‘สัญลักษณ์สายรุ้ง’
หรือ กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ” หรือ “LGBT+” ซึ่งย่อมาจาก Lesbian (เลสเบี้ยน), Gay (เกย์), Bisexual (ไบเซ็กชวล), Transgender (คนข้ามเพศ) และเครื่องหมาย + หมายรวมถึงเพศอื่นๆ
ซึ่งประเด็นความหลากหลายทางเพศ เป็นเรื่องที่พูดถึงในวงกว้างมากขึ้นอยู่ในขณะนี้
อาจเพราะสังคมโลกในปัจจุบันเปิดกว้างและให้การยอมรับความแตกต่างและความหลากหลายของมนุษย์มากขึ้นกว่าในอดีตทั้งด้านเชื้อชาติ ศาสนา อายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความหลากหลายทางเพศ และรสนิยมทางเพศ เราจะเห็นว่า ในเดือนมิถุนายนของทุกปีถูกกำหนดให้เป็น ‘เดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ’หรือ Pride Month โดยมีผู้คนและองค์กรต่างๆ ทั่วโลกออกกิจกรรมหรือแคมเปญต่างๆ เพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ เช่น มีการถือธงสีรุ้งเดินขบวนตามท้องถนน เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์และกายภาพ เป็นต้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ขณะที่ในมุมขององค์กร หรือธุรกิจ
คนกลุ่ม LGBT+ ทั่วโลกกลับมีบทบาทไม่น้อย
ทั้งนับเป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพสูง ทั้งนี้ข้อมูลจากการสำรวจของ PwC ร่วมกับ Out Leadership ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานที่มีความสามารถสูง
หรือ ทาเลนท์ในกลุ่ม LGBT+ จากองค์กรต่างๆ ทั่วโลกจำนวน 231
ราย รวมทั้งผู้บริหารขององค์กรต่างๆ ถึงสิ่งที่พนักงานกลุ่ม LGBT+ ต้องการจากองค์กร
เพื่อสนับสนุนให้พนักงานเหล่านี้สามารถแสดงศักยภาพในการทำงานออกมาได้อย่างเต็มที่
และองค์กรจะมีวิธีการดึงดูดคนกลุ่มนี้ได้อย่างไร
การเปิดโอกาสและสนับสนุนความหลากหลายรวมถึงการแสดงถึงความจริงใจและเป็นมิตรกับพนักงานกลุ่ม
LGBT+ จะส่งผลดีต่อธุรกิจใน 4 ด้านสำคัญ ดังนี้
1. เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในตลาด LGBT+ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่กำลังขยายตัว
2. กลุ่ม LGBT+ รวมถึงเพื่อนและครอบครัวของพวกเขา
จะเลือกใช้สินค้าและสนับสนุนแบรนด์ของธุรกิจที่เป็นมิตรกับกลุ่ม LGBT+
3. ดึงดูดพนักงานที่มีทักษะและความสามารถสูง
โดยพบว่ามากกว่า 80% ของพนักงานทั้งกลุ่ม LGBT+ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ ให้ความเห็นว่า
นโยบายขององค์กรที่สนับสนุนความหลากหลาย
เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกสถานที่ทำงาน
4. เพิ่มขีดความสามารถให้กับองค์กร
โดยพบว่า องค์กรที่ส่งเสริมความเท่าเทียมกัน และเป็นมิตรกับกลุ่ม LGBT+ มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น สูงกว่ามาตรฐาน
นอกจากนี้ ผลสำรวจฉบับนี้ ยังได้เสนอ 5
แนวทางที่จะสร้างความเท่าเทียมกันในองค์กร และส่งเสริมให้พนักงานทุกกลุ่มรวมถึงกลุ่ม
LGBT+ ได้แสดงความสามารถในการทำงานออกมาอย่างเต็มที่
ดังนี้
1.
ผู้นำองค์กรต้องให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วม
เพราะนี่จะทำให้องค์กรสามารถสร้างวัฒนธรรมที่ไม่แบ่งแยก เห็นคุณค่า
และยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน
2.
กำหนดเส้นทางการเติบโตในสายงานอย่างชัดเจนและเป็นธรรม
องค์กรต้องมีการติดตามข้อมูลของทาเลนท์กลุ่ม LGBT+ ตั้งแต่การรับเข้าทำงาน มีโปรแกรมพัฒนาความสามารถในด้านต่างๆ
มีการกำหนดเส้นทางการเติบโตในสายอาชีพที่ชัดเจน และมีผลตอบแทนที่เหมาะสม
3.
แสดงจุดยืนในการส่งเสริมความเท่าเทียม องค์กรยึดมั่นที่จะยอมรับในความแตกต่างอย่างแท้จริง
4. สร้างเครือข่ายพันธมิตร LGBT+ การจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรจะทำให้เกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมและมีทีมที่สนับสนุนคอยช่วยเหลือทั้งในกลุ่ม
LGBT+ เองและพนักงานอื่นๆ ด้วย
5. สื่อสารถึงการยอมรับความแตกต่างและความหลากหลาย ทั้งการสื่อสารภายในองค์กร และการสื่อสารสู่ภายนอก ยิ่งมีการสื่อสารทำการตลาดกับกลุ่ม LGBT+ มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เกิดบรรยากาศที่ยอมรับในความหลากหลายมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ดี องค์กรต้องระมัดระวังในเรื่องของเนื้อหาในการสื่อสาร และต้องมั่นใจว่าปราศจากอคติ
นอกจากนี้ องค์กรอาจแต่งตั้งให้มีบุคคลที่จะคอยติดตามดูว่าพนักงานได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสมและเท่าเทียม
และดูว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้บุคลากรกลุ่ม LGBT+ บางคนถึงต้องการออกจากงานเพื่อระบุต้นตอของปัญหาและหาแนวทางการแก้ปัญหา
สรุปได้ว่าการขับเคลื่อนองค์กรในยุคดิจิทัล ยิ่งองค์กรเปิดกว้าง ไม่มีข้อจำกัด หรือกีดกันความแตกต่างของกลุ่มคน ก็ยิ่งทำให้องค์กรนั้นๆ สามารถดึงดูดคนเก่งมาร่วมงาน และเพิ่มศักยภาพขององค์กรได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
อ้างอิง : บทความโดย ปัญญธิดา ตรังจิระเสถียร
: ลิงค์ต้นฉบับ https://www.pwc.com/th/en/pwc-thailand-blogs/blog-20190628.html
Out to Succeed: Realising the full potential of LGBT+ talent, PwC: https://www.pwc.com/gx/en/people-organisation/pdf/outnext-survey.pdf