‘เพ็ทคลับ’ เข้าใจ Global Trend เห็นโอกาสตลาดสัตว์เลี้ยงไทยโต

‘สัตว์เลี้ยงแสนรัก’ เปรียบเสมือนคนในครอบครัว ที่ผู้เลี้ยงมอบความรัก ความห่วงใย ให้ความทะนุถนอมดั่ง ‘ลูก’ ของตัวเอง ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ คุณสมฤดี ตัณศลารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพ็ทคลับ จำกัด เข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดีในฐานะคนรักสัตว์เลี้ยงด้วยกัน นำมาสู่การทำธุรกิจบริการด้านสัตว์เลี้ยงครบวงจรที่กำลังมาแรงในบ้านเราขณะนี้

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme  

ความรักที่มีให้ ‘สัตว์เลี้ยง’ นำมาสู่การทำธุรกิจ

คุณสมฤดี เผยว่า ด้วยความที่ตนเองมีสัตว์เลี้ยง ทำให้รู้ว่าการจะพา ‘ลูกรัก’ ของเราไปอาบน้ำ หาหมอ หรือแม้แต่การไปซื้ออาหารในแต่ละครั้งค่อนข้างยุ่งยาก เนื่องจากอยู่คนละสถานที่ เกิดปัญหาจากหลายปัจจัย นอกจากนี้จากการที่ได้เคยเห็นร้านรูปแบบต่างๆ ที่น่าสนใจในต่างประเทศ จึงมีความคิดว่าน่าจะนำมาปรับใช้กับสโตร์สัตว์เลี้ยงเมืองไทยได้ ด้วยการทำให้ร้านมีความน่ารัก น่าเข้าไปใช้บริการ มีการจัดเรียงสินค้า จัดสถานที่ต่างๆ รวมถึงการสร้างบรรยากาศเป็นกันเองสำหรับคนและสัตว์เลี้ยง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์ได้

ดังนั้น คุณสมฤดี จึงปรึกษากับสามีซึ่งเป็นสัตวแพทย์ ว่ามีแนวคิดอยากทำธุรกิจบริการด้านสัตว์เลี้ยง ก่อนนำมาสู่การเปิดโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงแห่งแรกที่ชื่อว่า ‘แฮปปี้เพ็ท’

เหตุผลที่เปิดโรงพยาบาล ‘แฮปปี้เพ็ท’ เพราะอยากให้เจ้าของและสัตว์เลี้ยงมีความสุข โดยการทำร้านให้สะอาด ไม่เหมือนกับโรงพยาบาลสัตว์ทั่วไป หลังจากลูกค้ามาใช้บริการแล้วรู้สึกแฮปปี้ จึงมีการพัฒนารูปแบบร้านเพิ่มเติม พร้อมกับแนวคิดที่ว่าน่าจะเปิดสาขาเพิ่มได้ ก่อนตัดสินใจรีแบรนด์จาก ‘แฮปปี้เพ็ท’ เป็น ‘เพ็ทคลับ’ ในปี 2555 เริ่มทำแบรนด์จริงจัง มีการหาโลเคชันที่เหมาะสมสำหรับเปิดสาขาใหม่ แล้วพัฒนาเซอร์วิสต่างๆ เรื่อยมา

แนวคิด Pet Wellness ดูแลครบวงจร

คุณสมฤดี เล่าว่า จากความต้องการให้ ‘เพ็ทคลับ’ เป็นคลับของคนรักสัตว์เลี้ยง โดยจุดมุ่งหมายก็คือการเป็นเซ็นเตอร์ของคนเลี้ยงสัตว์ที่เรียกว่า ‘Your Trusted Pet Care Center’ สถานที่ซึ่งคนรักสัตว์ไว้ใจ - เชื่อถือได้ เพราะปัจจุบันสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนคนในครอบครัว เลี้ยงเพราะความรักจึงอยากดูแลให้ดีที่สุด ดังนั้น สุขอนามัย อาหารการกิน ความเป็นอยู่ จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ

‘เพ็ทคลับ’ 5 เซอร์วิส ธุรกิจบริการด้านสัตว์เลี้ยงครบวงจร

ในปัจจุบัน ‘เพ็ทคลับ’ ให้บริการทั้งหมด 5 เซอร์วิส ประกอบด้วย

1. โรงพยาบาลสัตว์ โดยเน้นการตรวจรักษาเชิง Preventive Care ฉีดวัคซีน ทำหมัน ขูดหินปูน และผ่าตัดโดยทีมสัตวแพทย์

2. เพ็ทสโตร์ ซึ่งต่างจากเพ็ทช็อปทั่วไป โดยจะจำหน่ายสินค้าแบรนด์ชั้นนำจากไทยและต่างประเทศ อุปกรณ์ของใช้ต่างๆ มีพนักงานคอยแนะนำสินค้าต่างๆ แต่ละช่วงวัยสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว จะกินอาหารไม่เหมือนกัน เป็นต้น

3. กรูมมิ่ง บริการอาบน้ำ ตัดแต่งขน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้จะเป็นสูตรเฉพาะของเพ็ทคลับ ที่เน้นความอ่อนโยน เป็นธรรมชาติ

4. โรงแรม จะมีการแยกโซนของสุนัขและแมว เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดกับสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้โรงแรมให้บริการแบบ ‘Cage Free’ อยู่ในห้องไม่ได้อยู่ในกรง เนื่องจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่กับเจ้าของจะคุ้นชินสิ่งแวดล้อมแบบนี้

5. Pool สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ มีจุดเด่นก็คือเป็น Private Pool เนื่องจากธรรมชาติของสุนัขไม่เหมือนกับมนุษย์ (ถ้าไม่คุ้นชินแล้วลงสระเดียวกันอาจทะเลาะกัน) เพื่อให้ 1 ชั่วโมงในสระว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายเต็มที่ โดยมีพี่เลี้ยงดูแลอย่างใกล้ชิด และมีชูชีพให้บริการ

‘เพ็ทคลับ’ และการเติบโตของธุรกิจ

คุณสมฤดี กล่าวว่า ปัจจุบันเพ็ทคลับให้บริการทั้งหมด 9 สาขา ได้แก่ พัฒนาการ 30, รามอินทรา 19, ลาดพร้าว 101, JAS Urban ศรีนครินทร์, Porto Chino พระราม 2, The Jas รามอินทรา, เมกา บางนา, AttU พาร์ค บางนา และเดอะพรอมานาด รามอินทรา นอกจากช่องทางออฟไลน์แล้ว ‘เพ็ทคลับ’ ยังมีช่องทางออนไลน์ด้วยคือ ‘เว็บไซต์เพ็ทคลับ’ สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง จัดส่งทั่วประเทศ และยังมีมาร์เก็ตเพลส เช่น Shopee, Lazada รวมถึงแพลตฟอร์มเดลิเวอรีอย่าง Food Panda ที่เป็นพาร์ทเนอร์กันด้วย

‘พันธมิตรธุรกิจ’ กุญแจสู่ความสำเร็จ

ในเรื่องนี้ คุณสมฤดี เผยว่า เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ‘เพ็ทคลับ’ ได้ร่วมมือกับ ‘เดอะมอลล์’ เพื่อเข้าไปพัฒนาเซกชั่นกลุ่มที่เป็นสัตว์เลี้ยงให้กับกูร์เมต์มาร์เก็ต โดย ‘เพ็ทคลับ’ ได้แตกแบรนด์เฉพาะเป็น ‘เพ็ทคลับซีเล็ค’ ซึ่งทำหน้าที่จัดสรรสินค้าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าสัตว์เลี้ยงในซูเปอร์มาร์เก็ตโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ ‘เพ็ทคลับ’ ยังมีแผนพัฒนาการตลาดช่องทาง Omni-Channel  กับทางเดอะมอลล์ด้วย โดยในอนาคตอาจมีนำสิทธิประโยชน์ในการสะสมคะแนนของสมาชิก มาร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจอีกหนึ่งทาง สำหรับการมองหาพันธมิตรนั้น คุณสมฤดี มองเป็น Partner ระยะยาว (Strategic Partner) มากกว่าการขยายธุรกิจที่เร็วเกินไป

ผู้คนคุ้นชินกับร้านแบบสแตนด์อโลน ส่งผลอย่างไรกับตลาดห้างฯ

ด้วยความที่กลุ่มลูกค้ามีค่อนข้างหลากหลาย คุณสมฤดี เล่าว่า อาจมีลูกค้าบางกลุ่มที่ไม่สะดวกเดินเพ็ทช็อป แต่สะดวกแบบเดินทริปเดียวซื้อของกลับบ้านตามห้างสรรพสินค้ามากกว่า แล้วก็แวะซื้อของให้สัตว์เลี้ยงที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่ง ‘เพ็ทคลับ’ มีความถนัดด้านสัตว์เลี้ยง มีความหลากหลายด้านสินค้า ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าสินค้าตัวนี้น่าจะเหมาะกับลูกค้าสาขาไหน ช่วยซูเปอร์มาร์เก็ตโฟกัสว่าเทรนด์ใดกำลังมาแล้ว นำมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในเรื่องความสะดวกสบาย

‘ระบบเมมเบอร์’ ทำอย่างไร? ให้ Success

‘เพ็ทคลับ’ ได้มีการทำรีเสิร์ชตั้งแต่ก่อนเริ่มทำธุรกิจ มีการวางโครงสร้างระบบเมมเบอร์สมาชิก จากนั้นเริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่เปิดร้านครั้งแรก ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 60,000 ราย (สมาชิก 1 คน มีสัตว์เลี้ยงเฉลี่ย 1-3 ตัว) ซึ่งการทำเมมเบอร์ให้ประสบความสำเร็จสิ่งสำคัญก็คือการบริการที่ดีของพนักงาน รวมถึงการให้ความสำคัญทั้งสัตว์เลี้ยงและผู้เลี้ยง ส่งผลให้สมาชิกประทับใจในบริการแล้วกลับมาใช้ซ้ำ นอกจากนี้ยังมีการสะสมคะแนนข้ามสาขาได้ หรือในเว็บไซต์ก็เก็บพอยท์ร่วมกันได้ ซึ่งส่วนนี้ช่วยให้มีฐานลูกค้าประจำ

‘โซเชียลมีเดีย’ ดีต่อธุรกิจอย่างไร?

คุณสมฤดี เผยว่า ‘โซเชียลมีเดีย’ เช่น เฟซบุ๊ก ‘เพ็ทคลับ’ ทำให้เป็นแหล่งประชาสัมพันธ์ แหล่งเรียนรู้ รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง ซึ่งเพจเป็นสิ่งที่ควรต้องมีเพื่อสร้างการสื่อสารกับลูกค้า ว่ามีอะไรใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ สร้าง Community ของคนเลี้ยงสัตว์ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยให้ ‘เพ็ทคลับ’ เป็นที่รู้จัก ทำให้ธุรกิจเติบโตได้

โควิด 19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง?

คุณสมฤดี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โควิด 19 ส่งผลกระทบต่อสาขาการระบาดรอบแรกร้านถูกปิดเฉพาะกรูมมิ่ง ขณะที่การระบาดในปัจจุบันต้องปิดสโตร์ขายอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงสาขาที่เปิดในห้าง เช่น เมกา บางนา ที่ต้องปิดชั่วคราวด้วย ทำให้ได้รับผลกระทบค่อนข้างเยอะ ‘เพ็ทคลับ’ จึงหันมาเน้นจำหน่ายช่องทางออนไลน์ แต่ก็ต้องเข้าใจในสถานการณ์ด้วยว่าสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลต่อกำลังซื้อที่ลดลง ดังนั้นจึงต้องประคับ ประคองธุรกิจเพื่อรอให้สถานการณ์ดีขึ้น

แม้จะเกิดโควิด แต่สัตว์เลี้ยงเป็น ‘Global Trend’ เติบโตทั่วโลก

คุณสมฤดี ให้ความรู้ว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงโลกเติบโตมาเกิน 5 ปีต่อเนื่องแล้ว เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อปี โดยมูลค่าตลาดในไทยอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท ตลาดที่มีมูลค่าสูงสุดคืออาหารสัตว์ สำหรับสาเหตุที่ทำให้ตลาดขยายตัวเนื่อง ด้วยปัจจุบันผู้คนแต่งงานน้อยลง บางคู่ไม่มีบุตร หรือมีบุตรคนเดียว และโดยเฉพาะยิ่งช่วงสถานการณ์โควิด 19 คนล็อกดาวน์ตัวเองอยู่กับบ้านและ Work From Home มากขึ้น การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเช่นสุนัขหรือแมวเป็นเพื่อนเพื่อคลายเหงาจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

“มนุษย์เรามีความรัก มีความแคร์ ต้องการสิ่งมีชีวิตมาร่วมแบ่งปันความสุข กลายเป็น ‘Global Trend’ ที่ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทยแต่เกิดขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้การที่โลกเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุก็มีส่วนทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงโตเช่นกัน เนื่องจากมีผลวิจัยรับรองแล้วว่าผู้สูงวัยกับสัตว์เลี้ยงเป็นอะไรที่ดีต่อใจมากๆ”

ขณะที่รายงานตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกปี 2020-30 : COVID-19 ผลกระทบและการฟื้นตัวจาก ResearchAndMarkets คาดการณ์ว่า ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกจะเติบโตจาก 74,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2562 เป็น 75,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 1.3% และเติบโตต่อปีที่ 6% จากปี 2564 และเติบโตที่ 88,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 (ข้อมูล bangkokbiznews.com 21 กุมภาพันธ์ 2564)

จบโควิด 19 ‘ตลาดสัตว์เลี้ยง’ จะเป็นอย่างไร?

แม้ในปัจจุบันจะยังมีการระบาดทั่วโลก คุณสมฤดี ให้ความเห็นว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงยังมีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากผู้คนอยู่บ้านมากขึ้น สัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนได้ดีมากๆ แต่ตลาดจะเติบโตเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด 19 และสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงความพร้อมของเจ้าของสัตว์เลี้ยง ที่ไม่ได้มีแค่เวลาแต่ต้องความพร้อมด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ ด้วย

จากความรักที่มีให้สัตว์เลี้ยง สร้างความสุขให้กับครอบครัว คุณสมฤดี ตัณศลารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพ็ทคลับ จำกัด นำมาเป็นแนวคิดต่อยอดทำธุรกิจบริการด้านสัตว์เลี้ยงครบวงจร ซึ่งมีเป้าหมายจับมือกับพาร์ทเนอร์ที่พร้อมเติบโตไปด้วยกันในระยะยาว เจาะตลาดคนรักสัตว์เลี้ยงทั่วประเทศ

รู้จัก ‘เพ็ทคลับ’ เพิ่มเติมได้ที่ :

https://www.petclub.co.th/

https://www.facebook.com/PETClubThailand/