ธุรกิจ
Food Delivery คึกคักหลังจาก 3 ค่ายใหญ่ Lineman- Grab food -Get food เปิดทดลองให้ผู้ประกอบการร้านค้าเข้าสู่ระบบการสั่งอาหารผ่าน Application เมื่อกลางปี 2562 ที่ผ่านมา มีการแข่งขันกันจัดโปรโมชั่น ลดค่าจัดส่งเพื่อช่วงชิงลูกค้า
ขณะที่ร้านอาหารเองไม่ต้องจ่ายค่า Gross Profit (GP) หรือส่วนแบ่งจากการขายให้กับทาง
APP ทำให้ราคาไม่สูง
จึงเป็นจุดดึงดูดให้ผู้บริโภคหันมาสนใจใช้บริการสั่งอาหารผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
แต่หลังจากหมดโปรโมชั่นช่วงทดลองระบบ ทั้ง 3 ค่ายได้แจ้งไปยังร้านอาหารที่เคยอยู่บน Application Food Delivery ให้มาลงทะเบียนเพื่อร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ โดยร้านค้าที่เข้าร่วมจะได้สิทธิพิเศษ คือเป็นร้านอาหารแนะนำระดับแรกๆ มีตำแหน่งเมนูอาหารที่เห็นเด่นชัด และลูกค้าที่สั่งอาหารทางแอปพลิเคชัน จะจัดโปรโมชั่นจัดค่าส่งอาหารให้ในราคาพิเศษ โดยไม่ต้องเสียค่าส่งตามระยะทาง แต่มีเงื่อนไขทางร้านฯ ต้องเสียค่า Gross Profit (GP) หรือส่วนแบ่งจากยอดขายให้กับทาง APP Delivery
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ดึงเข้าระบบเรียกเก็บ GP 25-30%
เจ้าของร้านอาหารย่านถนนคลองสามวาแห่งหนึ่ง
เปิดเผยว่า หลังจากทั้ง 3
ค่ายนำร้านเข้าสู่ระบบ APP Delivery ในช่วงกลางปี
2562 มียอดขายเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว แต่ประมาณช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน
ทาง APP Delivery ทั้ง 3 ค่าย
ได้แจ้งจะทำการจัดระบบการสั่งอาหารผ่าน APP ใหม่
โดยเปิดโอกาสให้ร้านที่เคยร่วมทดลองระบบฯ ก่อนหน้านี้มาลงทะเบียนเพื่อคู่ค้าหรือพาร์ทเนอร์ธุรกิจ
แต่มีเงื่อนไขจะมีการจัดเก็บ Gross Profit (GP) หรือส่วนแบ่งจากยอดขายให้กับทาง APP
Delivery
“ช่วงนี้เท่าที่ทราบหลายร้านมียอดขายลดลงไปมาก
เนื่องจากอยู่ระหว่างการลงทะเบียนและรอการอนุมัติจากการทำสัญญา”
โดยเจ้าหน้าที่ Lineman ระบุว่า หากเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์แล้ว ทาง APP
Lineman Food Delivery จะขึ้นเป็นร้านอาหารแนะนำ และโปรโมชั่นค่าส่งในราคาพิเศษให้กับผู้สั่งอาหาร
แต่ทางร้านต้องเสียค่า Gross Profit (GP) หรือส่วนแบ่ง 30% จากยอดขาย
และจะส่งบิลเรียกเก็บทุก ๆ สิ้นเดือน แต่ทาง Lineman ก็ไม่ได้บังคับ
หากร้านค้าใดไม่เข้าร่วมก็ไม่ได้สิทธิพิเศษดังกล่าว
ลูกค้าที่สั่งอาหารก็ต้องจ่ายค่าส่งอาหารตามระยะทาง
ขณะที่ Grab food มีเงื่อนไขเดียวกับ Lineman คือเสียค่า Gross
Profit (GP) 30% เช่นกัน แต่ลูกค้าที่สั่งอาหารจะต้องชำระผ่านทาง
APP Grab food โดยตรง และจะหักส่วนแบ่ง 30% ทันที จากนั้นทาง Grab
food จะโอนค่าอาหารคืนให้กับร้านค้าแบบวันต่อวัน
ด้าน Get
food ได้แจ้งให้ร้านอาหารที่สนใจเข้าร่วมอบรมกับโครงการ
“เคล็ดลับจากร้อยสู่ล้านก้าวไปกับ Get food”
ระหว่างวันที่ 3-24 ธันวาคม
2562 หากร้านค้าที่ลงทะเบียนทำสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์ในช่วงวันดังกล่าวจะคิดค่า
Gross Profit (GP) เพียง
25% เท่านั้น แต่หลังจากช่วงวันดังกล่าวจะคิด 30%
“จากการเรียกเก็บค่า GP ของทั้ง 3 APP ทางร้านจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาอาหาร
เพราะถือเป็นค่าบริหารจัดการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า แต่คงปรับขึ้นไม่มาก เพราะเกรงจะกระทบกับทางลูกค้า
แต่หากลูกค้ามาทานที่ร้านก็ยังคงขายในราคาเดิม” เจ้าของร้านอาหารรายเดิมกล่าว
ตลาดโตเฉียด 3 หมื่นล้าน
Food Delivery เป็นหนึ่งตลาดที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
หลายค่ายมีจำนวนออเดอร์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็น Food Panda ที่เข้ามาในประเทศไทยมากว่า 7 ปี มียอดการสั่งอาหารแตะล้านออเดอร์ได้แล้ว
ขณะที่ Grab food มียอดสั่งอาหารผ่าน
APP สูงถึง 4 ล้านออเดอร์ ภายใน 4 เดือน เทียบกับทั้งปี 2018 ที่ผ่านมา
ด้าน Line Man ที่กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 มีการเติบโตในแต่ละปีได้ไม่ต่ำกว่า 300% รวมไปถึงการเข้ามาแชร์ตลาดของน้องใหม่อย่าง Get food ก็มียอดออเดอร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าตลาดในกลุ่มนี้มีมูลค่าสูงถึงเกือบ 30,000 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจนี้มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ จากปัญหาการจราจรทำให้เสียเวลาในการเดินทาง บางร้านต้องรอคิวนาน
ผู้บริโภคก็สามารถสั่งอาหารล่วงหน้าได้ ,สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย
,ความจำเป็นในครอบครัว ,เลือกสั่งอาหารได้หลากหลาย ขณะที่ลูกค้าก็มีโอกาสในการเข้าถึงร้านอาหารใหม่ๆ
ได้ง่ายขึ้น แม้จะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องส่งอาหาร แต่หลาย ๆ ค่ายก็มีโปรโมชั่นส่วนลด โดยรวมแล้วสะดวกประหยัดกว่าการเดินทางไปที่ร้านด้วยตนเอง
อีกเหตุผลที่เป็นปัจจัยหนุนทำให้ธุรกิจนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด มาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากการใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งจากสถิติตัวเลขการใช้ Facebook ในกรุงเทพมหานครมีจำนวนสูงมากที่สุดในโลก ฉะนั้นการเข้าถึงธุรกิจออนไลน์จึงง่ายและเอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจนี้เป็นอย่างดี