ปัจจุบันเราๆ คุ้นชินกับ Internet
of Things (อินเทอร์เน็ตทุกสรรพสิ่ง) กันเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้โลกไปไกลกว่านั้น
เกิดเทคโนโลยีซึ่งรวบรวมและใช้งาน Data เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมที่เรียกว่า
Internet of Behavior (IoB) ซึ่งสิ่งนี้เองจะส่งผลต่อการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและผู้คนในอนาคต
จาก Data ที่ตอนนี้มีอยู่มากมายทั้งในโลกดิจิทัล โลกกายภาพ
รวมถึงชีวิตประจำวันของเรา
จากการคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีประจำปี 2021
Gartner
บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก ระบุว่า Internet of
Behavior (IoB)
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ต่อยอดมาจาก IoT ได้กลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าจับตามองแห่งปี
รวมถึงคาดการณ์ว่าภายในปี 2025
ประชากรกว่าครึ่งหนึ่งของโลกจะได้รับอิทธิพลจากเทคโนโลยีนี้ โดย IoB ประกอบไปด้วย
1. เทคโนโลยี เช่น การจดจำใบหน้า
ระบบติดตามพิกัด ฯลฯ ที่เก็บรวบรวมเป็นข้อมูลเฉพาะบุคคล
2. พฤติกรรมศาสตร์ หรือ Behavioral
Science เช่น อารมณ์ การตัดสินใจ เป็นต้น
3. Data Analytics โดยนำ Big Data เชื่อมโยงเข้ากับข้อมูลทางพฤติกรรมและวิเคราะห์เป็นข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรม ความชอบ รวมถึงความสนใจของผู้ใช้งาน พัฒนาไปสู่การสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
สำหรับ IoB สามารถผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีที่ช่วยรวบรวมข้อมูลมหาศาล
หรือที่รู้จักกันในชื่อ Digital Dust เพื่อนำมาวิเคราะห์และใช้กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมเชิงบวก
เช่น Telematics เทคโนโลยีตัวช่วยสำหรับธุรกิจขนส่ง
โดยการติดตั้งอุปกรณ์เข้ากับรถยนต์เพื่อบันทึกการใช้งานของพนักงาน
การทำงานของเครื่องยนต์ พฤติกรรมการขับขี่
ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุได้
รวมถึงการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด 19 โดยบริษัทสามารถนำ IoB มาประกอบกับการใช้ Computer
Vision เพื่อช่วยรักษามาตรฐานความปลอดภัย โดยการแจ้งเตือนหากพนักงานไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
นอกจากนี้การควบคุมพฤติกรรมทางสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่น่าสนใจ เช่น
พฤติกรรมการออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร การนอนหลับ เป็นต้น
โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นส่วนประกอบที่ช่วยตอบโจทย์การจัดการดูแลสุขภาพเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละบุคคล
และการรักษาเชิงป้องกันได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดย IoB จะทำความเข้าใจ
สามารถคาดเดาพฤติกรรมในแต่ละบุคคลได้อย่างแม่นยำ มีการ Monitor Incentives และ Disincentives ของแต่ละคน แล้วนำมาปรับใช้กับธุรกิจให้เกิดประโยชน์ได้
เช่น ประยุกต์ใช้ในธุรกิจประกันภัย เพื่อทำให้ค่าเบี้ยประกันภัยของแต่ละคนนั้น
สามารถ Personalize ตามระดับความเสี่ยงของพฤติกรรมได้
เปรียบเทียบข้อดีและข้อควรระวังของ IoB
ข้อดี
- นำไปใช้ติดตามการแพร่ระบาด
และป้องกันไวรัสโควิด 19 เช่น
ตรวจจับอุณหภูมิและระบุผู้ที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัยได้
- นำไปใช้พัฒนาแอปพลิเคชันสุขภาพบนสมาร์ทโฟน
ติดตามการนอนหลับ อัตราการเต้นของหัวใจ และน้ำตาลในเลือด การรับประทานยา
หรือการลดน้ำหนัก
- นำไปใช้ในเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า
- นำไปใช้ในการติดตามตำแหน่ง
- ติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค เช่น
การใช้จ่ายด้วยเงินสดหรือช่องทางอื่นๆ
ข้อควรระวัง
- IoB อาจทำให้อาชญากรไซเบอร์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้ง่ายขึ้น
- เกิดการแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวง่ายขึ้นในธุรกิจประเภทเดียวกัน
เช่น Google,
Facebook หรือ Amazon แชร์ข้อมูลลูกค้าด้วย Software
เดียวกัน
ถึงแม้ปัจจุบัน IoB
จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้มีการนำมาประยุกต์ใช้ในวงที่ค่อนข้างจำกัด
รวมถึงยังมีข้อถกเถียง เนื่องจากอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวได้ แต่อย่างไรก็ตาม IoB
ก็เป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากจะเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้ผู้ที่ได้ครอบครองข้อมูลอันมีค่ามหาศาลนี้
กลายเป็นผู้นำในโลกธุรกิจอนาคตได้
แหล่งอ้างอิง :