เจาะกระแส Digital Healthcare ธุรกิจมาแรงรับ New Normal

นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้ Digital Healthcare เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อวงการอุตสาหกรรมการแพทย์และการบริการด้านสาธารณสุขทั่วโลก ก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการรักษาผู้ป่วย แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วประชากรทั่วโลกสามารถสร้างภูมิต้านทาน COVID-19 ด้วยตัวเองจนการระบาดลดความรุนแรงลง แต่ COVID-19 ยังไม่หายจากโลกนี้เสียทีเดียว แถมอาจจะยังคงอยู่เป็นโรคประจำถิ่นหรือโรคระบาดตามฤดูกาล ซึ่งการแพร่ระบาดครั้งนี้ย่อมไม่ใช่เป็นครั้งสุดท้าย ยิ่งส่งผลให้ Digital Healthcare ทวีบทบาทและมีความสำคัญต่อมวลมนุษยชาติเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ขณะที่ปัจจุบันหลายประเทศกำลังตื่นตัวส่งเสริมและเร่งผลักดันให้นำประโยชน์ของ Digital Healthcare ซึ่งเป็นหนึ่งใน Megatrends ประยุกต์ในอุตสาหกรรมการแพทย์ เพื่อยกระดับความสามารถทางการแพทย์และการให้บริการด้านสาธารณสุขของแต่ละประเทศ อาทิ การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ไม่เพียงจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการที่รวดเร็วแม่นยำ, ช่วยลดต้นทุนการให้บริการลง, ลดปัญหาความแออัดและลดความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ

กระแสทั่วโลกตื่นตัว Digital Healthcare ทำให้ Fortune Business Insights คาดว่ามูลค่าทางการตลาด Telemedicine เติบโตจาก 42 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019 เป็น 185 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2026 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีกว่า 23.5% ซึ่งตลาด Telemedicine รายใหญ่ เช่น สหรัฐฯ มีผู้ให้บริการหลักได้แก่ บริษัท Teladoc Health เริ่มธุรกิจตั้งแต่ปี 2002 จากการให้คำปรึกษาผ่านระบบโทรศัพท์จนปัจจุบันพัฒนากลายเป็น Telehealth แพลตฟอร์มสำหรับพบแพทย์ผ่าน Video Conferencing หรือบริษัท Babylon Health ของอังกฤษและบริษัท Ada Health ของเยอรมนีที่ให้บริการตรวจรักษาแบบ Teleconference

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

เอเชียกระแสตอบรับแรงไม่แพ้ชาติตะวันตก

ขณะที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียกระแสตอบรับ Digital Healthcare ไม่แพ้กัน ประเทศอินเดียมีบริษัทสตาร์ทอัพด้าน Health Tech รวมเกือบ 5,000 บริษัท และมียอดการระดมทุนคิดกว่า 45% ของการระดมทุนในสตาร์ทอัพทั้งหมด หรือประเทศจีนเองที่รัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์ New Medical Reform มาตั้งแต่ปี 2009 เพื่อดำเนินโครงการสำคัญ อาทิ การตรวจรักษาโรคทางอินเตอร์เน็ต โรงพยาบาลอินเตอร์เน็ต บริการสั่งจ่ายยาอิเล็กทรอนิกส์ การซื้อขายเวชภัณฑ์ออนไลน์ ฯลฯ สามารถผสมผสานเข้ากับงานบริการรักษาโรคและสาธารณสุขอื่นๆ เช่น การสร้างเครือข่ายข้อมูลสาธารณสุขดิจิทัล การประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์การแพทย์และเวชภัณฑ์ นโยบายหลักประกันการจ่ายยา และบริการแพทย์ประจำครอบครัวได้อย่างลงตัว

ทั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรม Digital Healthcare ของจีนสามารถเติบโตได้สูงถึง 30% ต่อปี เนื่องจากการแก้ไขกฎระเบียบด้านสาธารณสุขของรัฐบาลจีน เช่น การออกใบอนุญาตประกอบกิจการ Internet Hospital ในปี 2014 ที่ช่วยปลดล็อกข้อจำกัดเดิมของการให้บริการสุขภาพออนไลน์ โดยกำหนดให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มร่วมมือกับสถานพยาบาลออฟไลน์แบบดั้งเดิมอย่างน้อย 1 แห่ง หรือนโยบาย Healthcare Digitalization ที่กำหนดให้ทุกโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเปิดให้บริการช่องทางออนไลน์สำหรับบริการพื้นฐาน เช่น ระบบการจองคิว การรับและชำระค่าบริการ เป็นต้น

หนุนไทยถอดบทเรียนความสำเร็จจากทั่วโลก

สำหรับประเทศไทยสามารถถอดบทเรียนความสำเร็จของอุตสาหกรรม Digital Healthcare จากทั่วโลกไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงแนวทางการกำหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการแพทย์ โดยการต่อยอดจากระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขเดิมของไทย อาทิ โรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ฯลฯ ที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทยมาโดยตลอด ดังที่ได้สะท้อนผ่านมาตรการรักษาควบคุมการป้องกันจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจาก COVID-19 ต่ำกว่าหลายประเทศ จนทำให้ไทยได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่มีความพร้อมในการบริหารจัดการกับโรคระบาดที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม หากประเทศไทยต้องการก้าวไปสู่การเป็น Medical Hub ที่สำคัญของภูมิภาคนั้น จำเป็นจะต้องผลักดันให้เกิดการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับไปสู่การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงในอุตสาหกรรมและบริการสาธารณสุขมากยิ่งขึ้น รวมถึงการกำหนดยุทธศาสตร์และกฎระเบียบของภาครัฐ ซึ่งกรณีศึกษาของรัฐบาลจีนก็แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของนโยบาย และมาตรการส่งเสริมที่เปิดกว้างจนทำให้อุตสาหกรรม Digital Healthcare ของจีนมีความก้าวหน้าและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

ความหวังของวงการแพทย์แห่งอนาคต

Digital Healthcare คือ ความหวังของวงการแพทย์แห่งอนาคต ทำให้หลายบริษัททั่วโลก ที่อยู่ในกลุ่ม “Digital Healthcare” มีความต้องการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เช่น

1. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการรักษา Virtual Care และ Telehealth หรือการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในด้านการแพทย์ผ่านระบบโทรคมนาคม โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมาใช้ในการดูแลสุขภาพของประชาชน ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นจากผลของการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)

2. ธุรกิจด้านการใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อสนับสนุนการรักษา มีหลายบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการรักษาให้มีศักยภาพสูงขึ้น เช่น Alihealth ให้บริการ 3 ธุรกิจสำคัญ

- Online Doctor การรักษาออนไลน์

- Electronic Health Record – เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลทางการแพทย์

- Medicine Delivery – ขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์

3. ธุรกิจด้านการคิดค้นวัคซีน กลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยวัคซีนช่วยป้องกันโรค COVID-19 และยารักษาโรค ช่วยผลักดันภาพรวมธุรกิจ ก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก เช่น Moderna ของสหรัฐฯ ถือว่าเป็นหนึ่งในบริษัทผลิตวัคซีน COVID-19 ที่มีความคืบหน้ามากที่สุด

การระบาดของ COVID-19 คือตัวเปลี่ยนเกมและเป็นโอกาสดีที่สุดที่ทุกภาคส่วนของไทย จะได้ปรับเปลี่ยนมุมมองและหันกลับมาตระหนักถึงความสำคัญของ Digital Healthcare ด้วยการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม ควบคู่ไปกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งทุกฝ่ายต้องเร่งผลักดัน เพราะนอกจากจะส่งเสริมให้ชาวไทยได้รับการดูแลด้านสุขภาพทั่วถึงในระยะยาวแล้ว ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมการแพทย์และการบริการสาธารณสุข ให้มีความโดดเด่นในระดับสากลต่อไป

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<< 

แนวทางปฏิบัติของธุรกิจเฮลท์แคร์ สู่วิถี New Normal

‘Medical valley’ แหล่งรวม HealthTech แห่งสแกนดิเนเวีย