กินผักตามฤดูกาลสุขภาพดีต่อกายใจ

ประชาชนชาวไทยถือว่าโชคดีที่สุดในโลกมีทั้งอาหาร พืชผักและผลไม้หลายชนิดให้บริโภคตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อน หน้าแล้ง หน้าฝนตก น้ำหลาก หน้าหนาว ผักไม่เคยขาดตลาด หาได้ง่ายและราคาถูกกว่าอาหารอื่นๆ การบริโภคผักหลากหลายชนิดทำให้ได้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายอย่างแตกต่างกันไป การเลือกรับประทานผักและผลไม้ ทำให้หลายคนมักจะเลือกรับประทานที่ตัวเองชื่นชอบหรือรับประทานเป็นประจำเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนมักจะพลาดโอกาสได้ลิ้มลองผักและผลไม้ไทยที่ออกผลผลิตตามฤดูกาลที่มีรสชาติอร่อย มีประโยชน์ต่อร่างกาย และหาได้ง่ายในช่วงเวลาต่างๆ ตามฤดูกาล เพราะประโยชน์ของกินผักและผลไม้มีสรรพคุณคุณค่าทางโภชนาการมหาศาล เนื่องจากเส้นใยอาหาร หรือไฟเบอร์ (Fiber) ที่เปรียบเสมือนไม้กวาด ช่วยปัดกวาดสารพิษ หรือสิ่งหมักหมมตกค้างในลำไส้ของมนุษย์ ช่วยให้ขับถ่ายได้สะดวกสบาย

โดยเฉพาะผักนานาชนิดนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน, วิตามินซี ช่วยให้ผิวเต่งตึง แผลหายไว ไม่ป่วยง่าย, วิตามิน B1-2 ช่วยบำรุงสมอง, เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ บำรุงสายตา และสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่เรียกว่าพฤกษาเคมี ช่วยชะลอการเกิด “ออกซิเดชั่น” ซึ่งเป็นสาเหตุของความแก่ ผิวมีริ้วรอยง่าย ซึ่งการกินผักตามฤดูกาล เทคนิคง่ายๆ ไม่ยุ่งยากที่สำคัญจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

ผักตามฤดูกาล หมายถึงอะไร?

หลายคนอาจสงสัยว่าผักตามฤดูกาล คืออะไร ความหมายนั้นก็คือผักที่ปลูกและเก็บเกี่ยวในช่วงที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกของผักแต่ละชนิด เนื่องจากผักทั้งหลายต่างก็มีช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านอุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน และสภาพของดิน ยกตัวอย่างเช่น ในฤดูร้อนที่มีอากาศร้อนจัดและแดดแรงกล้า อาจจะไม่เหมาะสมสำหรับการปลูกพืชที่ชอบความเย็นอย่าง กะหล่ำปลี แครอท หรือผักกาดขาว ในขณะเดียวกัน ผักหน้าร้อนอย่าง ข้าวโพด พริก หรือกะเพรา ก็ไม่เหมาะที่จะนำไปปลูกในช่วงหน้าหนาวเช่นกัน

ขณะเดียวกัน “กินผักตามฤดูกาล” จะมีข้อดี คือช่วยลดความเสี่ยงเรื่องสารตกค้างในผัก และผักมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเราอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ถูกเร่งการเจริญเติบโต ไม่ใช้สารเคมีอันตรายต่อร่างกาย เพราะมีศัตรูธรรมชาติน้อย ผักเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ แข็งแรง ได้กินผักที่สดใหม่ รวมถึงหาซื้อง่าย ราคาถูก แถมผักมีความกรอบและรสอร่อยตามธรรมชาติมากกว่า

ปัจจุบันแม้ว่าเทคโนโลยีทันสมัยสามารถนำประยุกต์การเพาะปลูก ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกรับประทานผักและผลไม้เหล่านี้ได้ตลอดทั้งปี โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงฤดูกาลและสภาพแวดล้อม แต่ผักที่ไม่ได้ปลูกตามฤดูกาลนั้น อาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องของการใช้ปุ๋ยและสารเคมี เพื่อกำจัดศัตรูพืชและเพื่อเร่งการเติบโต ให้สามารถเก็บเกี่ยวได้ตามความต้องการ หากรับประทานเข้าไป ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการได้รับสารพิษเข้าไปได้ อีกทั้งผักที่ปลูกตามฤดูกาลก็มักจะมีราคาที่ถูกกว่า เนื่องจากไม่ต้องใช้สารเคมีเป็นจำนวนมากในการเพาะปลูกนั่นเอง

ฤดูร้อน (มีนาคม–พฤษภาคม)

ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่อบอ้าว มีแดดที่ร้อนจัด ลมที่พัดก็มักจะเป็นลมร้อน และมีความชื้นในอากาศน้อย ผักที่ควรปลูกในฤดูกาลนี้ คือผักที่สามารถทนต่อความร้อน ทนต่อความแล้งได้ ไม่ต้องการน้ำมาก และสามารถทนต่อความร้อนแรงของแสงแดดที่แผดเผา เช่น

ฟักทอง มะเขือเปราะ เห็ดฟาง แตงกวา หอมหัวใหญ่ มะระ คะน้า กะเพรา ถั่วพู มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว

ฤดูฝน (มิถุนายน–ตุลาคม)

ฤดูนี้จะมีความชื้นสูงและมีน้ำฝนมาก แต่จะมีเมฆครึ้ม และมีแดดน้อย ควรเลือกผักที่สามารถรับปริมาณของน้ำได้ดี และไม่ต้องการแสงแดดมากจนเกินไป เช่น

ขิง ข่า ผักโขม ดอกโสน ฝักตำลึง ใบบัวบก ดอกขจร หน่อไม้ มะนาว ผักบุ้งจีน สายบัว กุยช่าย มะเขือพวง

24 ผัก ควรกินในฤดูหนาว

ผักตามฤดูกาลหน้าหนาว ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ มีผักอะไรบ้าง อาจารย์ สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย, ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิด้านโภชนาการ สสส. ให้ข้อมูลว่า ผักเป็นหนึ่งในอาหารหลัก 5 หมู่ที่มนุษย์ทุกคนต้องรับประทาน ผักในฤดูหนาว เป็นผักตระกูลกินใบและชอบอากาศเย็น สำหรับผักในฤดูหนาวที่ควรกิน มีดังนี้

ผักสลัด สะเดา กะหล่ำดอก บรอกโคลี ผักกาดหอม กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ปวยเล้ง กวางตุ้ง ดอกแค แครอต .ตะลิงปลิง ลูกเหรียง ฟักข้าว มะรุม ถั่วลันเตา ผักโขม แตงกวา พริกยักษ์ มะเขือเทศ ต้นกระเทียม ผักชี มะเขือยาว มะเขือเปราะ

อย่างไรก็ดี อ.สง่า ชี้แนะว่า ทุกมื้อควรกินผักหลากหลายชนิดวันละ 400 กรัม หรือประมาณ 4-6 ทัพพี เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยป้องกันสาเหตุการเกิดโรคและความเจ็บป่วยอื่นๆ

สำหรับคนไม่กินผัก และคิดว่าร่างกายแข็งแรง อยู่ได้ปกติ ไม่เห็นป่วยเป็นโรคอะไร ขอจงเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะในความเป็นจริง ร่างกายที่ดูปกติจะทนโรคได้แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ คุณอาจจะมีโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มีภูมิต้านทานต่ำ มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนที่กินผักเป็นประจำ

4 วิธีล้างผัก ลดสารเคมีตกค้าง

หากปลูกผักกินเองถือว่าปลอดภัยที่สุด เพราะปลอดจากสารพิษอย่างสิ้นเชิง แต่หากต้องซื้อผักในท้องตลาด เพื่อช่วยลดสารพิษและสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ข้อคำนึงแรก คือเลือกซื้อผักจากแหล่งที่ปลอดภัย มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐาน ทราบที่มาของการผลิต จากนั้นล้างผักให้สะอาดด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งตามแต่สะดวก ดังนี้

1. แช่ผักในน้ำ 15 นาที จากนั้นเปิดน้ำไหลผ่าน และคลี่ใบผักถูไปมานาน 2 นาที

2. แช่ผักในน้ำผสมน้ำส้มสายชูนาน 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด

3. แช่ผัก 15 นาที ในน้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด

4. แช่ผักทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที ในน้ำผสมน้ำยาล้างผักที่มีจำหน่ายโดยทั่วไป แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด

การกินผักตามฤดูกาล สรรพคุณนั้นมหาศาลจริงๆ ใครที่ไม่เคยกินผัก คงต้องเปลี่ยนนิสัยตัวเองเสียแต่วันนี้

4 วิธีบำบัดจิตคลายเครียด กระตุ้นพลังบวก

5 วิธีปรับสมดุลชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีของวัยทำงาน