ระบบแข็งแรง ไม่แข่งราคา: กลยุทธ์สร้างคุณค่าของ “เวลล์คอน อินทีเรีย”

SME in Focus
31/10/2025
รับชมแล้วทั้งหมด 1 คน
ระบบแข็งแรง ไม่แข่งราคา: กลยุทธ์สร้างคุณค่าของ “เวลล์คอน อินทีเรีย”
banner

Wellcon Interior: ผู้นำด้านการตกแต่งภายในแบบครบวงจร ที่ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม

ในแวดวงธุรกิจออกแบบตกแต่งภายในและงานก่อสร้าง บริษัท เวลล์คอน อินทีเรีย จำกัด ได้สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การอ่านและวิเคราะห์แบบก่อสร้าง การจัดทำ Shop Drawing การผลิตชิ้นงานในโรงงาน ไปจนถึงการติดตั้งหน้างานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฐานลูกค้าหลักครอบคลุมทั้งโรงแรม รีสอร์ต ร้านค้าปลีก และแบรนด์หรูระดับไฮเอนด์

สิ่งที่ทำให้ Wellcon Interior โดดเด่นและน่าจับตามอง คือการวางตำแหน่งแบรนด์ (Brand Positioning) ที่เหนือกว่าผู้รับเหมาทั่วไป ด้วยบทบาทของ “ผู้จัดการกระบวนการ (Process Manager)” ที่นำเทคโนโลยีและระบบบริหารจัดการหลังบ้านมาใช้ในการควบคุมคุณภาพและต้นทุนอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับลูกค้า

เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ คุณบัญชา ลิ้มวรรัตน์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัท ซึ่งเติบโตจากสายงานออกแบบและก่อสร้างตั้งแต่เริ่ม และเป็นหนึ่งในผู้ให้ความสำคัญการใช้เทคโนโลยีออกแบบ 3D ในยุคแรกๆ 3D survey, BIM, CNC เพื่อนำมาผลิต ความได้เปรียบในการเริ่มต้นเร็วกว่าใคร ทำให้คุณบัญชาสามารถวางรากฐานธุรกิจที่แตกต่าง และขับเคลื่อน Wellcon Interior ให้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นคง


สองตลาด สองบทบาท กลยุทธ์คู่ขนานที่ต้องขับเคลื่อน

ปัจจุบัน เวลล์คอน อินทีเรียดำเนินธุรกิจอยู่ในสองสนามที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ได้แก่ งานโครงการประมูลเช่นโรงแรม 90% และงานบ้านและคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์อีก 10% 

งานโครงการประมูล

งานในกลุ่มนี้มาจากโครงการที่เจ้าของ (Owner) หรือที่ปรึกษา (Consultant) เปิดเชิญผู้รับเหมาเข้าประมูล โดยทั่วไปจะคัดเลือกจากรายชื่อบริษัทที่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งอาจเป็นการแนะนำจากดิไซเนอร์ หรือเป็นผู้รับเหมาที่มีชื่อเสียงในตลาดอยู่แล้ว จำนวนคู่แข่งในแต่ละครั้งประมาณ 3–4 ราย เพื่อให้เจ้าของโครงการสามารถเปรียบเทียบคุณภาพและราคาได้ชัดเจน

กลยุทธ์ในการชนะงาน

เวลล์คอน อินทีเรียเชื่อว่าความน่าเชื่อถือคือหัวใจสำคัญ กล่าวคือ ความเป็นมืออาชีพ เชื่อใน process ขั้นตอนการทำงาน และสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างรวดเร็ว เพราะโครงการใหญ่ ๆ เช่น โรงแรมหรือช็อปไฮแบรนด์ มักมีมาตรฐานสูงและไม่ยอมรับความเสี่ยง

กระบวนการทำงาน

หลังได้รับแบบจากดิไซเนอร์ ทางทีมงานจะทำความเข้าใจแบบให้ละเอียด เพื่อหาช่องว่างที่อาจก่อให้เกิดปัญหาหน้างาน จากนั้นจะแปลงแบบสถาปัตย์เป็น Shop Drawing และ3D โมเดลที่พร้อมผลิตจริง โดยมีการทำ Mock-up และตรวจสอบคุณภาพที่โรงงานก่อนส่งเข้าหน้างาน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกชิ้นงานสามารถประกอบได้จริงตามสเปก ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดจะถูกวางแผนเป็นเฟส (Phase) ส่งผลให้การติดตั้งเป็นระบบและควบคุมคุณภาพได้อย่างใกล้ชิด

เกณฑ์ความสำเร็จ

ลูกค้าจะพิจารณาจากการส่งมอบงานที่ตรงสเปก ตรงเวลา และควบคุมงบประมาณได้ หากทำได้ครบสามเงื่อนไขนี้ ย่อมสร้างโอกาสให้ได้งานต่อเนื่องจากลูกค้าเจ้าเดิม รวมถึงเพิ่มโอกาสที่จะมีชื่ออยู่ในลิสต์ประมูลครั้งถัดไปด้วย


งานบ้านและคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์

ลูกค้ากลุ่มนี้คือเจ้าของบ้านหรือคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ที่ต้องการงานพิถีพิถัน มีรสนิยมเฉพาะตัว และพร้อมมีส่วนร่วมกับผู้ออกแบบในทุก ๆ ขั้นตอน โดยมูลค่างานตกแต่งมักเริ่มตั้งแต่ 5–30 ล้านบาท หรือมากกว่า ตลาดนี้แม้จะเล็กแต่ก็มีอุปสงค์ (Demand) ต่อเนื่อง เนื่องจากบ้านและคอนโดมิเนียมระดับบนเป็นสินทรัพย์ที่เจ้าของอยากลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งในแง่ของการอยู่อาศัยและภาพลักษณ์

การคัดลูกค้า

การร่วมงานกับลูกค้ากลุ่มนี้ คุณบัญชากล่าวว่า “ไม่ใช่ใครก็ได้” แต่เป็นการเลือกซึ่งกันและกัน โดยทางบริษัทจะตรวจสอบเบื้องต้นจากการบรีฟงาน รสนิยม งบประมาณ และเวลาของลูกค้า ว่าพร้อมร่วมออกแบบกับบริษัทหรือไม่ เพราะหากลูกค้าให้ความสำคัญกับรายละเอียดและพร้อมทุ่มเวลาให้กับโปรเจกต์ นั่นคือสัญญาณว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมในการทำงานร่วมกัน

กระบวนการทำงาน

เน้นการทำงานในลักษณะ Workshop และ Co-creation ลูกค้ามีส่วนร่วมตั้งแต่การเลือกสไตล์ วัสดุ ไปจนถึงการตัดสินใจรายละเอียดในแต่ละจุด โดยทางเวลล์คอน อินทีเรียจะทำ Mock-up ชิ้นส่วนหลัก ๆ และนัดลูกค้ามาดูงานที่โรงงาน เพื่อสัมผัสคุณภาพจริงก่อนนำไปติดตั้ง มีการสื่อสารเป็นระบบ ทำให้ลูกค้าเข้าใจทุกขั้นตอน และรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของงาน

คุณบัญชาอธิบายว่า “ถ้าเป็นงานบ้านไฮเอนด์ เราต้องเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง งานลักษณะนี้จำเป็นต้องให้เวลา และทำงานในฐานะพาร์ตเนอร์ที่ร่วมออกแบบไปกับเขาจริง ๆ”

เกณฑ์ความสำเร็จ

นอกจากการส่งมอบงานให้เสร็จตามกำหนดเวลาแล้ว ลูกค้ายังต้องพึงพอใจในเชิงรายละเอียดและสามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน เช่น การออกแบบพื้นที่สำหรับงานอดิเรกส่วนตัว หรือโซนสำหรับสัตว์เลี้ยงในบ้าน ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเวลล์คอน อินทีเรียเข้าใจชีวิตและรสนิยมของพวกเขาจริง ๆ

“ตอนนี้งานบ้านไฮเอนด์คิดเป็นเพียง 10% แต่ถ้าในอนาคตเพิ่มขึ้นเป็น 25% และยังรักษายอดรวมไว้ได้เท่าเดิม สัดส่วนของงานก็จะสมดุลมากขึ้นที่ 75/25”


จุดขายที่ทำให้เวลล์คอน อินทีเรียต่างจากผู้รับเหมาทั่วไป

ในอุตสาหกรรมตกแต่งภายใน ผู้รับเหมาส่วนใหญ่มีรูปแบบการทำงานที่ใกล้เคียงกัน คือรับแบบจากดิไซเนอร์แล้วส่งต่อไปฝ่ายผลิต แต่เวลล์คอน อินทีเรียเลือกที่จะควบคุมทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง และลงทุนระบบหลังบ้านอย่างจริงจัง ทั้งทางด้าน software และ hardware เพื่อให้มั่นใจว่างานที่ออกมามีคุณภาพตรงตามแบบและตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน

ให้บริการแบบ One-stop Service

สำหรับเวลล์คอน อินทีเรีย “One-stop Service” หมายถึงการดูแลทุกขั้นตอนของงานตกแต่งภายในอย่างครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การถอดdetail งานfurniture งานการก่อสร้าง ไปจนถึงการผลิตเฟอร์นิเจอร์ในโรงงานของตนเอง บริษัทเลือกบริหารทุกกระบวนการด้วยทีมงานภายใน เพื่อควบคุมคุณภาพและรายละเอียดให้ออกมาตรงตามแบบที่วางไว้

แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยให้การสื่อสารในแต่ละเฟสของงานเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในทุกขั้นตอน เพราะทุกชิ้นงานผ่านการตรวจสอบและดูแลอย่างใกล้ชิดภายใต้มาตรฐานเดียวกัน

ลงทุนระบบดิจิทัลและหลังบ้าน เพื่อควบคุมคุณภาพและต้นทุน

เวลล์คอน อินทีเรียให้ความสำคัญกับ “ระบบหลังบ้าน” มาโดยตลอด และเป็นหนึ่งในองค์กรที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยบริหารงานอย่างจริงจัง เพื่อให้ทุกหน่วยงานทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ERP (Enterprise Resource Planning) ถูกนำมาใช้เชื่อมโยงข้อมูลของทุกฝ่ายไว้ในระบบเดียว

  • ด้านการผลิต: ใช้บันทึกข้อมูลวัตถุดิบและสถานะของชิ้นงานในแต่ละโปรเจกต์ ทำให้สามารถติดตามและควบคุมต้นทุนได้แบบเรียลไทม์

  • ด้านบัญชีและการเงิน: ระบบช่วยลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลจากเอกสารเดิม และอัปเดตตัวเลขอัตโนมัติ ช่วยให้ฝ่ายบริหารมองเห็นภาพรวมทางการเงินได้ชัดเจนขึ้น

  • ด้านทรัพยากรบุคคล: ใช้ระบบ digital ควบคู่กับ ERP เพื่อบันทึกเวลาเข้า–ออกงานและเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบเงินเดือนอย่างแม่นยำ

นอกจากนี้ ยังมี Project Management Software ที่ใช้ติดตามความคืบหน้างานของแต่ละฝ่ายแบบเรียลไทม์ ช่วยลดความผิดพลาดจากการสื่อสาร และระบบคลังวัสดุแบบแยกโปรเจกต์ (Warehouse Management) ที่ทำให้สามารถคำนวณและบริหารสต๊อกได้อย่างแม่นยำ

การลงทุนในระบบเหล่านี้ทำให้เวลล์คอน อินทีเรียสามารถทำงานได้รวดเร็ว โปร่งใส และควบคุมคุณภาพได้ในทุกจุด ส่งผลให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนโดยรวมขององค์กรได้อย่างชัดเจน

ใช้เทคโนโลยีและข้อมูล เพื่อขับเคลื่อนมาตรฐานงาน

นอกจากระบบหลังบ้านแล้ว เวลล์คอน อินทีเรียยังผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การแปลงแบบสถาปัตย์เป็นโมเดล 3D เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพจริงก่อนผลิต ไปจนถึงการส่งไฟล์เข้าสู่เครื่องจักร CNC เพื่อผลิตชิ้นส่วนได้ตรงตามแบบโดยไม่เกิดความคลาดเคลื่อน

แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน แต่ยังยกระดับมาตรฐานงานให้อยู่ในระดับเดียวกับผู้ผลิตระดับสากล และเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้เวลล์คอน อินทีเรียสามารถรักษาคุณภาพงานได้อย่างสม่ำเสมอในทุกโปรเจกต์


เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการออกแบบ

บริษัทเปิดโอกาสให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในทุกกระบวนการของการทำงาน โดยลูกค้าสามารถเข้ามาตรวจสอบ Mock-up หรือเฟอร์นิเจอร์ที่โรงงานได้จริง และการตัดสินใจต่าง ๆ จะถูกแบ่งเป็นระยะอย่างชัดเจน ไม่ใช่การบังคับให้ลูกค้าตัดสินใจทั้งหมดในครั้งเดียว ทำให้ลูกค้ามีความเข้าใจ และรู้สึกมั่นใจว่าผลงานที่ได้ตรงกับความต้องการ


บทเรียนจากเวลล์คอน อินทีเรีย สำหรับผู้ประกอบการ

ประสบการณ์กว่า 30 ปีในเส้นทางการออกแบบและการก่อสร้าง ทำให้คุณบัญชามองเห็นบทเรียนสำคัญที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ดังนี้

เริ่มเรียนรู้ให้ไว

คุณบัญชาเล่าว่า ประสบการณ์หลายอย่างที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับงานโดยตรง กลับกลายมาเป็นประโยชน์ในภายหลัง เขายกตัวอย่างว่าตอนเรียนสายศิลป์ไม่ถนัดเรื่องการเงินและการบัญชี แต่เมื่อมาทำธุรกิจจริง กลับค้นพบว่าการเงินและการบัญชีคือบทสรุปของทุกอย่าง และเป็นสิ่งที่กำหนดว่าธุรกิจจะไปต่อได้หรือไม่ ดังนั้น ผู้ประกอบการควรเปิดรับการเรียนรู้ในทุกโอกาส อย่าปฏิเสธความรู้เพียงเพราะดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง เพราะวันหนึ่งอาจกลายเป็นอาวุธสำคัญที่ใช้ขับเคลื่อนธุรกิจได้จริง

ควรวางระบบก่อนสิ่งอื่นใด

หนึ่งในรากฐานความแข็งแรงของเวลล์คอน อินทีเรีย มาจากการจัดการระบบหลังบ้านตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งการบัญชี การเงิน และกระบวนการผลิต โดยคุณบัญชาย้ำว่าหากระบบเหล่านี้ไม่เข้าที่ การทำงานก็จะสะดุด และอาจเกิดปัญหาตามมาไม่รู้จบ ดังนั้น หากมีระบบที่ชัดเจนตั้งแต่แรก เช่น การใช้ ERP แทนการทำงานแบบ Manual หรือการจัดการกระบวนการทำงาน (Workflow) ด้วยซอฟต์แวร์ จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรับมือกับงานที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น

ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพและพาร์ตเนอร์

สิ่งที่ทำให้เวลล์คอน อินทีเรียได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องคือการทำงานด้วยความจริงใจ โปร่งใส และรักษาสัญญากับลูกค้าเสมอ แม้วันหนึ่งอัตราการชนะงาน (Winning Rate) ในตลาดอาจไม่สูงเหมือนเดิม แต่ลูกค้าที่เคยร่วมงานกับเราแล้วพึงพอใจ ก็ย่อมพร้อมที่จะกลับมาว่าจ้างซ้ำเสมอ

เลือกตลาดให้ถูก

คุณบัญชามองว่าการแข่งขันในตลาดที่เป็น Red Ocean เช่น งานตกแต่งเชิงแมสที่เน้นแข่งขันด้านราคา เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะกับแนวทางของบริษัท เพราะไม่สามารถใช้คุณค่าที่แตกต่างไปแข่งขันได้ positioning เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกค้ารู้จัก คุณบัญชาเลือกตลาดที่มีมูลค่า อย่างช็อปไฮแบรนด์ โรงแรม หรือบ้านระดับไฮเอนด์ ที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับรายละเอียดและคุณภาพมากกว่าราคา ทำให้เวลล์คอน อินทีเรียสามารถใช้ความเชี่ยวชาญและกระบวนการที่แตกต่างในการสร้างคุณค่าให้แบรนด์

ระบบการเงินต้องชัดเจน

คุณบัญชาแยกการเงินส่วนตัวและการเงินของบริษัทออกจากกันตั้งแต่วันแรก เพราะเคยเห็นปัญหาที่ผู้รับเหมาหลายรายต้องเจอ เมื่อแยกบัญชีการเงินส่วนตัวกับบริษัทไม่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถบริหารธุรกิจต่อได้ การบริหารเงินอย่างมีวินัยและการมองการลงทุนในระยะยาวจึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจแข็งแรงและยั่งยืนได้ในที่สุด


“เวลล์คอน อินทีเรียไม่เพียงเป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ แต่ใส่ใจทุกรายละเอียดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”


ตลอดเส้นทาง เวลล์คอน อินทีเรียได้แสดงให้เห็นว่า ความแตกต่างของบริษัทไม่ได้เกิดจากการรับงานให้ได้มากที่สุด แต่เกิดจากการสร้างระบบที่แข็งแรงตั้งแต่หลังบ้าน การลงทุนในเทคโนโลยีในการออกแบบและผลิต ความรู้ของบุคลากรเพื่อควบคุมคุณภาพและการทำงานให้มีประสิทธิภาพตลอดเวลา 

ดังนั้น สำหรับผู้ประกอบการ SME บทเรียนที่ชัดเจนจากเวลล์คอน อินทีเรียคือ การสร้างความโดดเด่นในตลาดไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ราคาหรือปริมาณงาน แต่คือการสร้างคุณค่าที่ลูกค้าสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ เมื่อระบบแข็งแรง ทีมงานมั่นคง และความสัมพันธ์กับลูกค้าถูกวางไว้บนความซื่อตรงและความใส่ใจในรายละเอียด ธุรกิจก็พร้อมที่จะยืนหยัดและขยายตัวในตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขันได้อย่างเต็มศักยภาพ


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ระบบแข็งแรง ไม่แข่งราคา: กลยุทธ์สร้างคุณค่าของ “เวลล์คอน อินทีเรีย”

ระบบแข็งแรง ไม่แข่งราคา: กลยุทธ์สร้างคุณค่าของ “เวลล์คอน อินทีเรีย”

Wellcon Interior: ผู้นำด้านการตกแต่งภายในแบบครบวงจร ที่ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมในแวดวงธุรกิจออกแบบตกแต่งภายในและงานก่อสร้าง บริษัท เวลล์คอน…
pin
1 | 31/10/2025
ฟังเสียงลูกค้าและใช้ดาต้าให้เป็น สูตรสำเร็จที่ทำให้ “ม่านเมือง” ยืนหนึ่งกว่า 30 ปี

ฟังเสียงลูกค้าและใช้ดาต้าให้เป็น สูตรสำเร็จที่ทำให้ “ม่านเมือง” ยืนหนึ่งกว่า 30 ปี

กลางกรุงเทพฯ ที่รายล้อมด้วยตึกสูงและโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย ยังมีเรือนไม้ทรงไทลื้อหลังหนึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านสัมมากร รามคำแหง 112 “ร้านอาหารม่านเมือง”…
pin
1 | 28/10/2025
แนวคิด Circular Economy: ปรับตัว ต่อยอด เพิ่มโอกาสธุรกิจด้วยบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก

แนวคิด Circular Economy: ปรับตัว ต่อยอด เพิ่มโอกาสธุรกิจด้วยบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น “การใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า” กลายเป็นโจทย์สำคัญของทุกธุรกิจ แนวคิด Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน…
pin
1 | 25/10/2025
ระบบแข็งแรง ไม่แข่งราคา: กลยุทธ์สร้างคุณค่าของ “เวลล์คอน อินทีเรีย”