เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) หมายถึง การผลิตทรัพยากรชีวภาพ หมุนเวียน (renewable
biological resources) และเปลี่ยนทรัพยากรหมุนเวียนให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม
เช่น อาหารคน อาหารสัตว์ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ เชื้อเพลิงชีวภาพ ฯลฯ เศรษฐกิจชีวภาพครอบคลุมตั้งแต่ภาคเกษตรกรรม
ป่า ไม้ประมงและสัตว์น้ำ อาหาร เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ไม้และเครื่องเรือน กระดาษ
ไปจนถึงอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากชีวภาพ และพลังงานชีวภาพ
กรณีของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งได้กำหนดกลยุทธ์เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy
strategy) เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2555 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและต่อสู้กับความท้าทายต่าง
ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ ปัญหาดินและระบบนิเวศเสื่อมโทรม
รวมทั้งความต้องการอาหาร และพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเศรษฐกิจชีวภาพจะช่วยลดการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติด้วยนวัตกรรมการผลิต
ประกอบกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
นอกจากนี้การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพได้ส่งผลให้เกิดการเสริมสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ ใน EU
รวมทั้งเพิ่มโอกาสการจ้างงาน เพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม
ในปี 2558
ภาคเศรษฐกิจชีวภาพของ EU มีการจ้างงานทั้งหมด 18
ล้านคน มีผลประกอบการประมาณ 2.3 ล้านล้านยูโร
และสร้างมูลค่าเพิ่มปีละ 621,000 ล้านยูโร เมื่อเดือนตุลาคม 2561
คณะกรรมาธิการยุโรปได้ปรับปรุงกลยุทธ์เศรษฐกิจชีวภาพใหม่
เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเร่งรัด (European policy priorities) และข้อผูกพันระดับนานาชาติไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)
หรือความร่วมมือในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนตามข้อตกลงปารีส (Paris
Agreement)
โดยคณะกรรมาธิการยุโรปได้ผนวกเป้าหมายความยั่งยืน (sustainability) และการหมุนเวียน (circularity) เป็นหัวใจของกลยุทธ์เศรษฐกิจชีวภาพใหม่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน รวมทั้งให้ความสำคัญกับภาคเกษตรกรรม ป่าไม้ประมง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
จัดทำพิมพ์เขียวผลักดัน EU สู่ Bioeconomy
ทั้งนี้ สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศประจำสหภาพ
ออกรายงานฉบับที่ 10/2562 แผนปฏิบัติการ 3 ด้านที่จะนำพา EU
ไปสู่เศรษฐกิจชีวภาพแบบหมุนเวียนและยั่งยืนเสริมสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตของอุตสาหกรรมชีวภาพ ทั้งสนับสนุนการวิจัยและการน้าวิธีแก้ไขปัญหาทางชีวภาพมาใช้ โดย EU ให้เงินอุดหนุนโครงการวิจัยผ่านกองทุน Horizon 2020 โดยกำหนดงบประมาณ
100 ล้านยูโร ผ่าน Circular Bioeconomy Thematic
Investment Platform เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของภาคเอกชนสำหรับการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมชีวภาพ
อาทิเช่น การพัฒนามาตรฐานหรือฉลากผลิตภัณฑ์ชีวภาพให้เป็นที่รู้จัก
และส่งเสริมให้ตลาดน้าผลิตภัณฑ์ชีวภาพไปใช้เพิ่มมากขึ้น ทั้งสนับสนุนการจัดตั้งโรงกลั่นชีวภาพที่ยั่งยืนในยุโรป
พัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่สามารถใช้แทนพลาสติก
เพื่อลดมลภาวะและปัญหาขยะพลาสติกในท้องทะเล โดยการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจชีวภาพทั่วยุโรป
นำระบบการผลิตอาหาร การทำฟาร์ม ป่าไม้และการผลิตสินค้าชีวภาพอย่างยั่งยืน พัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพทั้งในชนบท
ตามชายฝั่งและในเมือง โดยการช่วยเหลือประเทศสมาชิกฯ และภูมิภาคในการพัฒนาและดำเนินการตามกลยุทธ์เศรษฐกิจชีวภาพ
ทั้งมีการจัดทำข้อจำกัดด้านระบบนิเวศของเศรษฐกิจชีวภาพ
เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจชีวภาพและระบบนิเวศ ติดตามการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ
สนับสนุนแนวทางปฏิบัติที่ดีในการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ ชีวภาพ ภายใต้ข้อจ้ากัดของระบบนิเวศ
ผนวกระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงเข้ากับการผลิตสินค้าเกษตรขั้นต้น
(เช่น การท้าเกษตรเชิงนิเวศ เพิ่มการถ่ายระอองเรณูของผึ้ง)
อันจะก่อให้เกิดผลดีต่อการผลิตอาหาร และสัตว์น้ำ
เนื่องจากเป็นทรัพยากรขั้นต้นที่สามารถใช้เป็นอาหาร ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ผลิตพลังงาน
และบริการอื่น ๆ
เป้าหมายของกลยุทธ์เศรษฐกิจชีวภาพใหม่
มีดังนี้
(1) รับรองความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการ
โดยเร่งปรับปรุงระบบการผลิตอาหาร และการจัดการฟาร์มไปสู่ทิศทางที่ยั่งยืน
ซึ่งพิจารณาถึงสุขภาพ โภชนาการ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และรู้จักนำของเสียหรือของเหลือใช้มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์
(2) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ฟื้นฟูและพัฒนาระบบนิเวศน์ให้อุดมสมบูรณ์ เพื่อประโยชน์ต่อความมั่นคงทางอาหารและน้ำ
ลดผลกระทบต่อโลกร้อนและปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ
(3) ลดการพึ่งพาทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปหรือไม่ยั่งยืน
สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งจะช่วยให้ EU
บรรลุเป้าหมายที่กำหนดด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ
นอกจากนี้ EU ต้องเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เช่น การนำขยะอินทรีย์หรือของเหลือใช้จากภาคเกษตรไป พัฒนากลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม
(พลาสติกชีวภาพ เส้นใยชีวภาพ ฯลฯ)
(4) ลดผลกระทบและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
เศรษฐกิจชีวภาพแบบหมุนเวียนและยั่งยืนจะช่วยให้ EU ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
รวมทั้งยังเป็นผลจากการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
การผลิตสินค้าขั้นต้นอย่างยั่งยืน และการเพิ่มขีดความสามารถของระบบนิเวศน์ในการท้าหน้าที่เป็นแหล่งดูดซับคาร์บอน
(5) เสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและเพิ่มการจ้างงานในยุโรป
การเติบโตของเศรษฐกิจชีวภาพจะเป็นโอกาสเพิ่มการจ้างงานในระดับภูมิภาค
พัฒนาเศรษฐกิจและเชื่อมโยงชนบทหรือพื้นที่ห่างไกล นอกจากนี้การเติบโตของเศรษฐกิจชีวภาพจะสร้างรายได้ที่สำคัญให้แก่เกษตรกร
รวมทั้งเสริมสร้างเศรษฐกิจในชนบทจากการหลั่งไหลของการลงทุนด้านต่าง ๆ
ต้นแบบความสำเร็จ
ตัวอย่างโครงการวิจัยและนวัตกรรมเศรษฐกิจชีวภาพที่ยั่งยืนใน
EU AgriChemWhey : โรงกลั่นชีวภาพในประเทศไอร์แลนด์ที่ใช้ของเหลือจากอุตสาหกรรมนม
ได้แก่ excess whey permeate, delactosed whey permeate เปลี่ยนเป็นกรดแลคติกที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตสินค้าชีวภาพอย่าง
พลาสติกชีวภาพ ปุ๋ยชีวภาพ หรืออาหารเสริมแร่ธาตุสำหรับคน จึงเป็นโครงการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
ลดของเสียและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่จากการใช้ทรัพยากรเท่าเดิม
ECO - FCE : โครงการในประเทศอังกฤษที่ช่วยเกษตรกรพัฒนาการใช้อาหารของสัตว์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากฟาร์มสุกรและไก่
Exilva : โครงการในประเทศนอร์เวย์ที่สกัด Microfibrillated celluose จากเยื่อเซลลูโลส สามารถน้าไปใช้เป็นสารเติมแต่งในอุตสาหกรรมผลิตกาว สีสารเคลือบผิว เครื่องสำอางไปจนถึง ซีเมนต์เพื่อเพิ่มความหนืดและความคงตัว ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติจากป่าไม้ในสแกนดิเนเวีย 100% เป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่นำไปสู่การพัฒนาสินค้าใหม่ที่ทดแทนการใช้เคมีภัณฑ์จากเชื้อเพลิงฟอสซิล
Res Urbis : โรงกลั่นชีวภาพในประเทศอิตาลีที่ใช้ชีวมวลจากขยะอินทรีย์
ที่มาจากครัวเรือน ร้านอาหาร ร้านค้า น้ำเสียจากในเมืองหรือโรงงานแปรรูปอาหาร เพื่อแปรเปลี่ยนไปเป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพ
เช่น ฟิลม์ชีวภาพ พลาสติกชีวภาพ เป็นต้น
เศรษฐกิจชีวภาพมีความสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ดินและระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม เพิ่มการผลิตอาหาร พลังงาน วัตถุดิบหรือสินค้าต่าง ๆ
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้หรือบริโภคที่เพิ่มขึ้น ลดการพึ่งพาทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป
และรู้จักนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่อย่างคุ้มค่า
นอกจากนี้เศรษฐกิจชีวภาพแบบหมุนเวียนและยั่งยืนจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่จากทรัพยากรที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่น โดยอาศัยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีนวัตกรรม ผสมผสานกับความรู้ด้านฟิสิกส์ดิจิตอลและชีวภาพ การขยายตัวของเศรษฐกิจชีวภาพสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเมืองใหญ่หรือพื้นที่ห่างไกล โดยควรเปิดโอกาสให้กับทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจชีวภาพผ่านการพัฒนาด้านการศึกษา ฝึกอบรม และให้ความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจชีวภาพ สนับสนุนการวิจัย ถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
ขณะเดียวกัน การเติบโตของเศรษฐกิจชีวภาพต้องคำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน
ในขณะที่ประเทศไทยการกระแสของเศรษฐกิจชีวภาพยังเป็นที่กล่าวถึงในวงจำกัด
แต่เชื่อแน่ว่าเทรนด์นี้จะเกิดขึ้นกว้างขวางและรวดเร็วจนผู้ประกอบการบางรายอาจปรับตัวไม่ทัน
เพราะเทรนด์การค้าจะเปลี่ยนที่สำคัญยุโรปเป็นตลาดส่งออกที่มีศักยภาพและมีมูลค่าสูงของผู้ส่งออกไทย
ด้วยเหตุนี้จะมองข้ามเทรนด์เศรษฐกิจชีวภาพไม่ได้อย่างเด็ดขาด
อ้างอิง : สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป
:Thaieurope.net