แนวคิด Circular Economy: ปรับตัว ต่อยอด เพิ่มโอกาสธุรกิจด้วยบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก
ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น “การใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า” กลายเป็นโจทย์สำคัญของทุกธุรกิจ แนวคิด Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน จึงเป็นแนวทางที่ช่วยให้การใช้วัสดุ และทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต และนำไปสู่การลดของเสียให้น้อยลง หรือแทบไม่เหลือเลย หากกระบวนการถูกออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพ
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง คือ “บรรจุภัณฑ์พลาสติก” ที่แม้จะถูกมองว่าเป็นวัสดุสร้างมลภาวะ แต่ในความจริงแล้ว หากรู้จักใช้แนวคิด Circular Economy มาประยุกต์อย่างถูกทาง พลาสติกก็สามารถกลับมาเป็นวัสดุที่มีคุณค่า และตอบโจทย์ตลาดได้เช่นกัน
คุณรุ่งโรจน์ บุนฑารักษ์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกชั้นนำของไทย มองเห็นโอกาสสำคัญจากการเปลี่ยนผ่านนี้ ตลอดกว่า 20 ปีในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ คุณรุ่งโรจน์ได้ขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตให้ทันสมัย พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกที่สอดคล้องกับแนวคิด Circular Economy และช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับลูกค้าในทุกระดับ

ก่อนหน้านี้ เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ เริ่มต้นจากธุรกิจครอบครัวเล็ก ๆ ที่มุ่งผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกคุณภาพสูงให้กับแบรนด์เครื่องสำอาง และสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศ จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่การเติบโตในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร” บริษัทได้สร้างทีมวิจัย และพัฒนา (R&D) ขึ้นภายใน เพื่อให้สามารถร่วมพัฒนานวัตกรรมกับลูกค้าได้ตั้งแต่ต้นทางของการออกแบบ จนถึงกระบวนการผลิตจริง
จุดแข็งที่ช่วยสร้างความแตกต่างในตลาด
สิ่งที่ทำให้เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์แตกต่างจากผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์รายอื่น คือการมองโจทย์ของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใหญ่ที่มีทีมออกแบบอยู่แล้ว หรือ SME ที่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญด้านงานออกแบบ บริษัทสามารถร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปพร้อมกับลูกค้า และออกแบบให้เหมาะสมทั้งในแง่ของฟังก์ชัน ความสวยงาม และภาพลักษณ์ของแบรนด์
คุณรุ่งโรจน์อธิบายถึงแนวทางการทำงานของเอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ว่า
“เราเป็นทั้งผู้ผลิต และที่ปรึกษาของลูกค้าด้วย บางส่วนเราออกแบบเอง แล้วทำเป็น Common File ให้ลูกค้าเลือก แต่บางส่วนเราก็ทำงานร่วมกับลูกค้า อย่างแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่มีทีมออกแบบของเขาเอง เขาอาจออกแบบมาแล้ว เราก็มีหน้าที่ช่วยดูต่อ ให้คำแนะนำว่าทำได้ หรือไม่ได้อย่างไร”
นอกจากนี้ เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ยังเสริมคุณค่าให้ลูกค้าด้วยการคำนวณ Carbon Footprint ที่ครอบคลุมตั้งแต่การได้มาของวัตถุดิบ การผลิต การกระจายสินค้า ไปจนถึงการจัดการซากผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถสื่อสารกับตลาดได้ว่าบรรจุภัณฑ์ของตนสอดคล้องกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น

Circular Economy ที่ทำได้จริงในโรงงานบรรจุภัณฑ์ไทย
เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ยึดแนวคิด Circular Economy มาประยุกต์ใช้จริง ผ่านหลัก Reduce – Reuse – Recycle และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปสื่อสารกับตลาดได้อย่างน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็น
วัสดุชนิดเดียว (Mono Material) – การลดการใช้วัสดุหลายชนิดในบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ง่ายต่อการคัดแยก และรีไซเคิลได้จริง

พลาสติกรีไซเคิลหลังการบริโภค (Post-Consumer Recycled: PCR Plastic) – บริษัทเลือกใช้เม็ดพลาสติก PCR ที่ได้จากขวด PET หรือฝาขวด ซึ่งจัดหาจากโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตออกมามีคุณภาพและน่าเชื่อถือ

บรรจุภัณฑ์แบบเติม (Refill Packaging) – การเพิ่มอายุการใช้งานของบรรจุภัณฑ์ ด้วยการออกแบบให้สามารถเปลี่ยนเฉพาะชิ้นส่วนภายใน ช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกโดยรวม

การออกแบบบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก (Eco Packaging Design) – เทคนิคการแกะลายบนแม่พิมพ์ (No Label) ลดการพิมพ์สติกเกอร์ ช่วยทั้งด้านการรีไซเคิลและต้นทุน

นวัตกรรมเหล่านี้ นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาพลาสติกได้แล้ว ยังสามารถสร้างคุณค่าทางธุรกิจที่จับต้องให้แก่ลูกค้า โดยหลายโปรเจกต์ของเอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ถูกส่งเข้าประกวด และได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่องหลายปีซ้อน ทั้งในเวที ThaiStar Packaging Award และ Asia Packaging Award ซึ่งเป็นรางวัลระดับประเทศ และระดับเอเชียที่ยืนยันถึงมาตรฐานด้านการออกแบบ และการผลิตบรรจุภัณฑ์ของบริษัทได้เป็นอย่างดี

วางรากฐานความยั่งยืนจากภายในองค์กร
คุณรุ่งโรจน์เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ต้องเริ่มจากทุกคนในองค์กร ตั้งแต่พนักงาน เจ้าหน้าที่ ไปจนถึงผู้บริหาร ก่อนจะขยายผลสู่ชุมชนโดยรอบ เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์จึงเริ่มจากการสร้างวัฒนธรรม Circular Economy ภายในองค์กรเอง หนึ่งในโครงการที่สำคัญคือ Circular Economy Learning Center ซึ่งจัดขึ้นเพื่อให้ความรู้ด้านการคัดแยก และการบริหารจัดการขยะแก่พนักงาน รวมถึงการจัดกิจกรรมประกวดไอเดียการนำของเหลือใช้มาสร้างประโยชน์ใหม่ ๆ ช่วยสร้างการมีส่วนร่วม และทำให้ทุกคนในองค์กรเห็นภาพว่า Circular Economy ไม่ใช่แค่ทฤษฎี แต่ปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ยังมีโครงการธนาคารขยะที่พนักงาน และผู้คนในชุมชนโดยรอบสามารถนำขยะรีไซเคิลมาแลกของรางวัลได้ และยังไม่รวมถึงการที่บริษัทเปิดพื้นที่ให้คนภายนอกเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน มหาวิทยาลัย ไปจนถึงซัปพลายเออร์ เรียกได้ว่าเอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ ไม่ได้ทำแค่ CSR ชั่วคราว แต่สามารถสร้างทัศนคติ (Mindset) ด้านความยั่งยืนที่หยั่งรากลึกตั้งแต่ในองค์กร ก่อนจะขยายผลสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4 กลยุทธ์ที่ผลักดันให้ เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ ยืนหนึ่งในตลาดบรรจุภัณฑ์ไทย
ท่ามกลางตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน สิ่งที่สร้างความแตกต่างของผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์คือวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และการสร้างคุณค่าเพิ่มให้ธุรกิจ ซึ่งเอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ คือหนึ่งในตัวอย่าง SME ไทยที่พิสูจน์ให้เห็นว่าการมุ่งสู่ความยั่งยืน และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถยืนหนึ่งในตลาดที่เต็มไปด้วยคู่แข่งได้อย่างมั่นคง
มองการณ์ไกลและปรับตัวได้เร็ว
ในช่วงที่ทั่วโลกเริ่มตั้งคำถามกับการใช้พลาสติก เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์มองเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างรอบด้าน และเลือกที่จะ ‘ปรับตัวเชิงรุก’ ด้วยการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
คุณรุ่งโรจน์อธิบายว่า การพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ตลาดยุคใหม่ไม่ใช่แค่การเดินตามเทรนด์ แต่คือการมองการณ์ไกล และพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ เมื่อเห็นแนวโน้มใหม่ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรม
เน้นการสร้างคุณค่าของธุรกิจ
บริษัทให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีการจัดทำรายงาน Carbon Footprint ในระดับผลิตภัณฑ์ เพื่อวัดผลการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการผลิต และต่อยอดสู่ระดับองค์กร เพื่อประเมินผลการปล่อยคาร์บอนจากการดำเนินงานโดยรวมอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างต่อเนื่อง
อีกทั้ง ยังเสริมบริการด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่ลูกค้า ด้วยการคำนวณ Carbon Footprint ของผลิตภัณฑ์ (Product Carbon Footprint) เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถสื่อสารกับตลาดได้อย่างโปร่งใส ว่าบรรจุภัณฑ์ที่ใช้มีการจัดการอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมระดับสากล
การดำเนินงานเชิงรุกทั้งในระดับองค์กร และระดับผลิตภัณฑ์นี้ ทำให้เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งใน และต่างประเทศที่ต้องการคู่ค้าธุรกิจซึ่งมีเป้าหมายด้านความยั่งยืนร่วมกัน
นวัตกรรมที่นำไปใช้ได้จริง
เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ได้มีการนำนวัตกรรมมาใช้จริง เช่น การพัฒนา Mono Material ที่ลดความซับซ้อนของวัสดุในบรรจุภัณฑ์ การใช้ PCR Plastic ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน และการออกแบบ Refill Packaging ที่ช่วยลดปริมาณพลาสติก โดยผลงานเหล่านี้ได้รับการันตีด้วยรางวัลใหญ่ระดับประเทศ และเอเชีย
Mindset องค์กรที่ยั่งยืน
อีกหนึ่งปัจจัยที่สะท้อนถึงความจริงจังของเอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ คือการทำ Circular Economy จากภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นโครงการธนาคารขยะ ศูนย์การเรียนรู้ Circular Economy การประกวดไอเดียรีไซเคิล ไปจนถึงการทำงานร่วมกับโรงเรียน มหาวิทยาลัย และซัปพลายเออร์ เป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของทุกคน

“เราพยายามไม่หยุดอยู่นิ่ง ในฐานะ SME ผมมองว่าเราต้องเรียนรู้ตลอดเวลา”
สิ่งสำคัญคือ เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์ไม่ได้ทำเพียง เพื่อขายสินค้าอย่างเดียว แต่เลือกที่จะสร้างคุณค่าร่วมกับลูกค้า ผ่านการออกแบบและการให้คำปรึกษา ขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการปลูกฝังแนวคิด Circular Economy ภายในองค์กร และขยายผลสู่ชุมชนโดยรอบ
แม้จะอยู่ในยุคที่พลาสติกถูกตั้งคำถามจากทั่วโลก แต่เอ.เบสท์ อินเตอร์ โปรดักส์กลับเลือกที่จะเผชิญความท้าทายนี้อย่างตรงไปตรงมา และเปลี่ยนมันให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ นี่คือบทเรียนที่ SME ไทยทุกแห่งสามารถเรียนรู้ได้ว่า การเติบโตอย่างยั่งยืนเริ่มต้นจากการไม่หยุดนิ่ง พร้อมเรียนรู้และปรับตัวไปกับโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

