อาหารเครื่องดื่ม เทรนด์ธุรกิจดาวรุ่ง

กลุ่มผู้บริโภคชาวไทยต่างรอคอยและติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ผู้ประกอบการรายไหนที่จะเป็นรายแรกเปิดตัวเมนูอาหารและผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมสมุนไพรจากกัญชา-กัญชง หลังจากเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 โรงพยาบาลอภัยภูเบศวร จังหวัดปราจีนบุรี ได้นำร่องเปิดตำรับเมนู “กัญชา” 5 เมนูจานเด็ดออกสู่สายตาสาธารณชน คือ เมนูรื่นเริงบันเทิงยำ ข้าวกะเพราสุขใจ เล้งแซ่บซดเพลิน ขนมปังคิกคิก รวมทั้งเครื่องดื่มกัญชา โดยนำส่วนที่ปลดล็อก เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่ง ก้าน ราก ยกเว้น ช่อดอก และเมล็ดกัญชา ซึ่งถือว่าเป็นยาเสพติดเป็นส่วนผสมของอาหารต้นตำหรับ ซึ่งภาครัฐได้ประกาศรองรับเมนูอาหารและเครื่องดื่มดังกล่าวแล้ว

เป้าหมายหลักเพื่อต้องการผลักดันให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์สร้างมูลค่าอาหารและผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม สร้างรายได้ให้กับประชาชาชาวไทยมั่นคงยั่นยืน โดยวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ประกาศราชกิจจานุเบกษาอนุญาตนำเฉพาะกัญชงใช้เชิงพาณิชย์ ตามด้วยวันที่ 29 มกราคม 2564 อนุญาตให้ปลูกกัญชาในพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อธุรกิจและปลดล็อกให้ใช้กัญชาเพื่อเชิงพาณิชย์ ซึ่งทั้งหมดมีผลประกาศเพื่อเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564

จากการปลดล็อกเพื่อเชิงพาณิชย์ดังกล่าว กำลังกลายเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มของไทยมีแนวโน้มแข่งขันรุนแรง เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดโดยรวมที่มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท ตอนนี้รอแต่เพียงขั้นตอนขององค์การอาหารและยา (อย.) ที่จะทยอยออกกฎหมายมารองรับประเภทเครื่องดื่มและอาหารอาหารเสริม เครื่องสำอาง ฯลฯ คาดว่าภายใน 4 เดือนข้างหน้า หรืออย่างเร็วสุดน่าจะอยู่ในช่วงเดือน พ.ค. 2564

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

อย. ฝุ่นตลบรายเล็กรายใหญ่ยื่นสูตรเด็ดขอใบอนุญาต

ปัจจุบันผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหุ้นและผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ต่างซุ่มเตรียมสูตรเด็ดสูตรลับภูมิปัญญาไทย เพื่อรอเปิดไลน์การผลิตอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรจากกัญชา กัญชง เพียงแต่รอขั้นตอนการอนุมัติจาก อย. เท่านั้น และหากได้รับรองแบรนด์สินค้าคาดว่าไม่น่าจะเกิน 7 เดือนต่อจากนี้ เมนูจานเด็ดและเครื่องดื่มรสโอชะจะออกสู่ท้องตลาดสู่สายตาสาธารณชน

ซึ่งสอดคล้องกับแหล่งเพาะปลูกกัญชา กัญชง แหล่งใหญ่ที่ได้รับอนุญาตจากภาครัฐ จะออกผลผลิตในอีกประมาณ 6 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งราคากัญชา กัญชง ล็อตแรกอาจจะสูงถึง 1 แสนบาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว เนื่องจากมีปริมาณจำกัดปลูก 1 ไร่ ให้ผลผลิตประมาณ 20-30 กิโลกรัม แถมรัฐบาลยังห้ามนำเข้าไทยเป็นเวลา 5 ปี

โดยกลุ่มแรกที่จะได้รับอานิสงส์จากกัญชา กัญชง ล็อตแรก คือกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มที่มีฐานการผลิตและช่องทางการค้าที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว เช่น บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG และบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เป็นต้น ส่วนกลุ่มถัดมา คือกลุ่มที่ทำธุรกิจวัตถุดิบด้านอาหาร อาทิ บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพราย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ที่ค่อนข้างพร้อมในการเป็นผู้ผลิตต้นน้ำจากพื้นที่จำนวนมาก ที่อยู่ในภาคเหนือ เช่นเดียวกับบริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD ดำเนินธุรกิจผลิตเสริมอาหารและสารสกัดต่างๆ ภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า

ส่งออกเครื่องดื่มกัญชาสะดุดประเทศคู่ค้ายังไม่เปิดเสรี

ผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มจะได้รับอานิสงส์เป็นลำดับถัดไป เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่ อย่างไรก็ตามการส่งออกอาจติดข้อกฎหมายหากประเทศคู่ค้ายังไม่เปิดเสรี และกลุ่มผู้บริโภคอาจจะต้องถูกจำกัดอายุ โดยกลุ่มเครื่องดื่มแบรนด์ไหนที่บุกเบิกตลาดได้ก่อนจะได้ประโยชน์สูงสุดและครองส่วนแบ่งตลาดเจ้าแรก อย่างไรก็ตามไลน์การผลิตสินค้าเครื่องดื่มกัญชา กัญชง รอบแรกอาจจะเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564  แต่กระนั้นคาดว่าจะสร้างรายได้ที่ชัดเจนจากธุรกิจดังกล่าวในช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องปี 2565 น่าจะเป็นปีที่เห็นภาพมูลค่าการตลาดเต็มรูปแบบ

เครื่องอาหาร เครื่องดื่ม สุดอินเทรนด์ “กัญชา กัญชง” พร้อมแล้วที่จะเข้ามาสร้างความสั่นสะเทือนตลาดไทยที่มีมูลค่ามากกว่า 4 แสนล้านบาทต่อปี นั่นยังไม่รวมตลาดเครื่องสำอาง ขนมขบเคี้ยว และขนมของหวาน ที่มีมูลค่ามหาศาลไม่แพ้กัน ซึ่งผู้ประกอบการรายไหนที่พร้อมต่อยอดธุรกิจนี้ ย่อมมีโอกาสสูงที่จะได้เปรียบคู่แข่งและชิงความเป็นจ้าวตลาดไทย

ทั้งนี้ทั้งกัญชาและกัญชง ที่ไม่มีส่วนผสมของดอกและน้ำมัน ไม่สามารถทำให้มึนเมาแต่อย่างใด เพราะมีส่วนประกอบอื่นๆ นอกจากดอกและยางหรือน้ำมันมีสาร THC ที่ต่ำมาก ดังนั้นจะไม่มีการอาการข้างเคียงแต่อย่างใด 

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<