เป็นไปได้หรือไม่? ธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับจะเกิดขึ้นในไทย
ในยุคการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด
19 ทำให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะรถแท็กซี่ที่รับผลกระทบไปเต็มๆ
เนื่องจากผู้โดยสารมีกังวลถึงความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสจากผู้อื่น
ทำให้ไม่กล้าใช้บริการ
แต่ตอนนี้ความกังวลที่ว่าอาจหมดไป
เมื่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของประเทศจีนอย่าง ‘Baidu’ เปิดตัวนวัตกรรมแท็กซี่ไร้คนขับที่ชื่อว่า
‘Robotaxi’ พร้อมให้บริการในเมืองปักกิ่งทั้งหมด
10 คัน รับผู้โดยสารอายุ 18-60 ปีเท่านั้น และในอนาคตจะขยายไปยังเมืองอื่นๆ
ทั่วประเทศอีกด้วย
โดยออกแบบวิธีการเรียกใช้บริการให้มีความสะดวกสบายด้วยระบบ
5G
Remote Driving Service ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถเรียกรถได้โดยใช้แอปพลิเคชัน
Apollo Go จากนั้นก็สแกนรหัส QR เพื่อยืนยันตัวตนและเข้าไปในรถกดปุ่ม
Start the Journey เพื่อเริ่มเดินทาง
โดยรถจะขับเคลื่อนก็ต่อเมื่อปิดประตู และรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
นอกจากนี้ในประเทศสิงคโปร์ ยังเริ่มให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับแล้วเช่นกัน โดยมีผู้ผลิตจากบริษัท ‘NuTonomy’ ที่ทำงานโดยใช้ระบบ LIDAR ซึ่งเป็นระบบเหมือนกับเรดาร์ แต่ใช้แสงเลเซอร์แทน ประกอบกับกล้อง 6 ตัวที่แผงควบคุมหน้ารถ ที่คอยมองหาการจราจรและสิ่งกีดขวางอื่นๆ เริ่มต้นให้บริการในย่านที่เรียกว่า One–North โดยจำกัดพื้นที่ให้บริการภายใน 6 กิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 1,250 ไร่ ซึ่งขณะนี้ยังจำกัดทั้งบริเวณและผู้ใช้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
นวัตกรรมเปลี่ยนโลกยานยนต์
เชื่อมั่นได้มากแค่ไหน?
สำหรับผู้พัฒนารถยนต์ไร้คนขับเชื่อว่าประโยชน์สูงสุดคือลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
ซึ่งมักเกิดจากมนุษย์
อีกทั้งยังสามารถแบ่งเบาภาระในชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้อีกทางหนึ่ง
โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งมักมีอุปสรรคในการขับรถเนื่องจากข้อจำกัดทางร่างกาย
และทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้ตามกฎจราจร การสัญจรสะดวก การจราจรไม่ติดขัด
เนื่องจากรถทุกคันสามารถขับเคลื่อนได้อย่างเป็นระเบียบด้วยระบบไร้คนขับ
ทั้งนี้ยังช่วยให้คนพิการ เช่น
คนพิการทางสายตาสามารถใช้รถยนต์ได้ง่ายและปลอดภัยต่อพวกเขา นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งตอนนี้ในต่างประเทศมีการทดสอบรถยนต์ไร้คนขับแล้วนับล้านกิโลเมตร
เพื่อให้รถยนต์ไร้คนขับได้เรียนรู้สภาพแวดล้อมต่างๆ ของประเทศนั้นๆ อีกด้วย
ส่วนอีกด้านก็มองถึงข้อจำกัดอื่นๆ
ว่า ปัจจุบันคนที่ใช้รถยนต์ไร้คนขับนั้นมีจำนวนน้อยมาก
บางครั้งพฤติกรรมการขับขี่ของรถยนต์คันอื่นอาจทำให้รถยนต์ไร้คนขับเกิดความผิดพลาดหรืออุบัติเหตุขึ้นได้
เช่น การขับปาดหน้า ขับจี้ท้าย หรือแม้แต่ขับย้อนศร
เนื่องจากรถยนต์ไร้คนขับอาจตัดสินใจผิดพลาดได้
จุดเปลี่ยนพนักงานขับรถสาธารณะ
ไม่เพียงเท่านี้อีกก็มองว่านวัตกรรมแท็กซี่ไร้คนขับที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
จะทำให้อาชีพพนักงานขับรถไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไปในอนาคต
ซึ่งข้อนี้พนักงานขับรถต้องปรับตัวเป็นอย่างยิ่งในการจะประกอบอาชีพต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้เป็นอย่างมาก
แต่ปัจจุบันนี้ด้วยข้อจำกัดของรถยนต์ไร้คนขับหลายๆ
อย่างที่เป็นข้อเสีย ทำให้อาชีพพนักงานขับรถยังไม่มีสิทธิ์จะตกงานง่ายๆ แน่นอน
ถึงแม้ว่าอนาคตข้างหน้ารถยนต์ไร้คนขับจะเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว
แต่ก็ยังต้องการมนุษย์ที่ทำหน้าที่ซ่อมบำรุงและเก็บค่าโดยสารอยู่
พนักงานขับรถจึงทำได้เพียงแค่ต้องรู้จักปรับตัวและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อบำรุงรักษา
ตั้งค่าโปรแกรม และเรียนรู้ระบบเก็บค่าโดยสารของรถยนต์ไร้คนขับด้วย
โอกาสธุรกิจแท็กซี่ไร้คนขับที่จะเกิดขึ้นในไทย
แน่นอนว่าการจะเริ่มใช้งานแท็กซี่ไร้คนขับในประเทศไทยในปัจจุบันนั้นเป็นเรื่องยาก
เนื่องจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ในประเทศนั้นถือว่ายังไม่มีความพร้อม
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถนำรถยนต์ไร้คนขับมาใช้งานได้
ซึ่งอาจจำกัดการใช้งานรถยนต์ไร้คนขับบางพื้นที่ก่อนที่มีความพร้อมเช่น บนทางด่วน
มอเตอร์เวย์ หรือแม้แต่การนำร่องใช้ระบบรถยนต์ไร้คนขับในพื้นที่ระยะใกล้ๆ เช่น
การส่งสินค้า ระบบรถประจำทางที่จอดตามป้ายเท่านั้น
สำหรับปัญหาตอนนี้
คือราคาของรถยนต์ไร้คนขับมีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก
ทำให้การซื้อรถยนต์ไร้คนขับสำหรับบุคคลทั่วไปแทบเป็นไปไม่ได้เลย ตัวอย่างเช่น
ราคาของ Tesla
Model S ที่เป็นรถยนต์ไร้คนขับมีราคาที่ขายในประเทศไทยคือ 6.5
ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงมากสำหรับบุคคลทั่วไป
แต่ในอนาคตราคาของรถยนต์ไร้คนขับก็มีแนวโน้มที่จะลดลง
จนคนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย ถ้ารัฐบาลให้การสนับสนุน
เพราะสิ่งสำคัญที่จะกำหนดว่าเทรนด์รถแท็กซี่ไร้คนขับจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้า
ขึ้นอยู่กับรัฐบาลแต่ละประเทศเป็นสำคัญ
ว่าจะออกกฎหมายรองรับรถไร้คนขับได้เร็วแค่ไหน และมีนโยบายส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งมวลชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่
ส่วนในภาคเอกชนก็ต้องมีความร่วมมือกันมากขึ้นระหว่างผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีรถไร้คนขับ
รถพลังงานไฟฟ้า และผู้ผลิตพลังงานทางเลือก
เพื่อทำให้เทคโนโลยีรถไร้คนขับเป็นทางเลือกที่ราคาถูก เข้าถึงได้สำหรับทุกคน และลดต้นทุนการประกอบการของระบบขนส่งมวลชนแห่งอนาคตอย่างแท็กซี่ไร้คนขับ
ในอนาคตอันใกล้อาจจะได้เห็นรถยนต์ไร้คนขับออกมาวิ่งบนถนนในประเทศไทยอย่างแน่นอน
รวมไปถึงราคาของรถยนต์ไร้คนขับที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ดังนั้น รถยนต์ไร้คนขับจึงเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่คาดว่าจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตมนุษย์ในยุคนี้
และผู้ผลิตรถยนต์หลายบริษัทกำลังพัฒนานวัตกรรมรถยนต์ไร้คนขับออกมาอย่างต่อเนื่อง
นับเป็นการเริ่มต้นเทคโนโลยีใหม่ที่หวังว่าจะช่วยให้การขับรถและการใช้ถนนง่ายขึ้นและปลอดภัยขึ้นด้วย
แหล่งอ้างอิง
:
https://www.xinhuathai.com/vdo/181437_20210228