ล็อกดาวน์ ‘ความเครียด’ เสริมสร้างจิตใจให้แกร่งแม้โควิดจู่โจม
‘ความเครียด’ ที่ก่อตัวขึ้นในช่วงโควิด 19 แพร่ระบาด เป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลเรื่องรายได้ สถานการณ์การแพร่ระบาด ฯลฯ ล้วนส่งผลต่อสภาวะจิตใจ แล้วต้องทำอย่างไรเพื่อจัดการกับความเครียด เปลี่ยนหัวใจให้กลับมาแข็งแกร่ง มีฮึดในการต่อสู้เพื่อผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
รู้เท่าทัน ‘ความกลัว-ความกังวล’
คุณสมบัติข้อสำคัญข้อแรกในการรับมือกับวิกฤตการณ์ต่างๆ
คือ ‘ความอดทน’ ส่วนความกลัว (Fear) ความกังวล (Anxiety) ทั้งสองอย่างคล้ายกันมาก โดยความวิตกกังวลและความกลัวล้วนเป็นสภาวะที่เป็นปกติอย่างที่สุดของการตอบสนองทางอารมณ์เมื่อเผชิญเหตุร้าย
โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อนและไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร
ดังนั้นเราจึงไม่ควรปฏิเสธหรือเก็บความกลัวความกังวลเอาไว้
เมื่อกลัวหรือกังวล ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน ‘อะดรีนาลีน’ และ ‘คอร์ติซอล’ โดยฮอร์โมนทั้งสองจะนำพาร่างกายและจิตใจให้เข้าสู่สภาวะตึงเครียด
ตื่นเต้น โดยหัวใจจะสูบฉีดเลือดแรงขึ้น ถี่ขึ้น
จนรู้สึกเหมือนราวกับว่าใจสั่นอยู่ในอก จังหวะการหายใจจะเร็วขึ้น แต่ไม่มีประสิทธิภาพ
คือหายใจแบบตื้นๆ ถี่ๆ ดังนั้นเมื่อหายใจแบบนี้ต่อไปสักพักจะยิ่งรู้สึกอึดอัด
ไม่สบาย ไม่ผ่อนคลาย
ลดความเครียดด้วย ‘จิตบำบัด CBT’
โดยหลักการในการรับมือกับความเครียดตามแนวทางการทำจิตบำบัดแบบ
CBT
(Cognitive Behavioural Therapy) เป็นหนึ่งในแนวทางการบำบัดมาตรฐานที่จิตแพทย์ใช้พูดคุยให้คำปรึกษากับผู้ที่มารับบริการ
ในมุมมองของ CBT มองว่ามีตัวแปรอยู่ 3
ประการที่ทำให้คนเราตอบสนองต่อความเครียดได้แตกต่างกันออกไป หลักการคือถ้าอยากเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์
จะเครียดน้อยหรือเครียดมากต้องมีการปรับที่ตัวแปรอย่างใดอย่างหนึ่งในสามอย่างนี้
แต่มีข้อสังเกตคือ ใน 3 ข้อนี้บางอย่างก็ปรับได้ บางอย่างก็ไม่ควรปรับ ประกอบด้วย
1. ความรู้สึก (Feeling)
: การปรับความรู้สึก เช่น เวลาที่เศร้ามากๆ โกรธมากๆ
รู้สึกไม่ไหวแล้วจนคล้ายๆ อยากจะตะโกนออกมา ซึ่งคนส่วนใหญ่มักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยการเก็บกดความรู้สึกเอาไว้
(Suppression)
ซึ่งเทคนิคนี้ ‘ทำได้..แต่ไม่ควรทำบ่อย’ เพราะการเก็บกดอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ข้างใน
จะทำให้เกิดก้อนความเครียดก่อตัวขึ้นมาอยู่ภายในใจ พอสะสมไปเรื่อยๆ สุดท้ายอาจทำให้เกิดการระเบิดอารมณ์แบบรุนแรงขึ้น
เกิดเป็นแพนิกหรือเกิดซึมเศร้าได้
การจัดการกับอารมณ์นั้น
ส่วนสำคัญไม่ได้อยู่ที่การเก็บอารมณ์ให้ลึกขึ้น
แต่เป็นการฝึกที่จะรับรู้อารมณ์ของตนเองตามสภาพจริง เช่น โกรธก็คือโกรธ ต้องยอมให้ตัวเองอยู่กับอารมณ์พวกนี้ได้บ้าง
เพราะอย่างน้อยก็เป็นอารมณ์ของเราจะไปให้คนอื่นจัดการแทนไม่ได้
และส่วนใหญ่อารมณ์ที่ถูกการรับรู้แล้วจะก้อนเล็กลง
พอก้อนเล็กลงก็จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไรมาก การบริหารจัดการในส่วนอื่นๆ
จะเกิดขึ้นตามมา สติก็มา เหตุผลจะตามมา สุดท้ายแผนการแก้ปัญหาที่เหมาะสมก็จะตามมา
2.
ความคิด / กระบวนการคิด (Cognition) : การปรับความคิดหรือกระบวนการคิด
คนทั่วไปมักคิดว่าควรคิดเชิงบวก (Positive Thinking) เข้าไว้จะดีเอง หรือต้องคิดบวกเพื่อเป็นการเหนี่ยวนำพลังบวกเข้ามาในชีวิต
ซึ่งที่จริงแล้วในภาวะที่ฉุกเฉินหรืออันตรายนั้น คิดบวกได้ยากมากๆ
ความคิดเชิงบวกมักจะมาตอนที่อยู่ในภาวะที่มั่นคงและปลอดภัยมากกว่า
ดังนั้นในภาวะที่ตึงเครียดไม่จำเป็นต้องคิดบวกขนาดนั้น
‘ขอแค่คิดกลางๆ แต่มีสติ พยายามกรองความคิดด้านลบให้ลดน้อยลง
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว’ ประเด็นสำคัญก็คือการกรองความคิดด้านลบให้น้อยลง
เพิ่มความรู้สึกสบายใจให้กับตัวเรา โดยไม่ต้องไปยัดเยียดความรู้สึกที่เป็นบวกให้แทน
3.
พฤติกรรม (Behavior) : การปรับพฤติกรรมเป็นจุดที่คนทั่วไปมักมองข้าม
เพราะเป็นเรื่องที่ไม่อยากทำ โดยคนเราเวลามีเรื่องเครียดมักจะยอมเสียเวลาเป็นวันๆ
เพื่อที่จะไปนั่งปรับความคิดหรือปรับอารมณ์ให้เป็นบวก ซึ่งดูเหมือนว่าเรายินดีจะเสียเวลามากเท่าไรก็ได้ไม่จำกัดเพียงเพื่อที่จะได้ตัดความคิดตรงนี้ให้
‘หลุด’ ‘ปลดล็อก’ หรือ ‘คลายปม’
แต่กลับลืมคิดไปว่า เราได้เสียโอกาสที่จะใช้ชีวิตอย่างปกติสุขลงไปเช่นกัน
ดังนั้นถ้ากำลังมีความทุกข์ใจหรือเครียดอยู่
และอยากให้ผ่านไปเร็วๆ ต้องปรับกิจกรรม ปรับวิธีการใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างจริงจัง
เช่น ถ้ารู้ตัวว่ารับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องโควิด 19 มากเกินไปจนทำให้เครียด ก็ต้องพยายามอย่าทำซํ้าแบบเดิม
ลดความถี่ของการเสพข่าวลง แต่คอยเติม-หากิจกรรมอะไรใหม่ๆ
ที่ไม่เคยทำมาก่อนมาลองทำแทนพฤติกรรมเดิม แล้วความกังวลจะค่อยๆ ลดลงไป
‘ความเครียด’ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โควิด 19 ในปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากเราปล่อยให้ความเครียดกัดกินเราไปเรื่อยๆ
ย่อมไม่เป็นผลดีต่อทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ โดยการลดความเครียดด้วย ‘จิตบำบัด CBT’ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เรากลับมาจิตใจเข้มแข็งพร้อมสู้กับทุกวิกฤตและปัญหาที่เกิดขึ้นได้
แหล่งอ้างอิง : โรงพยาบาลกรุงเทพ