เจาะกระแส ‘อัญมณีและเครื่องประดับ’ กับมิติด้านความยั่งยืน
หากย้อนกลับไปเรื่องราวของ
‘เพชรสีเลือด’ ที่ตีแผ่เพชรที่มาจากแหล่งไม่ชอบธรรม
เป็นแหล่งที่มีการใช้ความรุนแรงก่อกบฏขึ้น
มีการใช้แรงงานทาสหรือบังคับแรงงานเด็กและผู้หญิงมาช่วยในการขุด
เพชรที่ได้มาจึงถูกมองว่าเป็นเพชรที่ได้มาจากความโหดร้าย ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส
มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ทำให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
ก็มีการสร้างความตระหนักและให้ความหมายของจริยธรรมไว้เช่นกัน รวมทั้งการให้ค่าจ้างที่เป็นธรรมและมีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยแก่คนงาน
ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ คือการทำเหมืองอย่างโปร่งใส
มีการสร้างสุขอนามัยที่ดีให้คนงาน การตรวจสอบถึงแหล่งที่มาได้
รวมถึงต้องระมัดระวังต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนใกล้เคียง
การเลือกใช้วัตถุดิบในการผลิตที่อาจนำกลับมาใช้ใหม่ หรือรีไซเคิลได้
และการให้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมเหมาะสม
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
และสิ่งสำคัญที่ผู้ผลิตต้องคำนึงถึงหากจะอยากนำพาธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนได้สำเร็จ
คือควรหลีกเลี่ยงการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยการตรวจสอบมีหลายวิธี
ทางเลือกหนึ่งก็คือการหามาตรฐานการรับรองที่เข้มงวด เพื่อตรวจสอบสภาพการทำงานภายในเหมืองและลดความเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เช่น องค์กรที่ให้การรับรองเหมืองทองอย่าง Fairtrade (http://www.fairgold.org) และFairmined (http://www.fairmined.org) อย่างไรก็ตาม
ผู้ผลิตเครื่องประดับอาจหาวัตถุดิบโดยตรงจากเหมืองที่ได้รับการรับรอง และติดตามข้อมูลผ่านโครงการขององค์กรภาคเอกชนได้เช่นกัน
ปัจจุบันมีหลายองค์กรที่มีบทบาทในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
ต่างพยายามส่งเสริมและยกระดับการค้า ตลอดจนกระบวนการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับให้มีความโปร่งใส
ถูกต้อง และไม่กระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อาทิ CIBJO, Ethical Metalsmith, Fair
Jewelry Action, Fairmined, Fairtrade,
Responsible Jewellery Council (RJC) และ Natural Diamond
Council (NDC)
ซึ่งองค์กรเหล่านี้จะให้ความรู้เพื่อสร้างความตระหนัก
และให้ข้อมูลของผู้ผลิตวัตถุดิบและเครื่องประดับที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน
รวมถึงการกำหนดมาตรฐานที่เป็นแนวทางปฏิบัติไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
สินค้าไทยกับศักยภาพด้านความยั่งยืน
สำหรับประเทศไทย ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับติด
1 ใน 15 อันดับแรกของสินค้าไทยที่มีการส่งออกมากที่สุด โดยในปี 2563 มีมูลค่าการส่งออกรวม 578,941.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ตัวเลขการส่งออก
ยังเป็นปัจจัยเสริมให้มีการเติบโตของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
ทำให้เกิดการจ้างงาน และมีแรงงานจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจและ GDP ของประเทศไทย
นอกจากนี้แรงงานด้านการผลิตเครื่องประดับของประเทศไทยยังมีขีดความสามารถและความชำนาญ
ในด้านการเจียระไนอัญมณีและพลอย ซึ่งเป็นที่ยอมรับของตลาดโลกอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านี้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนใหญ่แล้วผลิตจากผู้ประกอบการ SME ซึ่งมีหลากหลายอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรมการเจียระไน อุตสาหกรรมการออกแบบ อุตสาหกรรมการผลิตและประกอบตัวเรือน และอุตสาหกรรมการทำวัสดุหีบห่อ เป็นต้น
ในอนาคตอันใกล้ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับที่มีจริยธรรมและความยั่งยืน
จะกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และจะกลายเป็นกระแสหลักที่มาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมนี้ในการสร้างสรรค์ชิ้นงาน
ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องคำนึงถึงมาตรฐานใหม่ของอัญมณีและเครื่องประดับ
เพื่อให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของตลาดผู้บริโภค
เพื่อจะได้ดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดให้ตอบโจทย์ได้ตรงใจลูกค้า และยังสามารถครองพื้นที่ส่วนแบ่งตลาดในประเทศต่อไปได้ในอนาคต
แหล่งอ้างอิง
:
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
https://www.thaitextile.org/detail.2346
https://www.thaitextile.org/detail.2435