ยังหยิบเอาเทรนด์มินิมอลไปพัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์เอาใจคนรุ่นใหม่อีกด้วย
ซึ่งมินิมอลดีไซน์ไม่จำเป็นจะต้องจืดชืดไร้สีสันเสมอไป
แต่ยังสามารถเติมเต็มความมีชีวิตชีวาด้วยสีสันเข้าไปให้สนุกสนานมากขึ้นได้อีกด้วย
2. การไล่โทนสี และการใช้สีสันฉูดฉาด (Vibrant Gradients) : การไล่เฉดสีเป็นการออกแบบที่เป็นกระแสในการดีไซน์ประเภทอื่นๆ แต่สำหรับงานออกแบบบรรจุภัณฑ์ยังนับว่ามีให้เห็นน้อยชิ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2563 น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของวงการออกแบบในประเทศที่หันมาใช้ดีไซน์ไล่เฉดสีมากขึ้น อาทิ การไล่เฉดสีจากอ่อนไปแก่ จากสีหนึ่งเปลี่ยนเป็นอีกคู่สีหนึ่ง หรือจะเน้นไปที่โทนสีนีออน และสีเรืองแสง เพื่อเพิ่มมิติให้กับตัวบรรจุภัณฑ์โดดเด่นสังเกตได้ตั้งแต่ไกล
3. กราฟิกแบน
(Flat Illustration) : การออกแบบแนวสองมิติ
(2D) ที่เน้นความเรียบง่าย ตัดทอนแสงและเงา
และส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้ผู้บริโภคสามารถโฟกัสเนื้อหาหลัก
และไม่เสียเวลาให้กับรายละเอียดที่ความจำเป็น เช่น ลดลายเส้นที่รกมากจนเกินไป
หรือใช้สีที่น้อยลง เป็นต้น เหมาะกับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการใช้ภาพในการเล่าเรื่องราว
แต่ยังคงสื่อสารเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน
4. เน้นตัวอักษรและคำบรรยาย
(Big Text & Bold Copies) : การออกแบบโดยใช้การเน้นตัวอักษร
และคำบรรยายขนาดใหญ่ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกแบบดังกล่าว สามารถดึงดูดสายตาได้
และมักแตกต่างจากแพคเกจจิ้งในท้องตลาดทั่วไปที่ยังคงมีการใช้ภาพร่วมกับตัวอักษร
นอกจากนี้ ข้อได้เปรียบของดีไซน์ดังกล่าวนั่นคือ
สามารถสื่อสารไปยังผู้บริโภคได้ครบถ้วน เข้าใจง่ายกว่าการใช้การบรรยายด้วยภาพ
5. ตัวหนังสือและภาพวาดลายเส้น (Doodle & Hand-drawn Lines): การออกแบบด้วยตัวอักษรและภาพวาดลายเส้น ให้ความรู้สึกลื่นไหล ซึ่งจะช่วยเพิ่มความรู้สึกที่เป็นมิตร และความสนุกสนานให้กับผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่กลุ่มผู้บริโภคอยู่ในช่วงเด็กจนถึงวัยทำงาน
6. ดีไซน์ย้อนสมัย หรือ วินเทจ (Vintage) : สไตล์วินเทจเป็นเทรนด์ที่แทบจะอยู่ในทุกงานออกแบบ เพราะเป็นสไตล์ที่มีความคลาสสิกในตัว สามารถใช้ได้ตลอดไม่ว่ายุคสมัยไหน โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์สินค้าประเภทงานคราฟต์ หรืองานที่ใช้ขั้นตอนเยอะ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความวินเทจนั้นจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความพิถีพิถัน เพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าได้เป็นอย่างดี
7. วัสดุรักษ์โลก
(Eco-Friendly) : ปัจจุบันในหลายประเทศเริ่มมีการลดการใช้พลาสติกที่ไม่จำเป็น
เพื่อให้เกิดสังคมที่ปราศจากพลาสติก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
ดังนั้นการออกแบบบรรจุภัณฑ์ไม่ใช่แค่การสร้างสรรค์เพื่อความสวยงามเท่านั้น
แต่การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณค่า ควรทำมาจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
8. โทนสีขาวดำ (Black & White) : อีกหนึ่งเทรนด์ที่มีความคลาสสิกไม่แพ้กัน โดยเริ่มสังเกตเห็นได้จากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของคุณผู้ชาย ที่นิยมออกแบบบรรจุภัณฑ์ด้วยโทนสีขาวดำ เพื่อเพิ่มความหนักแน่นให้กับตัวแบรนด์และตัวสินค้า แต่ปัจจุบัน เริ่มมีการใช้สีขาวดำในสไตล์ที่เรียบง่ายและมินิมอลขึ้น ทำให้เป็นเทรนด์การออกแบบที่สามารถอยู่ได้ในทุกสินค้าทั้งผลิตภัณฑ์ของผู้หญิงและผู้ชาย
9. การใช้ภาพถ่ายสื่อสาร (Photography) : อีกหนึ่งเทรนด์การออกแบบที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่อง ด้วยการใช้ภาพถ่ายจจริงมาประกอบเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงตัวสินค้า รวมถึงภาพอาหารที่สวยงามเหมาะสมยังช่วยเพิ่มความอยากอาหาร และสะท้อนคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้กับผู้พบเห็นอีกด้วย
10. สมาร์ทแพคเกจจิ้ง (Smart Packaging) : เทรนด์การออกแบบเชิงฟังก์ชันการใช้งานที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ แต่ยังไม่แพร่หลายมากนักในประเทศไทย โดยเน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์มาพัฒนาขึ้นเป็นแพคเกจจิ้งที่มีคุณสมบัติการใช้งานเพิ่มขึ้น อาทิ แพคเกจจิ้งที่สามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อผลิตภัณฑ์หมดอายุ หรือแพคเกจจิ้งที่ช่วยบอกความสุกของผลไม้ได้ เป็นต้น
นอกจากนี้นักออกแบบ และนักการตลาดต้องพัฒนาบรรจุภัณฑ์ร่วมกัน เพื่อให้สามารถสะท้อนอัตลักษณ์ของแบรนด์ และข้อมูลของผลิตภัณฑ์ได้ถูกต้อง ขณะที่ยังคงดึงดูดผู้บริโภคผ่านดีไซน์การออกแบบ นอกจากนี้ยังควรพัฒนาไอเดียการทำบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมากกว่าแค่ภาชนะบรรจุสินค้า อาทิ แคมเปญบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มอัดลมชื่อดัง ที่ใช้แนวคิดการสร้างความใกล้ชิดด้วยการพิมพ์ชื่อลงบนบรรจุภัณฑ์ หรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มสำหรับงานสังสรรค์ ที่สามารถเรืองแสงได้เมื่ออยู่ในความมืด เป็นต้น ซึ่งตอบโจทย์การใช้งาน และพฤติกรรมไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ ที่สามารถช่วยเพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์สินค้าได้บนโลกโซเชียลอีกด้วย
สำหรับธุรกิจที่สนใจด้านอุตสาหกรรมการพิมพ์และการบรรจุภัณฑ์
ช่วงวันที่ 18 - 21 กันยายน นี้มีงาน “แพ็ค
พริ้นท์อินเตอร์เนชั่นแนล 2019”
ซึ่งเป็นมหกรรมจัดแสดงนวัตกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย คนที่ผู้ที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรม
ทั้งผู้ผลิต นักออกแบบ นักการตลาด ผู้ประกอบการ ฯลฯ ไม่ควรพลาด