เปลี่ยนวิกฤตผลผลิตเกษตรฟิลิปปินส์ เป็นโอกาสสินค้า ‘เกษตรไทย’
ประเทศไทยถือเป็นแหล่งนำเข้าอาหารรวมถึงเครื่องดื่มอันดับต้นๆ
ของประเทศฟิลิปปินส์ จากข้อมูลของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ
กรุงมะนิลา เผยว่า ไทยมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศกับฟิลิปปินส์ในเดือน มกราคม – พฤศจิกายน 2563 อยู่ที่ 7,301.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการส่งออกจากไทยไปฟิลิปปินส์
มูลค่า 4,591.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนําเข้าจากฟิลิปปินส์
มีมูลค่า 2,710.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โควิด 19 และการแพร่ระบาดของโรค ASF ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรฟิลิปปินส์
รายงานผลผลิตทางการเกษตรในไตรมาสที่ 2/2564
ของสำนักงานสถิติแห่งชาติของฟิลิปปินส์ (Philippine
Statistics Authority : PSA) เปิดเผยว่า ผลผลิตจะหดตัวลงร้อยละ
1.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2563 ที่ขยายตัวร้อยละ 0.5
เนื่องจากการผลิตปศุสัตว์และการประมงลดต่ำลง
ในขณะที่การผลิตพืชผลทางการเกษตรและเนื้อสัตว์ปีกเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามผลผลิตที่ลดลงในไตรมาสที่
2/2564 หดตัวน้อยลงจากไตรมาสแรกของปี 2564 ที่หดตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.4
ซึ่งนาย William D. Dar รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ ได้กล่าวว่า ตัวเลขผลผลิตดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของภาคการเกษตร
แม้ว่าต้องประสบกับปัญหาจากการแพร่ระบาดของโควิด 19
และการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) อย่างต่อเนื่องและยังคงยืดเยื้อ
โดย ณ ราคาในปัจจุบัน ผลผลิตทางการเกษตรในไตรมาสที่ 2/2564 มีมูลค่าอยู่ที่ 5.033
แสนล้านเปโซ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับในช่วงครึ่งปีแรก (เดือนมกราคม - มิถุนายน 64) มูลค่าผลผลิตทางการเกษตรหดตัวร้อยละ
2.5 หดตัวมากขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่หดตัวร้อยละ 0.6
การผลิตปศุสัตว์ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 14.2
ของผลผลิตฟาร์มทั้งหมด (Farm output) ในไตรมาสที่
2/2564 ลดลงร้อยละ 19.3 สำหรับในช่วงครึ่งปีแรก โดยพบว่าการแพร่ระบาดของโรค ASF
ยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมฟาร์มสุกรของประเทศอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้การผลิตสุกรลดลงร้อยละ 26.2 ในไตรมาสที่ 2/2564
โดยนาย Rolando E. Tambago ประธานสหพันธ์ผู้ผลิตเนื้อสุกรแห่งฟิลิปปินส์
(Pork Producers Federation of the Philippines,
Inc.) กล่าวว่า การผลิตสุกรคาดว่าจะลดลงอีกไปจนถึงต้นปี 2565
โดยผู้เลี้ยงสุกรจำนวนมากยังคงมีความกังวล เนื่องจากความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรค
ASF รวมทั้งปริมาณความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด
19 นอกจากนี้
ผู้บริโภคยังได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดอีกครั้ง
รวมถึงมีการนำเข้าเนื้อสุกรราคาถูกเข้ามาปริมาณมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตเนื้อสุกรในท้องถิ่นไม่สามารถแข่งขันได้
ด้านผลผลิตทางการประมงซึ่งคิดเป็นร้อยละ 16.1
ของการผลิตทางการเกษตรโดยรวมพบว่า ลดลงร้อยละ 1.1 ในไตรมาสที่ 2/2564 เช่นกัน สำหรับในครึ่งปีแรก โดย Roy
S. Kempis ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรกรรมแห่งรัฐปัมปังกา กล่าวว่า
การทำประมงของชาวฟิลิปปินส์ในทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาการรุกล้ำของเรือประมงจีน
ที่กำลังทำให้สูญเสียการเข้าถึงพื้นที่ประมงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ปัญหาอุณหภูมิของน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นได้ส่งผลให้ออกซิเจนที่ละลายในน้ำจะลดลง
และเมื่ออุณหภูมิของน้ำทะเลและน้ำจืดสูงขึ้น
อาจส่งผลให้ปลาเกิดความเครียดหรือเกิดการพัฒนาโรคในปลาได้
แนวโน้มผลผลิตเกษตรฟิลิปปินส์
กระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตสำหรับภาคการเกษตรในปี
2564
เป็นร้อยละ 2 ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ร้อยละ
2.5 โดยนาย Calixto V. Chikiamco ประธานมูลนิธิ
เพื่อเสรีภาพทางเศรษฐกิจ (Foundation for Economic Freedom: FEF) กล่าวว่าเป้าหมายการเติบโตที่ร้อยละ 2 ของกระทรวงเกษตรคาดว่าจะเป็นไปได้ยากขึ้นที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
เนื่องจากในไตรมาส 1/2564 ผลผลิตทางการเกษตรหดตัว
และแม้ว่าในไตรมาสที่ 2/2564 จะหดตัวลดลงเล็กน้อย
แต่ในไตรมาสที่ 3/2564 ซึ่งเป็นช่วงที่ฟิลิปปินส์กลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดอีกครั้ง
น่าจะเป็นปัจจัยขัดขวางการเติบโตของผลผลิตทางการเกษตร
รวมทั้งความต้องการบริโภคในประเทศ
โดยคาดว่าในปีนี้ผลผลิตภาคการเกษตรจะเติบโตได้ที่ร้อยละ 1 หรือน้อยกว่านั้น
ผลผลิตภาคการเกษตรของฟิลิปปินส์หดตัว
โอกาสเกษตรกรไทย
ปัจจุบันแนวโน้มภาคเกษตรกรรมของฟิลิปปินส์พบว่า มีผลผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากประสบกับความท้าทายหลายประการ เช่น ต้นทุนการผลิตที่สูง ข้อจำกัดทั้งด้านสภาพภูมิประเทศและสภาพภูมิอากาศ
ขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ เกษตรกรไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ทันสมัย
ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงจากการนำเข้าอาหารราคาถูก
ทำให้นำไปสู่วิกฤตในการเกษตร
ของฟิลิปปินส์และความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
แม้รัฐบาลฟิลิปปินส์จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรมากขึ้น
รวมทั้งพยายามบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่สามารถสนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาของภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน
แต่ในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จ มีผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศ
โดยในแต่ละปีฟิลิปปินส์สามารถผลิตอาหารคิดเป็นประมาณร้อยละ
80
ของอุปทานอาหารทั้งหมดและอีกร้อยละ 20 ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
และแนวโน้มการนำเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฟิลิปปินส์จึงถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสำหรับการส่งออกสินค้าอาหารต่างๆ
ของไทย โดยประเทศไทยถือเป็นแหล่งนำเข้าอาหาร รวมถึงเครื่องดื่มเป็นอันดับต้นๆ
และที่ผ่านมาสินค้าอาหารของไทยเป็นสินค้าที่สามารถแข่งขันได้ดีในตลาดฟิลิปปินส์ มีการยอมรับในเรื่องคุณภาพมาตรฐาน
รวมถึงทัศนคติที่ดีต่อสินค้าไทยอยู่แล้ว และยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19
ได้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของฟิลิปปินส์ด้วย
จึงถือเป็นโอกาสดีที่สินค้าเกษตรไทยจะใช้จังหวะนี้รุกตลาดแดนตากาล็อก
แหล่งอ้างอิง : หนังสือพิมพ์
Business
World, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา