‘ฮานอยโมเดล’ กลยุทธ์พัฒนา Smart Farm สร้างเสถียรภาพเกษตรเวียดนาม
เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm หรือ Intelligent Farm) เป็นการทำเกษตรสมัยใหม่ ด้วยการใช้เทคโนโลยีหรือหุ่นยนต์ เครื่องจักร ฯลฯ ที่มีความแม่นยำสูงเข้ามาช่วยในการทำงาน โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด ในยุคที่แรงงานในภาคเกษตรลดลง ทำให้ต้องเริ่มมีการปรับตัวโดยนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุง และประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น
แนวคิดของการทำเกษตรอัจฉริยะ
(Smart Farm) คือ การเกษตรแม่นยำสูง (Precision
Agriculture หรือ Precision Farming) โดยเป็นการทำการเกษตรให้เข้ากับสภาพพื้นที่
เน้นพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่เกษตรขนาดใหญ่ เน้นประสิทธิภาพในการเพาะปลูก
ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์จนถึงกระบวนการปลูกที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการตรวจวัด
ทั้งเรื่องของสภาพดิน ความชื้นในดิน แร่ธาตุในดิน ความเป็นกรดด่าง
สภาพปริมาณแสงธรรมชาติ รวมถึงเรื่องศัตรูพืชต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์อีกข้อหนึ่งคือ
ไม่ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง
ดังนั้น
ความแม่นยำในการเสริมปัจจัยต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการของพืชแต่ละชนิด
ทำให้ช่วยลดต้นทุนกระบวนการผลิต เพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ สร้างมาตรฐานการผลิต
ควบคุมคุณภาพผลผลิตได้ตามที่ต้องการ ผลผลิตจึงได้ราคาสูงกว่าการทำการเกษตรทั่วไป
ประเทศเวียดนามตั้งเป้าพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ
ฮานอยได้จัดทำแนวทางการผลิตทางการเกษตรที่มีเทคโนโลยีสูงจำนวนมาก
เพื่อมุ่งสู่การเกษตรแบบชาญฉลาด อย่างไรก็ตาม
ฮานอยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากขึ้น
รวมทั้งการฝึกอบรมแรงงานคุณภาพสูง
ปัจจุบัน ฮานอยมีโมเดลการผลิตทางการเกษตรไฮเทค 164 โมเดล
เช่น การผลิตพืชผล 105 โมเดล การผลิตปศุสัตว์ 39 โมเดล การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 15 โมเดล
และโมเดลที่ผสมการเพาะปลูกและการเลี้ยงสัตว์ 1 โมเดล ในปัจจุบัน
มูลค่าของสินค้าเกษตรไฮเทคคิดร้อยละ 35 ของมูลค่าการผลิตทางการเกษตรทั้งหมดในเมืองฮานอย
ภาคเกษตรของฮานอยได้ส่งเสริมการนำทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับการผลิตทางการเกษตร
ได้แก่ เทคโนโลยีโรงเรือนที่มีระบบรดน้ำอัตโนมัติ (ในด้านการเพาะปลูก)
ระบบระบายความร้อนเพื่อช่วยให้อุณหภูมิและความชื้น สายป้อนอาหารอัตโนมัติ การผสมเทียม
(ปศุสัตว์) การใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพและเครื่องกำเนิดออกซิเจนอัตโนมัติ (เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ)
นาย Tran Duy Quy ประธานสมาคมวิทยาศาสตร์เพื่อการพัฒนาชนบทเวียดนามกล่าวว่า
การพัฒนาการเกษตรอัจฉริยะ การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
ด้วยการที่ฮานอยมีประชากรหนาแน่น การนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการผลิตจะช่วยเปลี่ยนการเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรกรรมอัจฉริยะ
ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนที่ดิน
ปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย
แม้จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 แต่อุตสาหกรรมการเกษตรของฮานอยยังเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยไตรมาสที่
1 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.51 ไตรมาสที่ 2
เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.09 และไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 ตลอดทั้งปี 2564
ด้วยการส่งเสริมการพัฒนาเกษตรไฮเทค
- เกษตรอัจฉริยะของเวียดนาม คาดว่า ภาคสินค้าเกษตรของฮานอยจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสร้างเสถียรภาพให้กับอุตสาหกรรมการเกษตรของเวียดนามเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
มองเวียดนามเพื่อก้าวต่อไปของเกษตรกรไทย
จากพัฒนาการด้านเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดมาตลอดหลายปี
ทำให้เส้นแบ่งในแต่ละอุตสาหกรรมค่อยๆ เลือนรางลง ทำให้เริ่มมองเห็นได้ว่า
ก้าวต่อไปของเทคโนโลยีด้านการเกษตรจะเติบโตเข้าไปได้กับกลุ่มเทคสตาร์ทอัพ (Tech-Startup) มากขึ้น
ทำให้เกิดเป็นวิทยาการสายใหม่ที่เรียกว่า
Agri-Tech (Agricultural Technology) เต็มรูปแบบ เช่น
หากนำระบบตรวจสอบอุณหภูมิ เข้ามาทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบความชื้นในอากาศและในดิน
ประกอบกับระบบการให้น้ำอัตโนมัติ
เกษตรกรก็จะสามารถควบคุมระดับความชื้นในพื้นที่เพาะปลูกได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
หรือหากนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาร่วมด้วย
ก็จะสามารถทำให้เกษตรกรควบคุมดูแลพื้นที่เพาะปลูกได้จากพื้นที่ห่างไกลผ่านแอปพลิเคชัน
ซึ่งจะทำให้มีผลผลิตสูงขึ้น มีมาตรฐานในการควบคุมคุณภาพดีขึ้น
การทำฟาร์มอัจฉริยะเป็นเรื่องของความแม่นยำเพื่อนำไปสู่การเพาะปลูกพืชที่เข้ากับพื้นที่บริเวณนั้น
ผ่านการตัดสินใจบนข้อมูลที่ถูกต้อง โดยช่วยลดต้นทุนกระบวนการผลิต
เพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่ สร้างมาตรฐานการผลิต
ควบคุมคุณภาพผลผลิตได้ตามที่ลูกค้าต้องการ ผลผลิตจึงได้ราคาสูงกว่าฟาร์มทั่วไป
Smart Farm คือคำตอบของการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรไทย ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
และยังช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยยังคงเป็นฐานการผลิตสำคัญของผลิตผลเกษตรของโลกต่อไป
โลกกำลังเข้าสู่อาหารยุคดิจิทัล
ปัจจุบันการทำเกษตรอัจฉริยะ
(Smart Farm) เป็นที่นิยมกันมากในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย
ยุโรป รวมถึงในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย และอินเดีย
ขณะเดียวกันยังเน้นการผสมผสานกับการเกษตรแบบวิศวกรรมเปลี่ยนแปลง (Geo Engineering)
ที่จะนำเอาเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาช่วย เช่น
การเปลี่ยนให้พื้นดินที่ไม่สามารถเพาะปลูกอะไรได้อย่างทะเลทรายให้เป็นแหล่งผลิตอาหาร
บริษัทยักษ์ใหญ่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเกษตรและอาหารมากขึ้น
และต่อไปโลกจะเข้าสู่อาหารยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคเป็นผู้ผลิตอาหารเองโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย
แหล่งอ้างอิง : สำนักหอสมุด
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย, สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร
(องค์การมหาชน)