รู้หรือไม่ Gen ไหนมีอิทธิพลต่อแบรนด์มากที่สุด ?

แบรนด์ควรติดตามพฤติกรรมของคนแต่ละ Generation เพราะพวกเขาแต่ละ Gen จะมีอิทธิพลต่อแนวโน้มใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการ จากรายงานของ WGSN ประเทศฮ่องกง ผู้เชี่ยวชาญการประยุกต์ใช้ข้อมูล trend forecasting ให้กับลูกค้าแบรนด์ต่างๆ เผยว่าในปี 2020 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ‘กลุ่มคน’ หรือ ‘ผู้บริโภค’ ที่จะมีนัยสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม คือ

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

1. Gen Alpha

เด็กเล็ก เด็กประถม และเยาวชนที่เกิดหลังปี 2010 เป็นต้นมา ผู้บริโภคกลุ่มนี้คือประชากรที่โตขึ้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ดีที่สุด มีการศึกษาดีที่สุด และจะเป็นกลุ่มที่มีพลังซื้อสูงมากในอนาคต ดังนั้นหากธุรกิจใดมุ่งหวังจะเจาะตลาดกลุ่มนี้ในระยะ 10 ปีข้างหน้า WGSN แนะนำว่าคุณควรเริ่มศึกษาพฤติกรรม ค่านิยม และเริ่มวางแผนผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์พวกเขาเสียแต่วันนี้

2. Gen Z

ประชากรที่เกิดระหว่างปี 1995 – 2010 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมโนสำนึกอยากเปลี่ยนโลก ต้องการวิถีชีวิตที่กรีนและคลีน (Green life & Clean food) จุดเด่นของมนุษย์ Gen Z คือถ้ารักแล้วจะไม่ลังเล คิดเร็ว ซื้อง่าย แต่ธรรมชาติของพวกเขาคือสมาธิสั้น จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ไม่นาน ดังนั้นการสื่อสารจากแบรนด์จะต้องรวบรัด

3. Millennial หรือ Gen Y

ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1980 – 1995 มีค่านิยมรักอิสระ ให้คุณค่ากับชีวิตที่เป็นเอกเทศ ที่สำคัญคือสนใจแต่ตัวเองจนบางครั้งไม่แคร์โลก (Me Generation) ถือเป็นประชากรที่เอาใจยาก และไม่มีความจงรักภักดีให้กับแบรนด์ใด ถ้ารู้สึกไม่พอใจเพียงเล็กน้อยก็สามารถสวิชท์แบรนด์ได้ทันที

4. Gen X

ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1960 – 1979 เป็นประชากรที่ค่อนข้างมองโลกเชิงลบเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น ส่วนหนึ่งเพราะเติบโตผ่านความยากลำบากมามากกว่า เช่น ผ่านช่วงเศรษฐกิจตกต่ำมาหลายครั้ง ธรรมชาติที่น่าสนใจคือเป็นกลุ่มคนที่มุ่งมั่นในการสร้างชีวิต ชื่นชมภาพความสำเร็จและความมั่นคง

5. Baby Boomer

ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1940 – 1950 ซึ่งเรียกได้เต็มปากว่า ‘คนรวยหลังเกษียณ’ เพราะเป็นประชากรที่มีเงินเก็บสะสม และพร้อมใช้จ่ายกับไลฟ์สไตล์ที่ถูกใจ ปัจจุบันถือเป็นประชากรที่นักการตลาดมองไม่ค่อยแตก แต่มีความน่าสนใจและมีศักยภาพที่จะใช้เงินมหาศาลได้

6. Gen C

อีกกลุ่มที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษสำหรับยุคนี้ ซึ่งนิยามกลุ่มลักษณะประชากรกลุ่มใหม่ ที่ไม่ได้ใช้หลักอ้างอิงตามช่วง พ.ศ.เกิดอีกต่อไป แต่นิยามตามอัตราความกระตือรือร้นของการเป็นคนในยุคดิจิทัล โดยเรียกพวกเขาว่า คน Gen-C ย่อมาจากคำว่า ‘Connectedness’ ซึ่งนับกลุ่มที่มีความกระตือรือร้นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากที่สุด โดยเป็นกลุ่มที่ครอบครองโทรศัพท์ประเภทสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตเป็นส่วนใหญ่ของตลาด โดยคนกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีอัตราการรับชมวิดีโอออนไลน์ และใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ สูงที่สุดอีกด้วย

Gen ไหนมีอิทธิพลต่อแบรนด์มากที่สุด

คำถามสำคัญที่นักขายต้องอยากรู้ คือ คนกลุ่มไหนกันที่มีอิทธิพลต่อแบรนด์และจับจ่ายมากที่สุด ซึ่งแม้ว่าจากรายงานด้านการตลาดล่าสุดจะชี้ว่า กลุ่ม Gen Z จะขยับขึ้นเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อแบรนด์มากที่สุดแม้จะอายุยังไม่เข้าเกณฑ์วัยทำงานและมีรายได้เป็นของตัวเองแต่นับเป็นกลุ่มที่(คาดว่า)จะมีอิทธิพลต่อแบรนด์มากที่สุด

ในขณะที่คน Gen Y ซึ่งนักวิเคราะห์ตลาดส่วนใหญ่จะบุว่าเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงที่สุด ทว่าคนกลุ่มนี้ยังถูกกล่าวถึงในแง่ไม่ดีนัก คือมักเรียกคนกลุ่มนี้ว่า ‘Henry’ ที่ย่อมาจากคำว่า High Earner Not Rich Yet ที่หมายความว่าเป็นคนที่หาเงินได้เยอะ หาเงินเก่ง ‘แต่ก็ยังไม่รวย’

สาเหตุเพราะคนกลุ่มนี้มักจะใช้เงินไปกับของสุรุ่ยสุร่าย พักโรงแรมหรู เช็คอินต่างประเทศ ใช้เงินกับกิจกรรมอย่างมากมาย แต่กลับกันพวกเขามักจะไม่ค่อยชอปปิ้งหรูนัก เสื้อผ้ามักจะไปทางแบรนด์ระดับกลาง พวกเขามักจะหาเงินเก่งมากมีรายได้สูง แต่รายจ่ายก็สูงเช่นกัน เป็นกลุ่มคนที่ถ้าหยุดทำงานก็จะไม่รวย

อีกกลุ่มที่น่าสนใจ คือ Baby Boomer เราทราบดีว่าประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ร้อยละ 16 ของประชากร 69 ล้านคนคือกลุ่มคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป คนกลุ่มนี้มีเวลา มีเงิน และมีพฤติกรรมที่ค่อนข้างหลากหลาย มีความต้องการพื้นฐานที่ตลาดสามารถตอบสนองได้ง่ายถ้ามีความเข้าใจเพียงพอ ที่สำคัญกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่ตลาดจะเติบโตมากที่สุด ทว่าคนกลุ่มนี้ไม่สนแบรนด์ เน้นความพอใจพื้นฐานเป็นที่ตั้ง

อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้ว ทุก Generation ล้วนมีความสำคัญต่อแบรนด์ สำคัญกว่าคือ แบรนด์ทราบหรือไม่ว่า ‘ลูกค้า’ ของแบรนด์ส่วนใหญ่คือกลุ่มไหน สิ่งนี้สำคัญที่สุด 

Gen Alpha-Gen Z ยุคนี้เขาสนใจอะไรกัน?

สิ่งที่คุณต้องรู้ ในการเริ่มต้นทำธุรกิจ