เชื่อมเกษตรกรกับ e-Commerce กลยุทธ์ ‘เวียดนาม’ พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce)
เวียดนาม เติบโตขึ้นอย่างมาก มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง อันมีสาเหตุมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของประชากร
ความต้องการบริโภคสินค้าที่สูงขึ้น และการใช้อินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น
ตามรายงานของสหประชาชาติ (UN) เผยว่า เวียดนามได้ขยับมารั้งอันดับ
63 ในการจัดอันดับความพร้อมด้านอีคอมเมิร์ซโลก
โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซของเวียดนามจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี
2564 และสร้างแรงผลักดันสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการเวียดนามในการมองหากลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ๆ
และเข้าหาช่องทางการจัดจำหน่ายที่ทันสมัย เพื่อขยายตลาดและฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด
19 กรุงฮานอยในฐานะหนึ่งในสองเมืองชั้นนำด้านการพัฒนาอีคอมเมิร์ซ มีแผนจะมียอดค้าปลีกออนไลน์เพิ่มขึ้นร้อยละ
20 ภายในปี 2568 โดยคาดว่าประชากรร้อยละ 55
จะเข้าถึงการซื้อสินค้าออนไลน์และร้อยละ 50
ของบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมจะเข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
นอกจากนี้รัฐบาลเวียดนามได้มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอีคอมเมิร์ซและเศรษฐกิจดิจิทัลช่วงปี 2564 - 2568 โดยมีเป้าหมายภายในปี 2568 ประชากรเวียดนามร้อยละ 55 จะมีการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ และมีการใช้จ่ายผ่านการซื้อของออนไลน์อยู่ที่ 600 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ซึ่งภายใต้นโยบายดังกล่าวรัฐบาลเวียดนามมีการส่งเสริมธุรกิจ Start Up อันเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รวมทั้งอยู่ระหว่างพิจารณาปรับแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้ครอบคลุมธุรกรรมที่หลากหลายและมีความชัดเจนมากขึ้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แม้ e-Commerce เวียดนามทุกด้านจะเติบโต แต่เกษตรกรกลับสวนกระแส
โดยจากสถิติของกรมการแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร
กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท เผยว่าในปัจจุบันมีเกษตรกรเพียงประมาณ 8,000
ครัวเรือน และมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร 14,500 รายการเท่านั้น
ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ
ด้วยเหตุนี้กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารเวียดนาม
จึงได้วางยุทศาสตร์เพื่อเชื่อมโยงเกษตรกรจำนวน 5 ล้านครัวเรือนกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในปีนี้
ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในภาคเกษตร
โดยแผนยุทธศาสตร์ได้รับการอนุมัติเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนเกษตรกรในการนำผลิตภัณฑ์สู่โลกออนไลน์
ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในภาคเกษตรกรรมและชนบท
ซึ่งหน่วยงานด้านการเกษตรและการพัฒนาชนบท หน่วยงานอุตสาหกรรม
รวมถึงการค้าในภาคท้องถิ่นจะต้องร่วมมือกับบริษัทไปรษณีย์ที่ได้รับการคัดเลือก 2
แห่ง ได้แก่ Vietnam Post และ Viettel Post เพื่อจัดทำแผนการเชื่อมโยงเกษตรกรกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าเกษตรโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด
19
โดยมีตัวอย่างได้แก่
การบริโภคลิ้นจี่ของจังหวัดบั๊กซาง (Bac Giang) ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด
19 ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้จำหน่ายลิ้นจี่กว่า 8,000 ตัน
ใน 63 จังหวัดทั่วประเทศผ่าน 2 ช่องทางคือ Postmart และ Voso
แม้ปริมาณสินค้าเกษตรที่ขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยังอยู่ในระดับปานกลาง
แต่อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซนอกจากจะช่วยขายผลิตภัณฑ์แล้ว ยังช่วยโปรโมตสินค้าและขยายตลาดโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด
19
ได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด 19
ได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรอย่างมาก
ดังนั้นการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซกับภาคเกษตรกรจะช่วยเพิ่มช่องทางในการขายผลผลิต
ช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงและเข้าถึงฐานผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้น
นอกจากนี้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ด้านการตลาด
การคาดการณ์ความต้องการ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการผลิต จากนโยบายการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในภาคเกษตรกรรมและชนบทของเวียดนาม
ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการด้านการเกษตรเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สามารถครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศให้มากขึ้น
อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในภาพรวม
แหล่งอ้างอิง :
ศูนย์พัฒนาการค้าและธุรกิจไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ
กรุงฮานอย