ราเชนทร์ ฟาร์ม ‘มะม่วงเกรดพรีเมียม’ เพื่อผู้บริโภคคนไทย
ท่ามกลางเรื่องร้ายๆ ภายใต้สถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ทุกคนต่างต้องปรับตัวและมองหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อความอยู่รอด เช่นเดียวกับ คุณราเชนทร์ สุขหวานอารมณ์ เจ้าของ “ราเชนทร์ ฟาร์ม” และประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออกอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ก็เป็นอีก 1 ในผู้ประกอบการส่งออก ต้องพลิกคัมภีร์การตลาดฝุ่นตลบเพื่อประคองธุรกิจคงอยู่ต่อไป เนื่องจากคำสั่งซื้อจากลูกค้าหลักต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง ต่างยกเลิกคำสั่งซื้อทั้งหมดเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทำให้ คุณราเชนทร์ ต้องพลิกแผนการทำตลาดใหม่โดยมุ่งเจาะตลาดในประเทศ
หรือการทำ Local Market ด้วยการนำมะม่วงเกรดส่งออกมาขายให้ผู้บริโภคคนไทย
โดยการทำการตลาดผ่านช่องทางร้านโมเดิร์นเทรด และตลาดค้าปลีก-ค้าส่งในประเทศ ด้วยการส่งผลผลิตมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง, น้ำดอกไม้เบอร์ 4, มะม่วง R2E2 และมหาชนกเกรดพรีเมียม
ที่สำคัญขายราคาถูกกว่าต่างประเทศหลายเท่าตัว
สามารถมัดใจผู้บริโภคชาวไทยจนกระแสตอบรับล้นหลาม โดยลูกค้าสามารถหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าเทสโก้
โลตัส, ห้างแม็คโคร, เดอะมอลล์ ทุกสาขา,
เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อป ซูเปอร์มาร์เกตทั่วประเทศ
รวมทั้งตลาดสี่มุมเมือง และปากคลองตลาด
คุณราเชนทร์ บอกว่าผลผลิตมะม่วงจาก “ราเชนทร์ ฟาร์ม” และสมาชิกวิสาหกิจชุมชนอำเภอบางแพ
ซึ่งมีปลูกบนเนื้อที่รวมกันแล้วกว่า 1,000 ไร่ แต่ละปีมีผลผลิตออกสู่ท้องตลาดไม่ต่ำกว่า 200 ตัน ซึ่งสาเหตุที่ราคาไม่ตก
เนื่องจากมะม่วงพันธุ์ต่างๆ ที่ปลูกล้วนออกผลผลิตนอกฤดูกาลในช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนมิถุนายน
เมื่อเทียบกับมะม่วงที่ออกตามฤดูกาล คือในช่วงระหว่างมีนาคนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปีที่ออกพร้อมกันจนล้นตลาด
ทำให้ราคาตกและยิ่งปีนี้จะมีราคาตกต่ำเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันด้วยซ้ำ เพราะไม่สามารถส่งออกต่างประเทศ
ได้เนื่องจากส่งออกหลักต่างก็ยังไม่เปิดประเทศแบบ 100% ทำให้ผู้ส่งออกต้องมาเปิดสงครามแย่งส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศกันเองมากขึ้น
หลังพ้นโควิดรุกตลาดนอกควบคู่กับในประเทศ
ตลาดทั่วโลกจะกลับเข้าสู่สภาพปกติในมุมมองของ
คุณราเชนทร์ เชื่อว่าไม่น่าจะเกิน 1-2 ปีต่อจากนี้ เนื่องจากหลายประเทศพัฒนาล้วนเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิดให้ครอบคลุมประชากรทั้งประเทศ
ดังนั้นเมื่อทุกประเทศฉีดวัคซีนครบเข็มที่ 2 ของประชากรทั่วโลก ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ปกติภายใต้วิถีชีวิตใหม่
หรือ New Normal นั้นเอง โดยตลาดต่างประเทศยังคงเน้นส่งออกตลาดหลัก
คือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย และตะวันออกกลาง
ซึ่งจะทำตลาดควบคู่กับภายในประเทศที่ได้ลงนามสัญญากับห้างดังต่างๆ รวมทั้งส่งสินค้าป้อนให้กับตลาดสี่มุมเมือง
และตลาดปากคลองตลาด แบ่งสัดส่วนการตลาดส่งออก 70% และภายในประเทศ
30%
สาเหตุที่ให้ความสำคัญกับตลาดภายในประเทศ
เนื่องจากต้องการให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รับประทานมะม่วงเกรดระดับพรีเมียมในราคาที่จับต้องได้
ที่สำคัญมะม่วงของกลุ่มวิสาหกิจฯ ผ่านการปลูกด้วยมาตรฐาน ThaiGAP และคัดบรรจุผ่านมาตรฐาน GMP อย. ซึ่งการดำเนินงานของวิสาหกิจฯ จะคำนึงถึงคุณภาพของการส่งมะม่วงให้แก่ลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญและยึดมั่นมาโดยตลอด
ที่ผ่านมาจะบ่มมะม่วงด้วยถ่านก๊าซแคลเซียมคาร์ไบด์ ซึ่งมีผลเสียต่อสุขภาพคนงาน
และมะม่วงเน่าเสียในระหว่างการบ่มเนื่องจากควบคุมยาก
นำเทคโนโลยีการบ่มลดการสูญเสีย
หลังจากที่กลุ่มวิสาหกิจฯ ได้ปรึกษากับโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
(ITAP) เพื่อแก้ไขปัญหาการสูญเสียของสินค้าและนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้
จึงเป็นทางออกด้วยการสร้างห้องบ่มมะม่วงด้วย “ก๊าซเอทิลีน” ขนาด 30.375
ลูกบาศก์เมตร บ่มมะม่วงได้ครั้งละ 3 ตัน ใช้เวลาบ่ม 24 ชั่วโมงต่อ 1 ครั้ง
เมื่อนำออกจากห้องบ่ม บรรจุ และจัดส่งให้ลูกค้าได้ทันที โดยข้อดีของการใช้ก๊าซเอทิลีนนอกจากจะปลอดภัยต่อทั้งคนงาน
ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยให้มะม่วงมีเนื้อสัมผัสแน่น ไม่เละ
ไม่เน่าเสียง่าย เพิ่มระยะเวลาในการวางจำหน่ายได้นานขึ้น ทำให้มีกำไรมากขึ้น
จากการปรับตัวรวดเร็วกว่าคู่แข่ง ทั้งกลยุทธ์ทางการตลาดและนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้
ทำให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมะม่วงส่งออกอำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี
สามารถฝ่าวิกฤติโควิดครั้งนี้ไปได้ ส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงและชุมชนมีงานทำและมีรายได้อย่างต่อเนื่อง
และที่สำคัญช่วงนี้ผู้บริโภคคนไทยสามารถได้ลิ้มชิมรสผลไม้เกรดพรีเมียมในราคาที่ทุกคนสามารถซื้อหามารับประทานได้
ก็นับเป็นเรื่องดีๆ แถมยังได้ช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงเวลาที่ยากลำบากได้อีกด้วย
ทั้งนี้หากสนใจเข้าไปศึกษาที่สวนมะม่วงสามารถติดต่อได้ที่ : ราเชนทร์ ฟาร์ม 086-0419-571
หรือ Line Offical : Fruit for You