สำหรับมูลค่าตลาดอุตสาหกรรมกัญชงทั่วโลกในปี
2562 ที่มีมูลค่าประมาณ 4,410 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 16.21
ต่อปี ทำให้มีการคาดว่าภายใน 7 ปีข้างหน้า หรือในปี 2569 จะมีมูลค่ากว่า 14,670
ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยปัจจัยสำคัญที่สามารถนำส่วนต่างๆ
ของกัญชงไปใช้แปรรูปได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ วัสดุคอมโพสิต
พลาสติกชีวภาพ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม
ตลอดจนการนำเมล็ดและน้ำมันจากเมล็ดกัญชงมาใช้เพื่อการบริโภค โดยตลาดสำคัญ ได้แก่
จีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป
สำหรับมูลค่าตลาดทั่วโลกของสารสกัด CBD ที่มีอยู่ในกัญชงที่มีฤทธิ์ระงับประสาท ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และบรรเทาอาการเจ็บป่วย รวมทั้งคุณประโยชน์ที่หลากหลายของ CBD เมื่ออยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งอาหารและไม่ใช่อาหาร ซึ่งในปี 2562 มีมูลค่า 553.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 33.5 ต่อปี และคาดว่าภายใน 7 ปีข้างหน้า (ปี 2569) จะมีมูลค่ากว่า 4,268.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทั้งนี้จากการเปิดกว้างโดยการปลดล็อคทางกฎหมายทั้งด้านการผลิตและการจำหน่ายที่มีมากขึ้นในประเทศต่างๆ
สำหรับประเทศไทยกัญชงได้รับการยกเว้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษ
ยกเว้นช่อดอกที่ยังเป็นยาเสพติด ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท
5 พ.ศ. 2563 หากประชาชนหรือผู้ประกอบการสนใจผลิตหรือนำเข้ากัญชงจะต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เนื่องจากกัญชงสามารถใช้ประโยชน์ได้เพียงเฉพาะกลุ่มและวัตถุประสงค์ที่จำกัด
กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่มีบทบาทต่อการพัฒนายกระดับอุตสาหกรรมในระดับสูง
เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยมีศักยภาพในการรองรับการเติบโตของภาคธุรกิจ
ผู้ประกอบการมีความพร้อมด้านการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากส่วนต่าง ๆ ของกัญชง
ประกอบกับมีพื้นที่ว่างทางการเกษตรที่สามารถเพาะปลูกกัญชงได้
รวมทั้งกฎหมายได้เปิดกว้างให้ภาคธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ได้หลากหลายและคล่องตัวมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ภายใต้โครงการสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปกัญชง
ที่ขับเคลื่อนโดยกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อตอบสนองเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เพื่อสร้างความร่วมมือจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานพืชกัญชง
ทบทวนและพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยีการแปรรูปพืชกัญชง และการต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์
เช่น อาหาร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์สิ่งทอจากเส้นด้ายกัญชง
ผลิตภัณฑ์คอมโพสิต และอาหารสัตว์
พร้อมทั้งเชื่อมโยงให้เกิดความร่วมมือในการยกระดับเทคโนโลยีการแปรรูป
และนำทุกส่วนของพืชกัญชงมาแปรรูปเป็นสินค้ากึ่งวัตถุดิบสำหรับป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรม
และผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำ เพื่อให้เกิดการพัฒนาพืชกัญชงอย่างครบวงจร
ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาเมล็ดเพื่อใช้เป็นอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (Healthy Food/Drink) แกนแห้งนำไปใช้ทำพื้นรองเท้าและยางคอมปาวด์
เพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์ยางถอนขนไก่
ขณะที่สิ่งทอเป็นเส้นด้ายกัญชง ผลิตเสื้อผ้าที่มีคุณสมบัติ
Anti Bacteria และผลิตภัณฑ์คอมโพสิต เช่น กันชนรถยนต์
และสเก็ตบอร์ด ใบใช้ประโยชน์ทำเครื่องสำอาง เช่น Skin Care และ
Anti-aging ก้านใบและใบนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์
อีกทั้งช่อดอกนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ไล่แมลงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มสูง ผ่านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ตอบสนองนโยบาย BCG Model ที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน
และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และล่าสุดหน่วยงานรัฐต่างเร่งเตรียมความพร้อมในด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับพืชกัญชง
โดยจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการผลิตสินค้ากึ่งวัตถุดิบจากพืชกัญชง จำนวน 3
มาตรฐาน ได้แก่ น้ำมันเมล็ดกัญชง น้ำมันกัญชง และสารสกัด CBD จากกัญชง คาดว่าจะทยอยประกาศใช้ภายในปี 2564 ทำให้มีการประเมินว่าตลาดกัญชงในอนาคตจะเป็นพืชเศรษฐกิจมาแรง
และยั่งยืนแซงกัญชาที่มีเงื่อนไขที่ละเอียดอ่อนมากกว่า