การทำงานเป็นทีมมีความสำคัญในทุกองค์กร เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารงาน มีบทบาทสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ต้องอาศัยความร่วมมือของกลุ่มสมาชิก ซึ่งปัจจุบันหลายธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายเลือดเก่าเป็นเลือดใหม่ ด้วยความที่เป็นคนละยุคสมัยแน่นอนว่ากรอบความคิด วิธีคิด แนวทางปฏิบัติ ย่อมแตกต่างกัน ดังนั้นมนุษย์เงินเดือนหรือ Salaryman ยุคนี้อาจมีอะไรที่นายจ้างต้องทำความเข้าใจ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
แล้ว Salaryman ยุคใหม่ต้องการอะไร?
Generation Y หรือ Gen-Y (Millennials)
เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล มีความเป็นสากล เปิดรับวัฒนธรรมแบบ Teen Pop มองว่าการชื่นชอบศิลปินต่างชาติเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีเทคโนโลยีพกพา
รักความสะดวกสบาย เกิดมาในยุคที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตและเฟื่องฟู
ลักษณะพฤติกรรมของคน Gen-Y มักต้องการความชัดเจนในการทำงาน
เช่น ต้องชัดเจนว่าสิ่งที่ทำมีผลต่อตนเองและต่อหน่วยงานอย่างไร? คาดหวังเงินเดือนสูงๆ คาดหวังคำชม แต่ไม่อดทนต่องานที่ทำ
ชอบเปลี่ยนงานอยู่บ่อยๆ นอกจากนี้ คน Gen-Y ยังต้องการสร้างสมดุลเวลาให้กับตัวเอง
เช่น หลังเลิกงานมักจะไปทำกิจกรรมให้ความสุขกับตัวเอง
ปัจจุบันคนกลุ่มนี้อยู่ในทั้งช่วงวัยเรียนมหาวิทยาลัยและวัยทำงาน
จึงไม่น่าแปลกใจที่คนกลุ่มนี้จะมีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร
ชอบงานด้านไอที ใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำสิ่งใหม่ๆ รวมทั้งสามารถทำอะไรหลายๆ
อย่างได้ในเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่าสามารถใช้เครื่องมือเครื่องไม้ต่างๆ
ได้อย่างคล่องแคล่ว อย่างที่เราอาจจะเคยเห็นภาพคนยุคใหม่ที่นั่งเล่นสมาร์ทโฟน
ไอแพด คุยโทรศัพท์ ไปพร้อมๆ กับทำกิจกรรมอื่นๆ อย่างการเดิน การทำงาน
หรือกินข้าวได้
Generation Z หรือ Gen-Z
คน Gen-Z จะเปิดกว้างทางความคิดและวัฒนธรรมที่แตกต่างมากขึ้น
จากการมองเห็นในโลกดิจิทัล จึงเปิดกว้างในการยอมรับความแตกต่าง
มีแนวโน้มที่จะปรับทัศนคติได้ดี ไม่แบ่งแยกชนชั้น สีผิว ศาสนา
หรือประเพณีที่แตกต่าง แต่มีแนวโน้มที่จะเป็นมนุษย์หลายงาน เพราะความอดทนต่ำ
ต้องการคำอธิบายมากขึ้น ต้องมีเหตุผล ต้องรู้สึกว่าได้เข้าใจกับทุกเรื่องในชีวิต
ส่วนการเรียนรู้ของคน Gen Z จะหาความรู้ได้ทุกที่
เกลียดการเรียนแบบบรรยาย ชอบข้อมูลแนวกราฟ ภาพ สถิติชัดเจน เน้นข้อมูลสั้นๆ
เข้าใจง่าย เพราะจดจำข้อมูลได้ดีจากข้อมูลสั้นๆ ตามแบบฉบับโลกออนไลน์
ยุคสมัยเปลี่ยน..การบริหารธุรกิจแบบเดิมก็ควรปรับ
ผู้นำองค์กรธุรกิจยุคเก่ามักมีสถานะประเภท ‘เถ้าแก่’ เพราะเริ่มทำธุรกิจโดยมีตัวเองเป็นคนดำเนินงานเกือบทุกอย่าง การเป็นคนเริ่ม ทำเองทุกเรื่อง รู้ทุกเรื่อง และอาจจะเก่งทุกเรื่อง จึงทำให้มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง
โลกต้องหมุนรอบเถ้าแก่ เมื่อได้ลูกน้องมาไม่ว่าจะเก่งหรือไม่ การพยายามจะสั่งสอน
ควบคุม จนถึงกับบังคับให้ทำในแบบที่ตัวเองเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ไม่เพียงจะให้เป้าหมายที่พนักงานต้องทำให้เสร็จ ยังคาดหวังให้ทำในวิธีที่ตัวเองคิดอีกด้วย
หากได้ตามเป้าหมายแต่ไม่ได้ทำในวิธีที่ตัวเองคิด
ก็ไม่พอใจและยังระแวงว่าไม่ถูกต้อง เป็นต้น และด้วยเหตุเหล่านี้นี่เองที่อาจเป็นเหตุผลให้ธุรกิจแบบดั้งเดิมขาดแรงงานยุคใหม่ในการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในปัจจุบัน
เมื่อคนทำงานยุคใหม่และธุรกิจแบบดั้งเดิมต้องอยู่ร่วมกัน เป็นองค์กรเพื่อร่วมกันสร้างผลสำเร็จ
บทบาทของผู้นำเองก็ต้องเปลี่ยนไปให้สอดรับกับความต้องการนั้นเช่นกัน
บทบาทของผู้นำยุคใหม่จะไม่ใช่ “ผู้จัดการ” เหมือนในยุคเดิม แต่จะเป็นเหมือนเฮดโค้ชที่จูงใจและสร้างความผูกพันกับคนทำงานด้วยความเข้าใจ
เปลี่ยนจากการจัดการเป็นการปลดปล่อยศักยภาพ เปิดกว้างรับความแตกต่าง
และส่งเสริมให้ทุกคนสร้างผลลัพธ์ที่เป็นเลิศให้กับองค์กร
ธุรกิจควรปรับองค์กรอย่างไร เพื่อให้เข้ากับ Salaryman ยุคใหม่
ทำงานกับ Gen-Y (Millennials)
ตั้งโจทย์ท้าทายพวกเขาด้วยภารกิจใหม่ๆ Millennials จะชอบความเป็นคนสำคัญ
การเพิ่มความรับผิดชอบ เสมือนการให้คำชม จงเปิดโอกาสให้ Millennials ได้แสดงความคิดเห็น เห็นพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในทีม
ผู้ใหญ่ที่ยอมรับความคิดเขาก็จะได้รับการยอมรับจากพวกเขาเช่นกัน Millennials
ชอบให้เราแสดงออกต่อสิ่งที่พวกเขาทำ
เพราะความรู้สึกและความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงาน มีผลต่อพวกเขามาก
ทำงานกับกลุ่ม Gen-Z
จงให้เกียรติพวกเขาก่อนเสมอในฐานะที่พวกเขาน่าจะฉลาดกว่าเรา เพราะพวกเขาเติบโตมากับยุคอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตั้งแต่เด็ก ส่วนปรัชญาที่เหมาะสมกับการทำงานของพวกเขา คือ Work-Life Balance ไม่ชอบสไตล์การทำงานแบบคนรุ่นเก่าที่น่าเบื่อ และเพื่อป้องกันการสูญเสียความคิดและไอเดียของคน Gen Z ดาวรุ่งดวงใหม่ เราควรใช้ระบบการฝึกอบรมพนักงานที่ได้มาตรฐาน ใช้เทคโนโลยีปรับปรุงให้องค์กรมีความทันสมัยเพื่อดึงดูดพวกเขาให้มาทำงาน สุดท้ายคือการให้โอกาสพวกเขาในการแสดงความสามารถอย่างเต็มที่และส่งเสริมให้พวกเขาได้แสดงบทบาทที่สำคัญมากยิ่งขึ้นเสมอ