ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อธุรกิจหลายภาคส่วน แต่กลับเป็นโอกาสในการลงทุนสินทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมที่ราคาปรับลดลงมาก เป็นแรงกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของกลุ่มนักลงทุน โดยเฉพาะในโครงการที่สามารถปล่อยเช่าได้ทันที จะให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
บริษัท เน็กซัส
พร็อพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
เปิดเผยผลการสำรวจข้อมูลผู้บริโภคที่สนใจซื้อคอนโดมิเนียมในช่วงโควิด-19 พบว่าทั้งหมดเป็นกลุ่ม Real
Demand โดยเป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่จริงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาวอีก 20 เปอร์เซ็นต์ โดยกลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวนั้น
เพราะต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
อีกทั้งหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในแบบพาสซีฟอินคัม (Passive Income)
สำหรับการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อลงทุนระยะยาวนั้น ผู้ลงทุนต้องศึกษาเกี่ยวกับตัวโครงการ ความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ และอีกองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญ คือ ต้นทุนห้องชุดที่ได้มา โดยห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมในแบบลีสโฮลด์ (Leasehold) หรือคอนโดมิเนียมประเภทสิทธิการเช่าที่ถือครองกรรมสิทธิ์ตามช่วงระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะมีราคาถูกกว่าห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมในแบบฟรีโฮลด์ (Freehold) หรือคอนโดมิเนียมประเภทซื้อขาด โดยการครอบครองกรรมสิทธิ์เป็นของผู้ซื้อโดยถาวรประมาณ 30-40% ทำให้ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่ดีกว่า
จากผลการสำรวจของเน็กซัส พบว่าคอนโดมิเนียมประเภทลีสโฮลด์ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขต CBD อาทิ ราชดำริ สามย่าน หลังสวน สีลม สาทร พระราม 4 สำหรับผู้ที่ซื้อเพื่อการลงทุน พบว่าการลงทุนย่านนี้ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยจากการปล่อยเช่าห้องชุดในโครงการลีสโฮลด์ในย่านนี้เฉลี่ย (Yield) สูงถึง 6.2% ต่อปี ในขณะที่โครงการลิสโฮลด์ในโซนสามย่านให้ผลตอบแทน (Yield) สูงสุดอยู่ที่ 8.6% ต่อปี
สรุปข้อดีของการซื้ออสังหาริมทรัพย์ประเภท ลีสโฮลด์ (Leasehold) คือ
1. ราคา ที่ขายให้กับผู้เช่าซื้อนั้นจะถูกกว่าคอนโดมิเนียมแบบฟรีโฮลด์จากราคาต้นทุนที่ดินที่ต่างกัน
จะสามารถนำเงินส่วนต่างไปลงทุนประเภทอื่นได้
2. ทำเลที่ตั้งโครงการ สำหรับโครงการที่เป็น ลีสโฮลด์จะเป็นโครงการที่อยู่ใน CBD ทำให้มั่นใจได้ว่าหากคุณเลือกลงทุนในโครงการลีสโฮลด์จะเป็นโครงการที่อยู่ใน Prime location อย่างแท้จริง
3. ฟังก์ชั่นห้องตอบโจทย์ลูกค้า เนื่องจากต้นทุนไม่สูงทำให้ออกแบบห้องได้กว้างขวาง
และมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นตามไปด้วย ข้อดีคือ
หากต้องการปล่อยเช่าก็จะสามารถเรียกราคาค่าเช่าได้สูงกว่าห้องขนาดเล็ก
หรือมีโอกาสในการปล่อยเช่าได้มากกว่า
4. ผู้ประกอบการ ที่จะได้พัฒนาโครงการบนพื้นที่ลีสโฮลด์นั้นต้องเป็นผู้ประกอบการที่แข็งแกร่ง
มีชื่อเสียงมานาน และมีความน่าเชื่อถือ
5. การดูแลหลังการขาย โดยผู้ประกอบการเองซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะโครงการจะยังคงสวยงาม
และได้รับการดูแลอย่างดีตลอดอายุสัญญา
6. ต่างชาติสามารถถือครองได้ 100% เนื่องจากเป็นสิทธิ์การเช่าซื้อ ดังนั้นเมื่อมีการขายต่อไม่ต้องกังวลว่าสิทธิของต่างชาติจะเต็ม