ถอดรหัสความสำเร็จธุรกิจครอบครัวจิราธิวัฒน์ (business model)
หากจะบอกว่าตระกูลธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความสามัคคีรักใคร่ปรองดองกันดี "ครอบครัวจิราธิวัฒน์" เจ้าของ "เซ็นทรัล กรุ๊ป" ถือเป็นต้นแบบผู้ประกอบการในการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัวที่ดีตระกูลหนึ่งที่สามารถสร้างธุรกิจครอบครัวให้กลายเป็น อาณาจักรค้าปลีกให้ยิ่งใหญ่ขึ้นอันดับหนึ่งของไทยมีสาขาในหลายประเทศทั่วโลก
ล่าสุดครองอันดับ2ของมหาเศรษฐีไทย มูลค่าทรัพย์สิน 2.1 หมื่นล้านเหรียญ (6.68 แสนล้านบาท) ล้านบาท โดยยังรักษาความเป็นครอบครัวที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไว้ได้ แม้จะมีสมาชิกในครอบครัวเกือบ 200 ชีวิตก็ตาม ครอบครัวขนาดใหญ่อย่างนี้ ต้องบอกว่าความสามัคคีของทายาทในตระกูลเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของครอบครัว (business model) อยู่รอดได้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
สำหรับแนวคิดของผู้ประกอบการในการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัวของตระกูลจิราธิวัฒน์ (business model) ที่มีผู้เคยศึกษาไว้มี 6 เรื่องสำคัญตามโมเดล “บ้านธรรมนูญ” ได้แก่
แต่สาระหลักๆนั้นได้มีการ แบ่งแยกเรื่องธุรกิจกับครอบครัวอย่างชัดเจน โดยเรื่องธุรกิจให้ไปที่คณะกรรมการ หรือ “บอร์ดใหญ่” มีหน้าที่ในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องของครอบครัวและเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจของตระกูล โดยมี “สภาครอบครัว” ทำหน้าที่ตัดสินชี้ขาดในเรื่องครอบครัว
Credit ภาพ news.mthai.com
สภาครอบครัว ...ดูแลครอบครัว
มีคนเคยศึกษาปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจเซ็นทรัล กรุ๊ปของตระกูลจิราธิวัฒน์ประสบความสำเร็จเช่นในปัจจุบันว่าเกิดจากการที่เลือกใช้ระบบ Family Council หรือ “สภาครอบครัว”ที่ทุกคนช่วยกันตั้งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นมาใช้ร่วมกันในการดำเนินธุรกิจ และมีการจัดสรรผลประโยชน์ทางธุรกิจที่ลงตัว จึงทำให้ธุรกิจครอบครัวเติบโตมาได้อย่างยั่งยืน
“สภาครอบครัว”หรือ “Family Council” ตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2541 ในยุคของ เจ้าสัวสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ หลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง”ในปี 2540 ทำให้ต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรธุรกิจของตระกูลหลายครั้ง ส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญก็คือการจัดตั้ง “คณะกรรมการครอบครัว” และ“สภาครอบครัว” นั่นเอง
“สภาครอบครัว” ซึ่งมีหน้าที่จัดการสารพัดเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ดูแลความเป็นอยู่ของสมาชิกในด้านต่างๆ, ดูแลระเบียบและการให้สวัสดิการแก่สมาชิก, บริหารจัดการทรัพย์สินของครอบครัว (กงสี) รวมทั้งกำหนดผลประโยชน์สำหรับผู้ที่เกิดมาอยู่ใต้ร่มตระกูลจิราธิวัฒน์
ทั้งนี้ การกระทำใดๆ ของสมาชิก ต้องเป็นไปตามกฎกติกาของสภาครอบครัวเท่านั้น ซึ่ง“สภาครอบครัวจิราธิวัฒน์ และคณะกรรมการ “บอร์ดใหญ่” ยังคงเป็นคนเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ตั้งเป็นกฎตายตัวว่าต้องเป็นเช่นนี้ตลอดไปแต่อย่างใด แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ สภาครอบครัวจิราธิวัฒน์จะต้องมีสภาเดียว ถึงแม้ตระกูลจะแตกแขนงออกไปอีกหลายสายครอบครัวแล้วก็ตาม
สำหรับโครงสร้างบริหารของ “สภาครอบครัว”นั้น ประกอบด้วย
คณะกรรมการ “บอร์ดใหญ่”ดูแลธุรกิจ
ครอบครัวจิราธิวัฒน์ ใช้ระบบ “คณะกรรมการ” ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องของครอบครัวและเรื่องธุรกิจ อาจจะกล่าวได้ว่า“คณะกรรมการ”ทำหน้าที่ในการสื่อสารระหว่างสมาชิก การตัดสินใจร่วมกัน และการระงับความขัดแย้งทั้งหลายในครอบครัว ในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องของครอบครัวและเรื่องธุรกิจของตระกูล
อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของการตั้งคณะกรรมการก็คือ “ที่มาของคณะกรรมการ” จะต้องโปร่งใส และเป็นที่ยอมรับของครอบครัว ซึ่งในระบบคณะกรรมการ พ่อ-แม่ หรือพี่ใหญ่ ยังคงกุมอำนาจตัดสินใจสูงสุด เพราะถือเป็นการให้เกียรติผู้อาวุโสที่ก่อตั้งธุรกิจมาช้านานโดยมีโครงสร้างดังนี้
ทั้งนี้คณะกรรมการจะไม่ใช่เสือกระดาษ มีอำนาจให้คุณให้โทษกับสมาชิกได้และยังมีที่ปรึกษาหลากหลายด้าน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน การค้าต่างประเทศ เพื่อเข้ามาให้ความคิดเห็นประกอบการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ด้วย
อย่างไรก็ตามการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัวของตระกูลจิราธิวัฒน์ ยังมีรายละเอียด และมีสาระสำคัญอีกหลายประการไม่ว่าจะเป็นกติกาในการสืบทอดอำนาจ การปลูกฝังค่านิยมในการให้เกียรติผู้ใหญ่ ความกตัญญู การให้ลูกหลานเรียนรู้งานตั้งแต่ยังเด็กและ ปล่อยให้ได้แสดงฝีมือ รวมถึงการจัดการ “กงสี”ที่ทำได้อย่างดี
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นต้นทางของการสร้างกิจการครอบครัวตระกูลจิราธิวัฒน์ให้ประสบความสำเร็จ โดยยังรักษาความเป็นครอบครัวที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไว้ได้
credit ภาพ the bangkok insight