ด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกล จากแบรนด์ท้องถิ่นสู่สากล ’หมูอินเตอร์’ ผู้ผลิตเนื้อหมูชั้นนำของไทย
เปิดบทสัมภาษณ์ คุณณรงค์ ธรรมจารี ประธานผู้ก่อตั้งบริษัท เอ็ม เอส พี อินเตอร์ ฟู้ดส์ จำกัด หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘หมูอินเตอร์’ ผู้นำด้านธุรกิจสุกรแบบครบวงจร ในจังหวัดลำพูน และจังหวัดใกล้เคียง ด้วยประสบการณ์ผลิตเนื้อสุกรกว่า 30 ปี โดยมีบริการตั้งแต่ ลูกสุกร อาหารเลี้ยงสุกร วัคซีน ยา พร้อมสัตวบาล ให้คำปรึกษา อีกทั้งยังรับซื้อสุกรขุนคืน เพื่อส่งเสริมกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรในภาคเหนือ โดยมุ่งมั่นดำเนินกิจการตามวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็น ‘แบรนด์ท้องถิ่นสู่สากล’
หัวใจสำคัญ คือ ความปลอดภัยของผู้บริโภค ควบคุมคุณภาพต้นน้ำสู่ปลายน้ำ
คุณณรงค์ ระบุว่า บริษัทของเรามีสัตวบาล มีฝ่ายส่งเสริมกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร ก่อนที่เราจะรับหมูหรือไก่เข้าโรงงาน ต้องดูก่อนว่าได้มาตรฐานไหม เพราะปลายน้ำของเราคือโรงงานที่มีมาตรฐาน ถ้าสัตว์ไม่ได้มาตรฐานตั้งแต่ต้น ก็จะเข้าโรงงานเราไม่ได้ เราคำนึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญ
‘หมูอินเตอร์’ การันตีในเรื่องของความสะอาด สีเนื้อหมูจะเป็นสีชมพู ผิวหนัง และส่วนอื่น ๆ มันวาว ไร้ผังผืด มันหมูขาวใส ไม่มีขนติด มือสัมผัสแล้วนิ่ม เวลาบีบหรือกดลงไปเบา ๆ เนื้อหมูจะต้องเด้งกลับคืนมา และไม่มีกลิ่นเหม็น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยมาตรฐานสุขอนามัยและการผลิตที่เคร่งครัด ทั้งในส่วนของโรงเรือน แม่พันธุ์ชั้นดี โรงงานผลิต การขนส่ง และจุดขายที่มีบุคลกรผู้ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี
บริหารจัดการ Supply Chain โดยเรียนรู้จากปัญหา
คุณณรงค์ เผยว่า ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน อยู่กับโลกการค้าปัจจุบัน เรามองคาดการณ์ปีต่อปี เพราะความไม่แน่นอนต่าง ๆ ทำให้เรากำหนดปีต่อปี ว่าปีนี้เราจะทำอะไร ปีหน้าเราจะทำอะไร เพียงแค่เราเข้าใจกระบวนการ เรียงลำดับความสำคัญว่าต้องทำอะไรก่อน-หลัง
“จริง ๆ แล้วเราต้องขอบคุณงานที่ทำ เพราะว่างานสอนประสบการณ์ให้เรา การมีปัญหาเป็นเรื่องปกติ แต่มันจะสอนเราว่าถ้าเป็นแบบนี้ แก้ยังไง ถ้าแก้ไม่เป็น เราต้องศึกษาหาข้อมูลว่าคนอื่นเขาทำกันอย่างไร คนที่เขามีระบบมาตรฐานจัดการแบบไหน แล้วนำมาปรับแก้ปัญหาของเราตามความเหมาะสม ผมต้องขอบคุณปัญหา เพราะปัญหาทำให้ผมเก่งขึ้น”
ในส่วนราคา จะเป็นไปตามกลไกอุปสงค์-อุปทาน ลูกค้าเป็นคนตั้งราคา เราเพียงแต่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า จึงเป็นที่มาของนโยบายว่า สินค้าต้องขายได้ทั้งตัว เพราะเราเชือดหมูประมาณ 700-800 ตัวต่อวัน รวมทุกสาขาของโรงงานเรา ซึ่งมีทั้งหมด 4 โรงงาน และ Outsource อีก 2 โรงงาน
“ที่โรงงานมีการใช้ระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยทดแทนในส่วนของการขาดแคลนแรงงาน เพราะต้องแข่งกับคนอื่น สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำคือ Low Cost-Low Loss เราขายปลีก B2C อย่างเดียวครับ ลูกค้ารายใหญ่เราจะให้คู่แข่งดูแล เพราะฉะนั้น ต้องกระจายสาขา ซึ่งลูกค้าเราก็อยู่ในกลุ่มธุรกิจ HORECA (Hotels, Restaurants และ Cafe-Catering) สินค้าของเรามีทั้ง หมู ไก่ และเนื้อ ซึ่งเนื้อ เราเพิ่งทำมาประมาณ 2 ปี เพราะเล็งเห็นว่าเทรนด์การบริโภคของคนบ้านเราเริ่มเปลี่ยน มีร้านบุฟเฟต์เพิ่มขึ้น คนนิยมรับประทานเนื้อเยอะขึ้น”
มุ่งเป้าเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมเกษตรกร และพนักงานกว่า 4,000 ชีวิต
คุณณรงค์ กล่าวว่า “เรากำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า แบรนด์ท้องถิ่นสู่สากล เราต้องการเป็นสากล เพราะต้องการส่งไม้ต่อให้คนรุ่นหลัง รวมถึงพนักงานที่อยู่กับเรา เพราะฉะนั้นต้องสร้างมาตรฐาน ถ้าระบบไม่มีมาตรฐาน มันจะไม่ยั่งยืน วันนี้เรามีพนักงาน 1,500 คน มีเกษตรอยู่ในเครือข่ายประมาณ 2,500 ราย พวกเขาต้องการการเติบโต ถ้าเราพอแค่นี้ เราจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายเพิ่มเพื่อการเติบโตของเขา จริง ๆ แล้วผมไม่อยากโต แต่ผมจำเป็นต้องโต เพราะทีมงานของเราเขาอยากพัฒนาให้ดีขึ้น”
เมื่อถามว่าเกษตรกรในเครือข่ายได้รับผลตอบแทนดีกว่าข้างนอกไหม คุณณรงค์ ตอบเป็นข้อคิดว่า
“นกเลือกต้นไม้ทำรัง ถ้าต้นไม้มีแต่หนาม ผลไม้ไม่พอกิน คุณก็ไม่อยู่ คุณก็ต้องบินไปเกาะต้นอื่น เพราะมันมีต้นไม้ให้เลือกเกาะ เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจเขา เพราะเขาเองก็มีสิทธิ์เลือก”
“เรามองว่าเกษตรกรเป็นเสาหลัก เพราะฉะนั้น ต้องดูแลเอาใจใส่เกษตรกร เขาเป็นผู้มีพระคุณ ต้องส่งเสริมเขา พัฒนาให้มีความรู้ใหม่ ๆ ไปแชร์กัน เพื่อให้เขายกระดับขึ้นมา เกษตรกร เบื้องหลังเขาก็มีครอบครัว มีภาระ ทั้งยังต้องเป็นที่ยอมรับในสังคมได้ เราอยู่กันยิ่งกว่าคำว่าญาติพี่น้อง หรือครอบครัวอีกครับ บางคนอยู่กับเรา 10 ปีถึง 20 ปี เพราะฉะนั้นเขาต้องไปต่อได้ เขาโต เราโตตาม ถ้าเขาไม่โต เราก็ไปได้ไม่ไกล สรุปคือต้องส่งเสริมกัน” คุณณรงค์ กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามเรื่องราวของ “หมูอินเตอร์” ได้ที่
https://www.facebook.com/mspinterfoods
Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333
