ระบบหลังบ้านที่แข็งแรง พา “เดลี่ฟู้ดส์” ไปไกลกว่าคำว่าเติบโต
สำหรับ SME ไทยหลายแห่ง ความท้าทายคือการทำให้โครงสร้างภายในแข็งแรงพอที่จะรองรับการเติบโตระยะยาว หากระบบหลังบ้านยังไม่เป็นมืออาชีพ การขยายตลาดย่อมเสี่ยงต่อการล้มเหลว นี่คือบทเรียนที่สะท้อนให้เห็นชัดจากหลายธุรกิจที่เคยรุ่งเรือง แต่ไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับบริบทใหม่ได้ และสุดท้ายก็กลายเป็น “บริษัทซอมบี้” (Zombie Company) ที่อยู่รอดอย่างไร้ทิศทาง
ในทางกลับกัน ธุรกิจที่มองเห็นความสำคัญของโครงสร้างองค์กรและการพัฒนากระบวนการ มักจะสามารถพลิกความท้าทายให้กลายเป็นโอกาสได้มากกว่า อย่าง “บริษัท เดลี่ฟู้ดส์ จำกัด” ที่เป็นตัวอย่างได้อย่างชัดเจน ในเรื่องของการเปลี่ยนผ่านที่ไม่เพียงแค่รักษามรดกจากผู้ก่อตั้งเอาไว้ได้ แต่ยังวางระบบการบริหารแบบใหม่ทำให้องค์กรพร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า
การเปลี่ยนผ่านที่เริ่มจาก “หลังบ้าน”
แน่นอนว่าการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจครอบครัวไม่เคยเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นอย่างกะทันหันหลังการจากไปของผู้ก่อตั้ง ทำให้ต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อ คุณกฤษณพน ปฏิมาวิรุจน์ ทายาทรุ่นที่สอง จบการศึกษาจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท MBA จากประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนเข้ามารับหน้าที่บริหารโรงงานเต็มตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำงานสายนี้โดยตรง
คุณกฤษณพนเล่าว่า ช่วงแรกเขาใช้เวลานานถึง 6 ปีเพื่อเรียนรู้ทุกอย่างใหม่ทั้งหมด ความท้าทายไม่ได้อยู่ที่การสืบต่อธุรกิจเดิม หากแต่อยู่ที่การจัดการกับโครงสร้างภายในที่ยังคงเป็นแบบครอบครัว ไม่มีการแบ่งแยกหน้าที่ชัดเจน และไม่มีระบบบริหารที่ทันสมัย
ดังนั้น สิ่งแรกที่คุณกฤษณพนลงมือทำจึงเป็นการจัดการระบบหลังบ้านให้แข็งแรง เริ่มจากการทยอยปรับทีมงาน ดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมแทนบุคลากรที่ไม่สามารถปรับตัวได้ พร้อมปรับสวัสดิการให้ดีขึ้น และนำเครื่องมือสำหรับการบริหารจัดการองค์กรมาใช้ เช่น การทำบัญชีโดยผู้สอบบัญชีที่มีมาตรฐาน การวางระบบควบคุมภายในให้มีความน่าเชื่อถือ และที่สำคัญคือ การติดตั้ง SAP (Systems, Applications & Products in Data Processing) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ด้านการจัดการองค์กรที่ช่วยเชื่อมโยงข้อมูลทุกฝ่ายให้ทำงานสอดประสานกันมากขึ้น
คุณกฤษณพนยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ง่ายเลย แต่จำเป็นต้องทำ
“สมัยที่คุณพ่อยังอยู่ ท่านบริหารงานแบบครอบครัว ไม่มีการแบ่งแยกหน้าที่ชัดเจน จนผมเข้ามาปรับโครงสร้าง ด้วยการคัดเลือกคนให้มีความสามารถตรงกับงาน และวัดผลด้วย KPI ทำให้หลาย ๆ อย่างเริ่มเป็นระบบมากขึ้น”
การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ทำให้เดลี่ฟู้ดส์ก้าวข้ามจากธุรกิจครอบครัว ไปสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven Company) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเตรียมความพร้อมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
4 เสาหลักในการปรับตัวของเดลี่ฟู้ดส์ เพื่อเข้าสู่ยุคใหม่อย่างสมบูรณ์
หลังจากวางรากฐานภายในองค์กรให้มีความมั่นคงระดับหนึ่งแล้ว คุณกฤษณพนจึงพาเดลี่ฟู้ดส์ขยับไปสู่การปรับตัวเชิงกลยุทธ์ในทุกมิติ ทั้งกระบวนการผลิต การพัฒนาสินค้า การเข้าถึงผู้ประกอบการ และการขยายตลาดต่างประเทศ โดยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ถือเป็นการสร้างเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจนสำหรับอนาคต
1. กระบวนการผลิต
คุณกฤษณพนเดินหน้าลงทุนใน Automation เพื่อทดแทนแรงงานที่หายากและต้นทุนสูง รวมทั้งลดของเสียที่อาจเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ และทำให้มาตรฐานการผลิตดีขึ้น ในขณะเดียวกัน บริษัทยังเปลี่ยนจากการประชุมรายเดือนมาเป็นการประชุมทีมขายและฝ่ายผลิตทุกสัปดาห์ เพื่อให้ปัญหาถูกแก้ไขได้ทันที และทำให้ทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
2. การพัฒนาสินค้า
อีกหนึ่งแนวทางการวางรากฐานเพื่ออนาคตในรูปแบบของ คุณกฤษณพน คือ การจัดตั้งหน่วยงาน R&D เพื่อเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งในกลุ่ม OEM Plant-based และเครื่องดื่มพร้อมดื่ม เพื่อตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพที่กำลังมาแรง พร้อมพัฒนา Fighting Brand เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านราคา และมองไปถึงโอกาสจากเทรนด์สังคมผู้สูงวัยที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ คุณกฤษณพน ยังชี้ให้เห็นว่า แม้ตลาดในประเทศจะเริ่มอิ่มตัว แต่ประเทศเพื่อนบ้านยังมีศักยภาพในการเติบโตของสินค้าเหล่านี้สูงอย่างต่อเนื่อง
3. การเข้าถึงผู้ประกอบการ0
เมื่อผู้ประกอบการร้านกาแฟและเบเกอรี่เปลี่ยนพฤติกรรมในการสต๊อกสินค้าจากการซื้อจำนวนมาก มาเป็นการซื้อแบบ Just-in-time (JIT) เดลี่ฟู้ดส์จึงปรับตัวตามตลาด โดยเพิ่มช่องทางสั่งซื้อออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการ และใช้พันธมิตรจัดจำหน่ายในต่างจังหวัดช่วยกระจายสินค้า เพื่อเข้าถึงผู้ประกอบการได้ รวดเร็วและครอบคลุมมากขึ้น
4. การขยายตลาดต่างประเทศ
ในมิติของตลาดต่างประเทศ เดลี่ฟู้ดส์มุ่งโฟกัสที่ลาว และเวียดนาม โดยอาศัยความแข็งแรงของพันธมิตรจัดจำหน่ายเดิมที่มีอยู่แล้ว แม้จะเผชิญปัญหาทางการเมืองและการแข่งขันจากผู้เล่นใหม่ ๆ แต่คุณกฤษณพนยังคงเชื่อว่าความนิยมสินค้าไทยจะกลับมา และประเทศเพื่อนบ้านก็ยังคงเป็นโอกาสสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในตอนนี้
เมื่อระบบแข็งแรง ธุรกิจจึงก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
ทุกการเปลี่ยนแปลงที่เดลี่ฟู้ดส์ทำ ส่งผลให้บริษัทเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ชัดเจน เริ่มจากการบริหารที่โปร่งใสและวางแผนได้แม่นยำขึ้น เพราะข้อมูลทางการเงินและการดำเนินงานถูกจัดเก็บเป็นระบบ และมีการควบคุมภายในที่ตรวจสอบได้จริง นอกจากนี้ บริษัทยังสามารถคาดการณ์และแก้ปัญหาได้เร็วขึ้นจากการประชุมรายสัปดาห์ เห็นข้อมูลการผลิตและยอดขายแบบเรียลไทม์ และรู้ว่าควรปรับทิศทางอย่างไรโดยไม่ต้องรอให้ปัญหาลุกลาม สิ่งเหล่านี้ทำให้เดลี่ฟู้ดส์สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรอบคอบแม้ในตลาดที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้
ในแง่ของการลงทุน การเลือกใช้ Automation ไม่เพียงช่วยลดแรงงานคน แต่ยังช่วยลดการสูญเสียที่มองไม่เห็น เช่น ความผิดพลาดเล็ก ๆ ในสายการผลิตที่สร้างต้นทุนจำนวนมากในระยะยาว การตัดสินใจลงทุนในเครื่องมือเหล่านี้จึงเป็นการป้องกันความผิดพลาด เพื่อให้ผลผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคุณกฤษณพนย้ำชัดว่า
“สิ่งที่เราเน้นมาตลอดคือโครงสร้าง ถ้าหลังบ้านแข็งแรง การก้าวไปข้างหน้าก็ทำได้ง่ายขึ้น เพราะทุกอย่างมีระบบที่สามารถตรวจสอบและวัดผลได้”
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ เดลี่ฟู้ดส์สามารถรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจ และในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่และทรัพยากรเพียงพอที่จะทดลองสินค้าใหม่ ๆ และขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้โดยไม่มีสะดุด
ยึดแนวคิด “ยืนเคียงข้างผู้ประกอบการ” เติบโตไปด้วยกันตั้งแต่วันแรก
สิ่งที่ทำให้เดลี่ฟู้ดส์แตกต่างจากหลายธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหาร ไม่ได้อยู่ที่ผลิตภัณฑ์หรือเครื่องจักรที่ทันสมัยเท่านั้น แต่คือแนวคิดในการทำธุรกิจที่ชัดเจนตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน นั่นคือ การยืนอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการ
ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เดลี่ฟู้ดส์ไม่ได้เพียงส่งมอบวัตถุดิบคุณภาพ แต่ยังอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการ ผ่านหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การจัดกิจกรรมชิงโชคที่ทำให้ได้พบผู้ประกอบการที่ใช้สินค้ามายาวนานจากรุ่นพ่อแม่ถึงรุ่นลูก ไปจนถึงการสนับสนุนด้านการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และเครือข่ายกระจายสินค้าทั่วประเทศ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ของเดลี่ฟู้ดส์ไม่ใช่เพียงวัตถุดิบทั่ว ๆ ไป แต่คือ “เครื่องมือ” ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการค้าขายได้มั่นคง และเติบโตไปพร้อมกับบริษัทอย่างแท้จริง
“สิ่งที่เราทำมาตลอดคือการยืนเคียงข้างผู้ประกอบการ เขาต้องค้าขายได้ดีขึ้น
มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าพวกเขาอยู่รอด เราก็รอดไปด้วยกัน”
บทเรียนนี้สะท้อนชัดว่า การสร้างระบบหลังบ้านที่แข็งแรงคือรากฐานสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเดินต่อได้อย่างมั่นคง ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องไม่เพียงเพื่อการเติบโตของบริษัทเท่านั้น แต่ยังต้องทำให้ผู้ประกอบการสามารถก้าวไปด้วยกันได้ เพราะการหาคู่ค้าใหม่ย่อมยากกว่าการรักษาความสัมพันธ์เดิม การมองประโยชน์ระยะยาวจึงอยู่ที่การสร้างสายสัมพันธ์ที่มั่นคงและเติบโตร่วมกัน
นี่คือ Mindset ที่คุณกฤษณพนยึดมั่นมาตลอดว่า หากผู้ประกอบการทำมาค้าขายได้ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี เดลี่ฟู้ดส์ก็จะก้าวเดินไปในทิศทางที่ดีด้วยเช่นกัน