อาเซียนเป็นอีกกลุ่มประเทศที่กำลังได้รับการจับตาเนื่องจากศักยภาพการเติบโตในอุตสาหกรรมดังกล่าวมีอยู่สูง โดยแต่ละประเทศมีทิศทางและแนวโน้มการเติบโตที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์และคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านดังกล่าวต่างยกให้ “เวียดนาม” เป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพด้านดิจิทัล โดยเฉพาะด้านฟินเทคสตาร์ทอัพทั้งนี้ ในเมืองหลักสำคัญของเวียดนามอย่างนครโฮจิมินห์มีจำนวนฟินเทคสตาร์ทอัพกว่า 60 บริษัท จากสตาร์ทอัพทั้งหมดที่มีมากกว่า 600 แห่งทั่วมหานคร
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
FinTech ในประเทศเวียดนาม
ด้วยการขยายตัวของประชากรกลุ่มชนชั้นกลาง
การเพิ่มขึ้นของการใช้งานอินเตอร์เน็ต และจำนวนประชากรเกือบ 100 ล้านคน
ซึ่งมากกว่าร้อยละ 65 เป็นประชากรวัยหนุ่มสาวที่มีการศึกษาที่ดี
มีทักษะและความเข้าใจด้านดิจิทัลตลอดจนมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอย่างเต็มเปี่ยม
ทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการก้าวขึ้นเป็นตลาดฟินเทคสำคัญของภูมิภาค
Department of Payments ธนาคารแห่งชาติเวียดนามระบุว่า อุตสาหกรรมการชำระเงินที่เติบโตอย่างรวดเร็วของเวียดนามนี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการขยายตัวของรูปแบบการจ่ายเงินแบบไร้เงินสด (Cashless Payment) ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปี 2562 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2561 โดยเฉพาะในส่วนของการทำธุรกรรมผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือและกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งขยายตัวกว่าร้อยละ 126 และร้อยละ 161 ตามลำดับ นอกจากนี้ รายงานของ Allied Market Research เมื่อปี 2561 ยังได้คาดการณ์ด้วยว่าตลาดการชำระเงินผ่านมือถือของชาวเวียดนามจะมีมูลค่าสูงถึง 70,937 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีระหว่างปี 2561 – 2568 อยู่ที่ร้อยละ 18.2
จับตา VNPay
แพลตฟอร์มชำระเงินของเวียดนาม
จากการที่ฟินเทคเข้ามามีบทบาทในสังคมและเศรษฐกิจเวียดนามมากขึ้นเรื่อย
ๆ
ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างคึกคักระหว่างสตาร์ทอัพที่คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีทางด้านการเงิน
และส่งผลให้ระบบนิเวศของฟินเทคสตาร์ทอัพในเวียดนามขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน
มีบริษัทฟินเทคสตาร์ทอัพเกิดขึ้นกว่า 120 แห่ง ครอบคลุมบริการที่หลากหลาย
ตั้งแต่การชำระเงินดิจิทัล การเงินทางเลือก
ไปจนถึงการบริหารความมั่งคั่งและบล็อกเชน
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางรูปแบบสตาร์ทอัพและแพลตฟอร์มจำนวนมากที่เกิดขึ้นนี้การชำระเงิน
(Payment) นับเป็นภาคธุรกิจฟินเทคที่เป็นที่นิยมมากที่สุด
บริษัทที่น่าจับตามองในแพลตฟอร์มนี้ ได้แก่ VNPay แพลตฟอร์มการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
ซึ่งปัจจุบันได้จับมือกับธนาคารพาณิชย์มากกว่า 40 แห่ง อาทิ UnionPay, Vietcombank, Agribank ตลอดจนบริษัทผู้จำหน่ายสินค้าและบริการต่าง
ๆ ทั้งในและนอกประเทศอีกมากกว่า 1,000 แห่ง และมีจุดชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดประมาณ
50,000 แห่งทั่วประเทศ
ทั้งพบว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นของการชำระเงินผ่าน
VNPay มากกว่ากว่าร้อยละ 30 ต่อปี ด้าน
Payoo แอพพลิเคชั่นการเงินที่พัฒนาโดย VietUnion ก็มุ่งเน้นเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการชำระเงินค่าบริการต่าง
ๆ โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับ Citi Treasury และ
Trade Solutions เพื่อพัฒนาการทำธุรกรรมระหว่างบุคคลและนิติบุคคลให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
ขณะที่ M_Service ผู้ก่อตั้งแอพพลิเคชั่นชำระเงินบนมือถือ และเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพฟินเทคที่ได้รับเม็ดเงินลงทุนสูงสุดในเวียดนามที่ให้บริการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน
Moca แอพพลิเคชั่นชำระเงินบนมือถือสำหรับผู้บริโภคชาวเวียดนาม
และ GrabPay กระเป๋าเงินมือถือซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแอพพลิเคชั่นชื่อดัง
Grab และ ZION เจ้าของแอพพลิเคชั่น
Zalo Pay ที่มีทั้งบริการชำระเงินและแพลตฟอร์มสำหรับการสนทนาออนไลน์ยอดนิยมในเวียดนาม
โดยบริการดังกล่าวจะเชื่อมกับบัตรชำระเงินของผู้ใช้บริการเพื่อชำระค่าบริการหรือสินค้าออนไลน์เติมเงินมือถือ
เพื่อจ่ายค่าสาธารณูปโภค และอื่น ๆ ผ่านการโอนจ่ายเงินระหว่างบุคคล การจ่ายผ่าน QR Code
ด้านระบบตลาดสินเชื่อออนไลน์
(Peer-to-peer (P2P) Lending) ซึ่งนับเป็นกลุ่มธุรกิจฟินเทคที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเวียดนาม
ด้วยจำนวนสตาร์ทอัพกว่า 20 บริษัท อาทิ Tima ตลาดทางการเงินของผู้บริโภคและแพลตฟอร์มตลาดสินเชื่อออนไลน์
Growth Wealth แพลตฟอร์มตลาดสินเชื่อออนไลน์สำหรับกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม
อีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจฟินเทคที่กำลังมาแรงและเติบโตอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือ บล็อกเชน(Blockchain) และคริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) นับตั้งแต่การเข้ามาของบิทคอยน์ในเวียดนามและการก่อตั้งบริษัทซื้อขายบิทคอยน์รายแรกของประเทศในปี 2557 ทำให้เกิดบริษัทรายใหม่ลงเล่นในธุรกิจดังกล่าวจำนวนมาก เช่น TomoChain บล็อกเชนสาธารณะที่เสนอบริการทำธุรกรรมทางการเงินที่ถูกกว่าและเร็วกว่า ซึ่งออกแบบเพื่อรองรับแอพพลิเคชั่นแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Applications) Kyber Network โปรโตคอลสภาพคล่องแบบบนลูกโซ่ (On-chain Liquidity Protocol) เทคโนโลยีเล่มบัญชีแบบกระจาย ซึ่งช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนเหรียญได้ทันทีและทำได้อย่างปลอดภัยบนแพลตฟอร์ม
นอกจากแพลตฟอร์มยอดนิยมข้างต้น
เวียดนามยังมีกลุ่มฟินเทคอื่น ๆ จำนวนมาก อาทิ แพลตฟอร์มการวิเคราะห์การเงินเชิงเปรียบเทียบ
เช่นTheBank, EbaoHiem เทคโนโลยีกลุ่มธุรกิจประกันหรืออินชัวร์เทค
(Insurtech) เช่น Papaya,
Inso และ Wicare การบริการระบบขายหน้าร้าน
(Point-of-Sale (POS)) เช่น
bePOS แพลตฟอร์มการบริหารความมั่งคั่ง เช่น Finsify แพลตฟอร์มดิจิทัลแบงค์กิ้ง (Digital Banking Platforms) เช่น Timo และสตาร์ทอัพพิจารณาสินเชื่อ
(Credit Scoring) เช่น Trusting
Social เป็นต้น
น่าจับตามากสำหรับเวียดนามที่มีปริมาณประชากรที่มีการศึกษาดีขึ้นต่อเนื่องและมีแนวคิดทันสมัยจะนำพาเวียดนามให้สามารถพัฒนาด้าน Fintechเทียบชั้นสิงคโปร์ได้หรือไม่เพราะช่วงเวลานี้
ไม่มีใครที่จะกล้าสบประมาทเวียดนามได้อีกต่อไป
ไว้ครั้งหน้าเรามาต่อกันที่ปัจจุยที่เกื้อหนุนต่อธุรกิจสตาร์ทอัพในเวียดนาม การขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าคล้ายๆ ไทยก็การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและอุตสาหกรรมสมัยใหม่
อ้างอิง : ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในนครโฮจิมินห์ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์