ในปี 1994 Jeff Bezos เริ่มต้นเปิดเว็ปไซต์ขายหนังสือออนไลน์ และเคลมตัวเองว่าเป็นร้านหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยติดต่อกับร้านขายส่งหนังสือหรือสำนักพิมพ์โดยตรง ทำให้สามารถขายหนังสือได้ทุกเล่มที่มี โดยไม่ต้องสต็อกหนังสือแม้แต่เล่มเดียว เมื่อมีคำสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ก็จะส่งออเดอร์นั้นไปยังร้านขายหนังสือหรือสำนักพิมพ์ทันที
Jeff เรียนรู้มาจากการทำงานที่เก่าเขาใช้ Email marketing ในการขายหนังสือ และด้วยระบบที่เขาสร้างขึ้น ทำให้สามารถนำเสนอหนังสือได้ตรงกลุ่มเป้าหมายส่งผลให้ยอดขายหนังสือของเขาเติบโตอย่างงดงาม โดยจำหน่ายหนังสือทั่วทั้งอเมริกาและอีก 45 ประเทศทั่วโลก จัดส่งภายใน 30 วัน ซึ่งใช้เวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น ยอดขายก็พุ่งไปถึง 20,000 ดอลล่าร์ต่อสัปดาห์
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
นับเป็นการเริ่มต้นจับเสือมือเปล่าที่น่าสนใจ แต่ไม่ได้มีแค่นั้น
2 ปีต่อมา Jeff สามารถนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้เป็นผลสำเร็จ นับเป็นการเริ่มต้นระดมทุนอีกครั้ง ราคา IPO ในขณะนั้นคือ 18 ดอลล่าร์สหรัฐฯ มูลค่าที่ขายไปทั้งหมดคือ 54 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หลังจากนั้นเขาเลยเกิดความคิดใหม่ เขาตระหนักว่าถึงเวลาที่จะต้องขยายธุรกิจออกไปอีก
เพื่อหาไอเดียที่น่าสนใจ เขาจึงสุ่มส่งอีเมล์ไปถามลูกค้าของร้านหนังสือออนไลน์มากกว่า 1,000 ราย กับคำถามที่ว่า ‘นอกจากสิ่งที่ขายอยู่ในปัจจุบันแล้ว พวกเขาควรจะขายอะไรอีกดี’
คำตอบที่ Jeff ได้กลับมานั้นแตกต่างและหลากหลาย เขาตั้งใจอ่านอยู่นาน ทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย อย่าลืมว่าในขณะนั้น Jeff เป็นนักธุรกิจที่ต้องแข่งขันกับเวลา คนในครอบครัวเริ่มมีคำถามว่าเขาเสียเวลาหลายชั่วโมงต่อวันกับอีเมลที่เขาส่งไปหาลูกค้ากับความต้องการที่สะเปะสะปะไปทำอะไร
แต่ Jeff เชื่อว่ามันต้องมีอะไรบางอย่าง และเขาหาเจอ คำตอบของลุกค้าร้านหนังสือทั้งหมดมีหนึ่งสิ่งที่เหมือนกัน คือลูกค้าอยากให้ขายสิ่งที่พวกเขากำลังหาซื้ออยู่ในตอนนั้น ลูกค้ารายหนึ่งกล่าวว่าเขาอยากให้ร้านหนังสือวางขายใบปัดน้ำฝนหน้ากระจกรถ เพราะเขาต้องการอันใหม่พอดี
“งั้นเราก็ขายอะไรก็ได้บนเว็บไซต์สิ’’ Jeff บอกกับตัวเอง และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการจับเสือมือเปล่าในกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ใช่เพียงแค่หนังสืออีกต่อไป
Jeff ขยายธุรกิจการให้บริการไปยังสินค้าอื่นๆในชีวิตประจำวันมากขึ้น จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังยึดหลักการเดิมในการขาย "สิ่งที่ลูกค้ากำลังหาซื้อในขณะนั้น" ซึ่งแนวคิดนี้สะท้อนออกมาให้เห็นในบริการใหม่ๆของเว็ปไซต์ เขาเสมอ ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อของใช้ภายในบ้านที่หมดมาเติมได้อย่างรวดเร็วเพียงกดปุ่มเท่านั้น
ผลคือ Jeff รวย ! แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายที่เพียบพร้อม ทั้งปากร้ายและอารมณ์ร้ายสุด ๆ ชอบเสี่ยงและเพ้อฝัน มีครั้งนึง Jeff หมดเงินไปกับการวางแผนการลับในการออกไปสำรวจอวกาศ ทั้งแอบสร้างจรวจอย่างลับ ๆ ผลสุดท้ายที่ทำให้โครงการนี้เป็นหมันไปคือเฮลิคอปเตอร์เขาตก แน่นอนว่าเขายังไม่ตาย แต่ก็ทำให้ไม่กล้าขึ้นเฮลิคอปเตอร์อีกเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจรวดสำรวจอวกาศอะไรนั่น
ในด้านความอัศจรรย์ทางธุรกิจ Jeff ได้ทำสิ่งใหม่มากมาย อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ เขารวย เขาไล่เทคโอเวอร์ธุรกิจมามากมาย ทั้งค้าปลีก ธุรกิจขนส่ง ร้านอาหาร สื่อ อีกหลายอย่าง และเขายังเป็นเจ้าพ่อนวัตกรรม เคยมีคนถาม Jeffว่า แค่จดหมายที่ส่งไปหาลูกค้าหรือ ที่สร้างแรงจูงใจให้คุณขยายธุรกิจ จากร้านหนังสือออนไลน์จนเป็นเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซระดับโลก
เขาตอบว่า ‘ความคิดเห็นของลูกค้าผู้ได้รับจดหมายสอบถามนั้นในตอนนั้นอาจไม่ใช่เพียงปัจจัยเดียวที่ผลักดันให้เขาขยายธุรกิจออกมาขายสินค้าอื่นๆเพิ่ม แต่ก็นับได้ว่าเป็นเสียงที่เข้ามาสร้างความมั่นใจให้เขาเดินหน้าทำในสิ่งที่คิด’
ลืมบอกไป ‘Jeff Preston Bezos’ คือเจ้าของ Amazon เขาเล่าเรื่องนี้ใน Economic Club of Washington ถึงแรงผลักดันในการขยายธุรกิจ
ไม่ต้องไปเชื่อ Jeff ทั้งหมดหรอก เขาประสบความสำเร็จ พูดอะไรก็ดูมีพลัง ...แต่อยากให้เชื่อในการสร้างแรงผลักดัน ในการทำธุรกิจ ที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่น และบางขณะความสำเร็จก็อาจมาจากจุดเล็กๆที่เรากำลังทำอยู่และเชื่อว่ามันเรามาถูกทางแล้ว