ผิดพลาดไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะสิ่งสำคัญคือเราเรียนรู้อะไรบ้าง

Life is learning คนเรามีสิทธิที่จะทำอะไรผิดพลาดได้เสมอ เราเรียกสิ่งนี้ว่า Human Error ซึ่งเป็นทั้งข้อเท็จจริงและข้อมูลทางจิตวิทยา เพราะในความหมายที่แท้จริง ‘ผิดพลาด’ จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตามคือการทำอะไรบ้างอย่างที่ไม่ได้ตรงตามที่ควรจะเป็น หรือตรงตามที่คาดหวังไว้ และบางครั้งหากเกิดความผิดพลาดบ่อยครั้งนั้นอาจหมายถึง ‘ความล้มเหลว’

อย่างไรก็ตาม ภายใต้การใช้ชีวิตในปัจจุบัน จะมีใครบ้างไม่เคยผิดพลาด หรือรู้สึกล้มเหลวมาก่อน เพียงแต่ว่าหากเปรียบเทียบกับการทำธุรกิจ ‘ความผิดพลาด’ อาจหมายถึงความสูญเสียบางอย่าง ดังนั้นหลายๆ คนเลยกลัวที่จะ ‘ผิดพลาด’ ไปโดยปริยาย

 

และแม้เราจะบอกว่า ทั้งที่ความล้มเหลวและความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ยิ่งยอมรับเรื่องนี้ได้เร็วขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งดีต่อตัวเองมากขึ้นเท่านั้น แต่ก็น้อยครั้งที่เราจะรู้สึกดีเมื่อเกิดความผิดพลาดหรือสูญเสียบางอย่าง 

ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะผิดพลาด จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะภายใต้ความไม่แน่นอนของโลกใบนี้ โอกาสที่เราจะทำพลาดย่อมเกิดขึ้นได้ทุกขณะแต่ ถ้าคุณเข้าใจ และเข้าใจเงื่อนไขของความผิดพลาดได้ สิ่งนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อเราในอนาคต 

1. ดราม่าไม่ช่วยอะไร และสติเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นเมื่อทำงานพลาด หรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เป็นตามที่หวังไว้ อย่าโวยวายหรือสร้าง ดราม่า แต่ควรตั้งสติ สงบ และไตร่ตรองว่าได้ทำอะไรลงไปบ้าง และน้อมรับผลที่เกิดขึ้นอย่างสงบ 

หลังสงบใจได้ดีแล้ว ค่อยกลับมาทบทวนเป้าหมายให้ชัดเจนว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น นั้นเกิดขึ้นตอนไหนและเกิดจากอะไร เช่น หรืองานชิ้นนั้น มีเป้าหมายอะไร-ยังไง จากนั้นก็ลงรายละเอียดในส่วนของผลลัพธ์ว่ามีความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน เพราะความล้มเหลวก็มีหลายระดับ ดังนั้นจึงต้องวิเคราะห์ให้ออกว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นได้อย่างไร

หลายๆ ครั้งมีความพยายามในการแก้ไขข้อผิดพลาด ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องยากที่ทุกคนจะก้าวผ่านความผิดพลาดไปสู่ความสำเร็จได้จริงๆ  ด้วยเหตุนี้ ก่อนจะแก้ปัญหาอะไร หรือแก้ข้อผิดพลาดตรงไหน ดูให้ชัดก่อนว่าเรามีความสามารถในการแก้ปัญหาเหล่านั้นได้จริงๆ ไม่ใช่การดึงดันเรื่องที่ทำไม่ได้ แบบนั้นเปล่าประโยชน์ เพราะเรื่องที่แก้ไขได้ และรู้ว่าต้องแก้ไขตรงไหนเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำซ้อน จะต้องดูว่าเป็นเรื่องที่แก้ไขได้โดยวิสัย หรือเป็นเรื่องที่ตัวเรามีศักยภาพพอในการแก้ไขด้วย

 

วิธีการแก้ปัญหาหรือการแก้ไขความผิดพลาดที่ได้ผลวิธีหนึ่ง คือการนำความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไปปรึกษา หรือขอความช่วยเหลือจากคนที่สามารถแก้ไข ซึ่งตรงนี้เรายังสามารถเรียนรู้ได้ด้วย

อาจจะไม่ต้องถึงกับสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำผิดซ้ำสอง เพราะอย่างที่เราบอกไว้ข้างต้น ‘ความผิดพลาดเป็นความปกติของมนุษย์’ แต่หากในอนาคตเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบเดียวกันบ่อยๆ ก็อาจจะหมายถึงว่าเราไม่เรียนรู้จากความผิดที่ผ่านๆ มาเลย 

อย่างกรณีในหน่วยงานที่มีระบบงานที่มีประสิทธิภาพ หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น จะมีการตั้งทีมเพื่อศึกษาและทบทวนความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้วเขียนรายงานอย่างละเอียด จากนั้นก็นำมารายงานมาแจกจ่ายพนักงาน ซึ่งหมายความว่าองค์กรไม่อยากให้เราทำพลาดแบบเดิมอีก ดังนั้นแม้การทำผิดพลาดอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก แต่การทำพลาดบ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ จึงควรเรียนรู้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปสู่การไม่ทำผิดซ้ำเรื่อยๆ จนเป็นความล้มเหลว