จับ “ข้าว” ใส่นวัตกรรมเพิ่มมูลค่า

SME Update
04/07/2019
รับชมแล้วทั้งหมด 31796 คน
จับ “ข้าว” ใส่นวัตกรรมเพิ่มมูลค่า
banner

เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการสัมมนาที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับวงการข้าวในบ้านเราไฮไลท์การประชุมโฟกัสไปที่ประเด็นการเจาะตลาดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมข้าวไทยในตลาดโลก” ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยจัดขึ้นในงานประชุม Thailand Rice Convention 2019 สาระสำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการต่อยอดนวัตกรรม”เพื่อจะหาทางสร้างมูลค่าเพิ่มให้ข้าวไทยแทนการส่งออกแบบวัตถุดิบที่มีมูลค่าต่ำๆ

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme 


มีสถิติตัวเลขที่น่าสนใจระบุว่าการส่งออกเกษตรกรแปรรูปที่ผ่านมามีมูลค่ามากถึง 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 1.7% ต่อปี แต่เชื่อหรือไม่ว่าเป็นการส่งออกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวแค่ 350 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือประมาณ 11,200 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการแปรรูปขั้นกลาง เช่น แป้ง ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว ส่วนการแปรรูปขั้นปลายหรือที่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงๆ เช่น การดึงโปรตีนจากข้าวมาทำเปปไทด์ลดริ้วรอย หรือการแปรข้าวเป็นน้ำตาลมาใช้ผลิตเป็นสารชำระล้างยังมีน้อย

แต่ถ้ามองในแง่ดีก็จะเห็นว่าตลาดแปรรูปขั้นปลายนี้ยังมีช่องว่างที่มีโอกาสขยายไปได้อีกมาก

กล่าวสำหรับผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวที่ตลาดมีความต้องการเพิ่มขึ้นนั้นมีมากมายหลายชนิด แต่ที่เริ่มได้รับความนิยมสูงมาก ๆ ในต่างประเทศ คือ ข้าว Low GI หรือข้าวบรรเทาเบาหวาน” ซึ่งขณะนี้มีบริษัทผู้ผลิตอาหารสุขภาพกำลังให้ความสนใจว่ามีข้าวสายพันธุ์ใดบ้างสามารถนำไปผลิตเป็นข้าวชนิดนี้ การนำข้าวไปผสมกับควินัว/ถั่ว การสกัดโปรตีนจากข้าว การผลิตเป็น plant base protein, red yeast rice, การสกัดเป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ชาย gamma oryzanal, GABA, การผลิตเป็น brat diet เป็นอาหารสำหรับเด็ก เป็นต้น


ในที่ประชุมได้นำเสนองานวิจัยของบริษัทเอกชนที่ประสบความสำเร็จ เช่นบริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด ผู้วิจัยและพัฒนาสารสกัดสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและเวชภัณฑ์จากข้าว ซึ่งได้รับรางวัล Agri Plus Award โดยบริษัทได้วิจัยพัฒนาโปรตีนสกัดจากข้าว หรือ rice peptides ช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นการเกิดผม และสเต็มเซลล์จากข้าวชื่อ Ricallas ซึ่งเป็นสเต็มเซลล์จากพืชชนิดแรก สเต็มเซลล์ข้าวนี้มีคุณสมบัติในการลดริ้วรอย สามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางแอนติเอจจิ้ง และกระตุ้นการงอกของผม สามารถจำหน่ายได้ในราคา กก.ละ 30,000-40,000 บาท สร้างมูลค่าเพิ่มจากเดิมที่ขายข้าวสารราคา กก.ละ 30-50 บาท

ก่อนหน้านี้บริษัทมีการพัฒนาและจดสิทธิบัตรนวัตกรรมจากข้าว RICCOSIDE ซึ่งเป็นสารชำระล้างที่ได้จากการย่อยสลายคาร์โบไฮเดรตจากข้าวมาเป็นน้ำตาล และนำมาทำปฏิกิริยากับน้ำมันมะพร้าว สารดังกล่าวสามารถใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตแชมพู สบู่ น้ำยาล้างขนตาจากพืชทดแทนสารเคมี และสารให้ความชุ่มชื้น (MoistuRice) ช่วยทำให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น กก.ละ 300-400 บาท\

รศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด เล่าให้ที่ประชุมฟังว่า “ในเมล็ดข้าวมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบประมาณ 2% ซึ่งเราทดลองสกัดเปปไทด์จากข้าว สามารถเพิ่มมูลค่าจากที่เคยขายข้าวได้ กก.ละ 30-50 บาท หากนำสารสกัดโปรตีนนี้ไปใช้ผลิตอาหารเสริม เครื่องสำอาง ขายได้เพิ่มเป็น กก.ละ 30,000-40,000 บาท ขณะที่ส่วนประกอบอีก 98% ของเมล็ดข้าวเป็นคาร์โบไฮเดรต เรานำมาย่อยเป็นน้ำตาลและทำปฏิกิริยากับน้ำมันมะพร้าว พัฒนาเป็นสารชะล้าง ใช้ผสมในแชมพู น้ำยาล้างขนตา แทนการใช้สารเคมี ขายได้ กก.ละ 300-400 บาท และอยู่ระหว่างพัฒนาทำสเต็มเซลล์จากข้าว ได้ลดริ้วรอยได้ดี หากสามารถพัฒนาต่อยอดก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าข้าวได้มากขึ้น”

“สำหรับแผนการทำตลาดในปีแรก บริษัทเน้นผลิตวัตถุดิบให้กับกลุ่มผู้ผลิตเครื่องสำอาง ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาอยู่ 2-3 ราย และในส่วนของสารชำระล้างแบรนด์ RICCOSIDE ได้มีการจำหน่ายเข้าไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ เช่น บำรุงราษฎร์ ทั้งนี้ วางเป้าหมายว่ายอดขาย 400-500 ล้านบาท” รศ.ดร.พรรณวิภา กล่าว

นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอผลงานของบริษัท ไดมอนด์ เฟรช โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตน้ำนมข้าวยาคูออร์แกนิกโดยนายสมควร ศรีวิทิตกุล กรรมการผู้จัดการ  เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดข้าวแปรรูปยังเติบโตไปได้อีกมากโดยเฉพาะการแปรรูปเป็นอาหารสุขภาพ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญด้านนี้ และการเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งจากการศึกษาวิจัยของบริษัทพบว่า ข้าวมีสารไบโอแอ็กทีฟซึ่งมีคุณสมบัติลดแรงดัน ป้องกันมะเร็งมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงได้นำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำนมข้าวยาคู และสามารถส่งออกไปยังตลาดจีนได้


การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวไม่เพียงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าว แต่ยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรลดความผันผวนของราคาข้าวด้วย สิ่งสำคัญจะต้องสร้างความแตกต่างให้ผลิตภัณฑ์ และให้ความรู้กับผู้บริโภคให้รู้คุณค่าของข้าว และต้องจดทะเบียนคุ้มครองเครื่องหมายการค้า ป้องกันการลอกเลียนแบบ

แนวโน้มการส่งออกข้าวยังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก โดยปี 2563 ไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (เกิน 60 ปี) สัดส่วน 12% และ 22% ของประชากรโลก ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับการใช้ “โภชนาบำบัด” หรือการรับประทานอาหารที่เป็นยา จึงเป็นโอกาสที่เกษตรกรไทย ธุรกิจเอกชนและผู้ส่งออกไทย สามารถผลิตตอบโจทย์ได้ก็จะเป็นโอกาสสร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้น


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

TikTok ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์ที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคน ทั้งครีเอเตอร์ คอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน และธุรกิจทุกขนาดในไทย ด้วยการเปิดตัว…
pin
892 | 14/02/2024
ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะที่ยานพาหนะต่าง ๆ ทั้ง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถไฟ และเรือ ต่างมุ่งสู่การใช้เชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ที่เป็นพลังงานสะอาดกันแล้ว แต่สำหรับการเดินทางโดยอากาศยาน…
pin
1223 | 26/01/2024
จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

ปี 2024 นี้ ธุรกิจไหนมาแรง ธุรกิจไหนน่าจับตา เทรนด์ธุรกิจใดกำลังมาแรง Bangkok Bank SME สรุปมาไว้ในบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางแก่ SME และผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจทุกท่าน…
pin
1520 | 25/01/2024
จับ “ข้าว” ใส่นวัตกรรมเพิ่มมูลค่า