‘ธุรกิจโรงพยาบาลสัตว์’ บริหารด้วย Business Model คนรุ่นใหม่ คว้าโอกาสจากช่องว่างตลาด เติบโตรับเทรนด์ Pet Humanization
การระบาดของโควิด 19 ตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้คนทั่วโลกรวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ต้องเผชิญภาวะชะงักงันจากการล็อกดาวน์ ทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน และการทำกิจกรรมนอกบ้าน เปลี่ยนมาอยู่บนโลกออนไลน์ จนนำมาสู่การปรับพฤติกรรมใหม่ คือการรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัยจากการติดต่อ
ซึ่งในทางกลับกัน การระบาดครั้งนั้นกลายเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ ‘ตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยง’ เติบโตสวนกระแส เป็นอย่างมาก ข้อมูลจาก วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) เผยผลสำรวจตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงในไทย โดยอ้างอิงข้อมูลจาก ยูโรมอนิเตอร์ (Euromonitor International) บริษัทสำรวจข้อมูลทางการตลาดระดับโลก ที่คาดการณ์ว่า ในปี 2569 ตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงของโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 217,615 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 7.2%
ขณะที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.4% คิดเป็นเงิน 66,748 ล้านบาท ในปี 2569 สอดคล้องกับอัตราการเลี้ยงสัตว์ในไทย จากฐานข้อมูลเพื่อการขึ้นทะเบียนสุนัข-แมว ว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากในทุกปี
ปัจจัยที่กล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเทรนด์ Pet Humanization หรือ การเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก เทียบเท่ากับสมาชิกในครอบครัว รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจากจำนวนครอบครัวที่มีเด็กน้อยลง จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น และคนรุ่นใหม่นิยมอยู่คนเดียว เทรนด์ ‘การเลี้ยงสัตว์’ จึงเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของการเติมเต็มความอบอุ่นในครอบครัว ลดความเครียด วิตกกังวล และคลายความเหงาให้คนยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

บทความนี้ Bangkok Bank SME จะพาไปทำความรู้จักกับ คุณสุจิต จิตทิชานนท์ Co-founder แห่งโรงพยาบาลสัตว์ บีเอ็มเอช ผู้บริหารรุ่นใหมที่มองเห็นโอกาสจากการเติบโตของเทรนด์ Pet Humanization และไม่รอช้าที่จะคว้าความสำเร็จในตลาดมูลค่ามหาศาล ด้วยการแตกไลน์จากธุรกิจฟาร์มไก่ไข่ออร์แกนิก มาสู่ธุรกิจโรงพยาบาลสัตว์แบบครบวงจร เพื่อรองรับความต้องการจากกลุ่มผู้รักสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในขณะนี้

คุณสุจิต กล่าวว่า ผมเรียนจบจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เลยมองเห็นโอกาสในภาพรวมของธุรกิจที่อยู่ใน เมกะเทรนด์ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง คือกลุ่มคนที่หันมานิยมเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก (Pet Humanization) ซึ่งยุคนี้ เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงคือ คนจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก และมีลูกกันน้อยลง ทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงมีมูลค่าสูงขึ้นมาก เราเลยเห็นช่องว่างในธุรกิจ บวกกับมีองค์ความรู้ในแวดวงนี้ค่อนข้างชัดเจน ทั้งจากธุรกิจหลัก และความรู้ที่เรียนจบมาโดยตรง จึงตัดสินใจลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลสัตว์ ใช้ชื่อว่า ‘โรงพยาบาลสัตว์ บีเอ็มเอช’
จุดเริ่มต้น ของการบริหารงานโรงพยาบาลสัตว์ เรารู้เพียงวิธีทำงาน แต่ยังขาดประสบการณ์ จึงเริ่มจากการเข้าไปเทคโอเวอร์โรงพยาบาลเดิมที่ทำอยู่แล้ว ชื่อว่าโรงพยาบาลบ้านมหาชัย ข้อดีคือ เขามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว เราเข้ามาทำต่อได้เลย โรงพยาบาลสัตว์บีเอ็มเอช บ้านมหาชัย จึงเป็นสาขาแรกของเรา อยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร

เลือกทำเลนอกเมือง ด้วยกลยุทธ์ ‘ป่าล้อมเมือง’
เหตุผลที่เราเลือกพื้นที่นี้เป็นแห่งแรก เพราะมองว่าในกรุงเทพฯ มีโรงพยาบาลสัตว์ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งแต่ละแบรนด์มีจำนวนสาขาอยู่มากมาย เราเลยเลือกเจาะเข้าไปในพื้นที่รอบนอกที่ยังมีช่องว่างทางการตลาดอยู่ และสามารถขยับขยายในอนาคตได้ พอเราเริ่มทำศึกษาตลาด และสำรวจความต้องการของลูกค้าระยะหนึ่ง จึงเห็นทิศทางว่าน่าจะขยายเข้ามาในกรุงเทพฯ เพิ่ม เนื่องจากเราวาง Positioning เป็นเครือโรงพยาบาลที่เปิด 24 ชั่วโมง ในราคาที่ลูกค้ารับได้ ถ้าเทียบเซกเมนต์ เราจะอยู่ในกลุ่มระกับกลางถึงบน มีมาตรฐานจากทีมแพทย์ที่ลูกค้าเชื่อมั่น ทำให้เติบโตได้รวดเร็ว
สาขาแรกที่สมุทรสาคร มีจุดเด่นคือเราเพิ่มการรักษาสัตว์ในกลุ่มสัตว์แปลก หรือ Exotic เช่น กระต่าย งู เต่า ส่วนสาขาที่ 2 คือ บีเอ็มเอช รักษาสัตว์ (สาขาพันท้าย) เป็นรูปแบบคลินิกที่เข้าถึงง่ายขึ้น ลูกค้าพาสัตว์เลี้ยงเข้ามารักษาได้สะดวก ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ราคาไม่แพง อยู่ใกล้กับพื้นที่ชุมชน

สาขาที่ 3 เราเปิดเป็นโรงพยาบาลสัตว์ครบวงจรที่ใหญ่ที่สุด มีบริการให้การรักษาโรคเฉพาะทางจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เปิด 24 ชั่วโมงเหมือนกัน คือ โรงพยาบาลสัตว์ บีเอ็มเอช เอกชัย 24 ชั่วโมง (BMH Animal Hospital Ekachai 24 hr.) อยู่ที่ถนนเอกชัย รวมถึงมีรถพยาบาล Pet taxi คอยรับส่งด้วย

สาขาที่ 4 เราเปิดเป็นโรงพยาบาลสัตว์ ชื่อเดอะซีซั่น ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะบุคคล เจาะทาร์เก็ตลูกค้าระดับไฮเอนด์ เนื่องจากเราอยากจะตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุก Segments จึงแตกแบรนด์ที่มีบริการหลากหลาย สามารถขยายฐานลูกค้าได้ครบทุกกลุ่ม

ตอบโจทย์ด้วยสัตวแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะโรคสัตว์
ปัจจุบันเรามีหมอพร้อมให้การดูแลรักษาเกือบ 20 คน ด้านบริการ มีศูนย์อายุรกรรมโรคทั่วไป ศัลยกรรมเนื้อเยื้ออ่อน และกระดูก รวมถึงคลินิกเฉพาะทาง เช่น หัวใจผิวหนัง ตา ฝังเข็ม เป็นต้น ส่วนแผนการพัฒนาในอนาคต จะผลิตและจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์ โดยที่เราจะร่วมลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญที่ตอบโจทย์ด้านผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงโดยตรง เป็นผลิตภัณฑ์ในเชิงการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยและพัฒนามาอย่างดี คาดว่าน่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

วิสัยทัศน์ ผู้บริหารรุ่นใหม่
ผมมองว่า ปัจจัยที่ขับเคลื่อนให้เราเติบโตอย่างรวดเร็ว คือเรามีทีมสัตวแพทย์ที่เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหมด จึงพร้อมเปิดรับเทรนด์ใหม่ของโลกอยู่เสมอ พอเห็นโอกาสจากช่องว่างตลาด เราจะกระโดดเข้าไปหาเพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือการทำระบบหลังบ้านให้แข็งแรง คือวางระบบให้มีการจัดการที่ดี บางคนขายเก่ง แต่สร้างระบบไม่เก่ง ก็จะเติบโตอย่างไม่ยั่งยืน

สุดท้ายแล้ว คนเป็นเจ้าของธุรกิจ จะต้องขายตัวเองเป็น รู้ว่าเรามีข้อดีตรงไหนแล้วสื่อสารให้ลูกค้ารับรู้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘บุคลากร’ เรามีทีมสัตวแพทย์ที่เก่ง และแข็งแกร่ง ทำให้เราสามารถใช้เวลาไปพัฒนาโครงสร้างบริษัทให้ขยายตัวและเติบโต

คุณสุจิต กล่าวทิ้งท้ายว่า ในการทำธุรกิจ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ผมจึงมักจะขอคำปรึกษาจากรุ่นพี่ที่เชี่ยวชาญในสายงานต่าง ๆ อยู่เสมอ มีรุ่นพี่ท่านหนึ่งให้ข้อคิดดี ๆ ที่ผมยึดถืออยู่เสมอ คือ ถ้าคุณเป็นเถ้าแก่ ต้องควบคุมและทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด แต่ถ้าคุณอยากเป็นนักธุรกิจ ต้องสร้างแบรนด์ให้มี Value สุดท้าย แบรนด์จะทำกำไรให้คุณเอง สิ่งเหล่านี้ คือแนวคิดที่ผมปรับใช้ เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
รู้จัก โรงพยาบาลสัตว์ บีเอ็มเอช เพิ่มเติมได้ที่ :