ผู้ประกอบการมือใหม่ที่ไม่เคยทำธุรกิจมาเลย เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการลงทุนมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่มีการระบาดของโควิด 19 เพราะขาดประสบการณ์ความเป็นเจ้าของธุรกิจ ทำให้แข่งขันได้ยากในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจต้องทำการบ้านอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้ต่อสู้กับคู่แข่งขันรายเดิมในตลาดได้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. ถามตัวเองก่อนว่าชอบธุรกิจอะไร
การสำรวจตัวเองว่าชอบธุรกิจอะไรเป็นแนวคิดอันดับแรกๆ
ก่อนการเริ่มต้นธุรกิจด้วยตัวเอง การได้ทำในสิ่งที่ชอบ ที่รัก และถนัด จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าการฝืนทำอะไรที่ไม่ชอบ
แต่ผู้ที่เริ่มทำธุรกิจมักชอบคิดว่า
สิ่งที่เราชอบถ้านำมาทำเป็นธุรกิจจะสามารถมาต่อยอดได้หรือไม่
จะมีคนสนใจธุรกิจหรือเปล่า ดังนั้นอย่าได้คิดอย่าได้กลัว
เพราะหากความคิดนี้เข้ามาในหัว อาจทำให้มีความท้อเกิดขึ้นมาและอาจจะหมดกำลังใจได้
2. ค้นหาสินค้าหรือบริการมีแนวโน้มเติบโตที่ดี
ทำสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ทำได้ดีแล้วอาจจะยังไม่เพียงพอ
ลองค้นหาสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่ดูแล้วมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดี มี Trend
ที่เติบโต เราลองอาจค้นหาใน Google ดูได้หรือจะใช้
Keyword Tool ของ Google ในการค้นหาแนวโน้มตลาดต่างๆ
หรือจะใช้ Google Trend ก็ได้เพื่อสำรวจแนวโน้มอะไรที่กำลังมา
อะไรที่กำลังหมดแรง และเลือกสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ตลาดนั้นๆ
3. สร้างโมเดลธุรกิจของตนเองให้ชัดเจน
การสร้างโมเดลคือการสร้างแบบจำลองว่าธุรกิจเราจะมีหน้าตาอย่างไร
แตกต่างจากคนอื่นหรือไม่ เพราะการสร้างความแตกต่างของโมเดลธุรกิจตนเองก็เป็นจุดขายเช่นกัน
สำหรับเครื่องมือการสร้างโมเดลธุรกิจที่นิยมใช้กันมากชื่อ Business
Model Canvas (BMC) การสร้างโมเดลนี้จะเกิดขึ้นภายหลังจากการที่เราได้คัดเลือกสินค้าหรือบริการที่ต้องการทำธุรกิจแล้ว
เช่น คิดจะขายสินค้าที่เป็นของธรรมชาติพวก Green Product เช่น
น้ำสลัด อาหารสุขภาพ ก็อาจจะต้องคิดโมเดลธุรกิจว่าใครเป็นลูกค้าเป้าหมาย
ควรขายที่ไหน ผลิตภัณฑ์มีอะไรบ้าง จะนำเสนออย่างไรให้แตกต่างจากการขายผักทั่วไป
เป็นต้น
4. วาดแผนการตลาด
ขั้นตอนหลังจากที่ตัดสินใจเกี่ยวกับไอเดียสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แล้ว
ต่อมาเรื่องที่ต้องทำให้เรียบร้อยคือเรื่องของการเขียนแผนธุรกิจ เพราะจะช่วยให้รู้ว่าขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำ
เพื่อให้ธุรกิจของเราดำเนินต่อไปได้คืออะไร
ยิ่งเขียนรายละเอียดมากเท่าไหร่ยิ่งดีต่อธุรกิจของคุณมากขึ้นเท่านั้น
ตั้งแต่ลักษณะของธุรกิจ ลักษณะของบริษัท ไปจนถึงรายละเอียดของผลิตภัณฑ์
รวมทั้งข้อดีและข้อจำกัดต่างๆ เพื่อใช้เปรียบเทียบกับบริษัทที่เป็นคู่แข่งของคุณ
5. สำรวจเงินทุนของตัวเอง
เงินทุนคือปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจอีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
ไม่ว่าจะธุรกิจเล็ก กลาง ใหญ่ เงินทุนที่ใช้ก็จะต่างกัน
ลองมองว่าธุรกิจที่ต้องการจะทำนั้นเป็นธุรกิจขนาดไหนและควรใช้เงินลงทุนเท่าไหร่
สำรวจและศึกษางบประมาณการลงทุนให้ดี อย่าคิดถึงแค่ตอนที่ลงทุน
ให้มองไปถึงตอนที่หากธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จด้วยว่า
จะยังมีเงินทุนฉุกเฉินที่สามารถทำให้ธุรกิจอยู่ได้ไม่ล้มละลายหรือเปล่า
6. รู้จักโลก Digital มากแค่ไหน
ในยุคแห่งเทคโนโลยีที่อะไรๆ
ก็ซื้อง่ายขายคล่องบนโลกเสมือนจริง จนการตลาดออนไลน์เป็นอีกช่องทางสำคัญ
หรืออาจจะเป็นช่องทางที่เกิดมาเพื่อผู้ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองแต่ไม่มีทุน
ดังนั้นการศึกษาโลก Digital ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้รู้ถึงเทคนิควิธีการต่างๆ
จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้
หรืออย่างน้อยอาจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางการขาย การประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ
7. หา Partner ที่วางใจได้
เพราะการทำธุรกิจการมีหุ้นส่วนนั้นช่วยแบ่งเบาภาระที่ต้องลงทุน
ไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุดิบต่างๆ หรือทรัพยากรอื่นๆ
นั่นทำให้การคัดเลือกหุ้นส่วนสำคัญมาก
เพราะคนที่จะมาร่วมทำธุรกิจนั้นต้องเห็นภาพรวมของธุรกิจที่ทำอยู่ในแบบเดียวกับที่เราเห็น
คือแผนในการดำเนินธุรกิจควรจะเป็นภาพเดียวกัน หากเห็นภาพต่างกันหรือขัดแย้งกัน ย่อมไม่อาจทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้
8. ประเมินความเสี่ยงในการทำธุรกิจ
ทุกธุรกิจมีความเสี่ยงในการลงทุน
แต่จะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยอยู่ที่การประเมินความเสี่ยงในการทำธุรกิจและเตรียมรับมือ
ดังนั้นลองลิสต์มาเป็นข้อๆ ดูว่าปัจจัยใดบ้างที่ทำให้คุณเสียเปรียบและทำให้ต้องเสี่ยง
เช่น สถานการณ์โควิด 19, คู่แข่ง, อุบัติเหตุ, สภาพอากาศ เป็นต้น
ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จะรับมือกับเหตุการณ์นั้นอย่างไร โดยต้องมีการวางแผนไว้หลายๆ
ด้าน
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ควรมีการพัฒนาธุรกิจตัวเองอย่างต่อเนื่อง
หากมีปัญหาก็ต้องต่อสู้และปรับปรุงแก้ไขไปเรื่อยๆ เพราะการเป็นเจ้าของธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องใช้เวลา
ความเอาใจใส่ ขยัน อดทน ฟันฝ่าอุปสรรครูปแบบต่างๆ นับไม่ถ้วน