Big Data คืออะไร? สุดยอดคู่มือฉบับสมบูรณ์ อัปเดต 2025

SME Update
27/10/2025
รับชมแล้วทั้งหมด 0 คน
Big Data คืออะไร? สุดยอดคู่มือฉบับสมบูรณ์ อัปเดต 2025
banner

รู้หรือไม่ว่า ทุก ๆ 1 วินาที โลกของเรามีข้อมูลเกิดขึ้นใหม่มากกว่า 1.7 MB ต่อคน? ไม่ว่าจะเป็นการไถดูฟีดบน Facebook การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ การสตรีม Netflix หรือแม้แต่การเปิด Google Maps ข้อมูลเหล่านี้กำลังถูกสร้างและสะสมอย่างต่อเนื่อง จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า Big Data

สำหรับหลายธุรกิจ ความหมายของ Big Data อาจฟังดูยิ่งใหญ่และซับซ้อน แต่แท้จริงแล้ว หากเข้าใจและใช้มันอย่างถูกวิธี ข้อมูลที่ดูมหาศาลและไร้ทิศทางนี้สามารถกลายเป็น “ขุมทรัพย์” ที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้จริง

แล้ว Big Data คืออะไรกันแน่? มาค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน



Big Data คืออะไร? นิยามที่แท้จริงที่มากกว่าแค่ “ข้อมูลขนาดใหญ่”

เมื่อพูดถึงความหมายของ Big Data หลายคนมักเข้าใจเพียงว่าเป็นข้อมูลที่มีขนาดใหญ่มหาศาล แต่แท้จริงแล้ว Big Data ไม่ได้ถูกนิยามด้วยปริมาณเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ทำให้ข้อมูลนั้นจัดอยู่ในกลุ่ม Big Data คือ ความซับซ้อน (Complexity) ของข้อมูลที่เกิดจากหลายมิติ ได้แก่ ปริมาณที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ความเร็วในการไหลเข้ามา และความหลากหลายของรูปแบบข้อมูล

สรุปแล้ว Big Data หมายถึง ข้อมูลจำนวนมหาศาลที่มีความซับซ้อน หลากหลาย และไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถจัดการได้ด้วยวิธีการแบบดั้งเดิม แต่ต้องใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือขั้นสูงเพื่อวิเคราะห์และตอบคำถามสำคัญ เช่น

  • ลูกค้าของเราชอบหรือไม่ชอบอะไร?

  • แนวโน้มความต้องการสินค้าในอนาคตจะเป็นอย่างไร?

  • พื้นที่ไหนควรลงทุนขยายสาขาใหม่?

  • อะไรคือความเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง?


ลักษณะสำคัญของ Big Data มีอะไรบ้าง? อธิบาย 5V's ฉบับเข้าใจง่าย

1. Volume (ปริมาณ)

ความหมายของ Big Data มักถูกนิยามด้วยปริมาณข้อมูลมหาศาล ตั้งแต่ Terabytes, Petabytes ไปจนถึง Exabytes ซึ่งมากเกินกว่าที่ฐานข้อมูลดั้งเดิมจะรองรับได้ ทำให้ธุรกิจจำเป็นต้องใช้ระบบ Cloud Storage หรือ Distributed Database เพื่อเก็บและจัดการ ตัวอย่างเช่น

  • ข้อมูลธุรกรรมหลายพันล้านครั้งที่เกิดขึ้นในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทุกวัน

  • Log จากอุปกรณ์ IoT ที่ส่งข้อมูลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

  • วิดีโอและภาพถ่ายที่อัปโหลดขึ้น YouTube และ Instagram ในทุก ๆ นาที

2. Velocity (ความเร็ว)

ความเร็วในการสร้างและไหลเข้ามาของข้อมูลเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยปัจจุบัน ข้อมูลจำนวนมากเกิดขึ้นแบบ Real-time หรืออย่างน้อยที่สุดคือ Near Real-time ทำให้ธุรกิจต้องใช้เทคโนโลยีอย่าง Stream Processing (Kafka, Spark Streaming) แทนการประมวลผลแบบ Batch ที่ล่าช้า ตัวอย่างเช่น

  • ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย (โพสต์บน X หรือคอมเมนต์บน Facebook)

  • การอัปเดตตำแหน่งรถส่งของ Grab / LINE MAN ที่ต้องปรับเส้นทางตลอดเวลา

  • การทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน Mobile Banking ที่ต้องตรวจสอบทันทีเพื่อป้องกันการโกง

3. Variety (ความหลากหลาย)

Big Data ไม่ได้มีเพียงข้อมูลเชิงโครงสร้าง (Structured Data) อย่างข้อมูลลูกค้าในตาราง Excel เท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อมูลไร้โครงสร้าง (Unstructured Data) และกึ่งโครงสร้าง (Semi-structured Data) ด้วย ความหลากหลายนี้ทำให้การจัดเก็บและการประมวลผลต้องอาศัยเครื่องมือเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น NoSQL, Data Lake, หรือ Machine Learning ในการดึงคุณค่าของข้อมูลออกมา ตัวอย่างเช่น

  • ข้อความ (Text) จากรีวิวสินค้า

  • รูปภาพและวิดีโอที่โพสต์บน TikTok

  • ไฟล์เสียงจากระบบ Call Center

  • ข้อมูลจาก Sensor เช่น GPS, อุณหภูมิ หรือความดัน

4. Veracity (ความถูกต้อง)

ข้อมูลจำนวนมากอาจมี Noise (ข้อมูลรบกวน) Missing Value (ข้อมูลหาย) หรือ Bias (ความลำเอียง) หากนำไปใช้โดยไม่ตรวจสอบอาจทำให้การวิเคราะห์ผิดพลาด ธุรกิจจึงต้องมีการทำ Data Cleansing และ Data Governance เพื่อลดความเสี่ยงและยกระดับคุณภาพของข้อมูล ตัวอย่างเช่น

  • การเก็บข้อมูลจากโซเชียลมีเดียที่บางครั้งเป็นข่าวลวง (Fake News)

  • การบันทึกข้อมูลเซนเซอร์ที่ผิดเพี้ยนเพราะอุปกรณ์เสียหาย

  • ข้อมูลลูกค้าที่ซ้ำซ้อนหรือล้าสมัย

5. Value (คุณค่า)

ท้ายที่สุด สิ่งที่ทำให้ Big Data มีความหมายคือคุณค่าที่สามารถนำไปต่อยอดได้ เปลี่ยนข้อมูลที่กระจัดกระจายให้กลายเป็น Insight ที่นำไปสู่การตัดสินใจและสร้างรายได้จริง ไม่ว่าจะเป็น

  • การทำ Personalization เช่น การแนะนำสินค้าบน Lazada หรือ Netflix

  • การคาดการณ์แนวโน้ม เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อวางกลยุทธ์การตลาด

  • การสร้างนวัตกรรมใหม่ เช่น การออกแบบแพ็กเกจประกันที่คิดค่าเบี้ยประกันภัยตามการใช้งานจริง 


ทำไม Big Data คือขุมทรัพย์สำหรับธุรกิจยุคใหม่

ทำให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง (360-Degree Customer View)

ความสำคัญของ Big Data คือการทำให้ธุรกิจสามารถเห็นภาพรวมของลูกค้าได้แบบครบวงจร (Holistic View) ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการค้นหา ประวัติการโต้ตอบกับแคมเปญการตลาด การกดไลก์หรือแชร์บนโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงรีวิวหลังการใช้งาน เมื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ร่วมกัน จะได้ Customer Persona ที่ละเอียดขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถออกแบบโปรโมชันเฉพาะบุคคล (Personalized Offer) ส่งข้อความการตลาดที่ตรงกับความสนใจของผู้บริโภค (Targeted Marketing) และพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (Omnichannel)

ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดต้นทุน (Operational Efficiency)

นอกจากด้านการตลาดแล้ว Big Data ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปฏิบัติการ เช่น การตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องจักรแบบ Real-time เพื่อลด Downtime การใช้ Predictive Maintenance คาดการณ์ว่าเครื่องจักรจะเสียเมื่อไหร่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการซ่อมฉุกเฉิน หรือการปรับเส้นทางการขนส่งให้สั้นและคุ้มค่าที่สุดเพื่อลดค่าเชื้อเพลิง

สามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตรงใจผู้บริโภค (Product Innovation)

ข้อมูลเชิงลึกจากการใช้งานจริงของลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจรู้ว่าสิ่งที่ “ตลาดต้องการ” แตกต่างจากสิ่งที่ธุรกิจ “คิดว่าใช่” อย่างไร ทำให้การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น โดยสามารถวิเคราะห์ได้จากรีวิวสินค้าออนไลน์ เพื่อหาจุดแข็งและจุดอ่อนที่ลูกค้าพูดถึงบ่อย หรือการใช้ข้อมูลจากการใช้งานจริง เช่น เวลาในการใช้งานแอปพลิเคชัน หรือฟังก์ชันที่ลูกค้าคลิกบ่อย เพื่อพัฒนาคุณสมบัติใหม่ที่ตอบโจทย์

ทำให้การตัดสินใจเฉียบคมและแม่นยำขึ้น (Data-Driven Decision Making)

หนึ่งในคุณค่าหลักของ Big Data คือ การทำให้ธุรกิจเปลี่ยนจากการตัดสินใจบนสัญชาตญาณ ไปสู่การตัดสินใจบนหลักฐานเชิงข้อมูล ยิ่งมีข้อมูลที่หลากหลายและน่าเชื่อถือมากเท่าไร ธุรกิจก็จะยิ่งสามารถวางกลยุทธ์ที่แม่นยำได้มากขึ้นเท่านั้น เช่น การใช้ข้อมูลยอดขายและเทรนด์ผู้บริโภคเพื่อคาดการณ์ความต้องการสินค้าในอนาคต หรือการใช้ Data Visualization เพื่อช่วยผู้บริหารเห็นภาพรวมของธุรกิจแบบ Real-time

Case Study: ตัวอย่างการใช้ Big Data ที่เปลี่ยนโลกธุรกิจในไทย

ธุรกิจค้าปลีก

ธุรกิจค้าปลีกถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่นำ Big Data มาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลจากการซื้อสินค้าของผู้บริโภคจะถูกเก็บและนำมาวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องในทุกสาขา ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจในหลากหลายมิติ ดังนี้

  • การจัดสต๊อกสินค้า (Inventory Optimization) สินค้าขายดีในบางพื้นที่อาจไม่ตรงกับอีกพื้นที่ เช่น น้ำดื่มยี่ห้อหนึ่งอาจขายดีใกล้สถานศึกษา แต่ไม่เป็นที่นิยมในเขตสำนักงาน Big Data ช่วยให้การสต๊อกตรงตามความต้องการจริง ลดการขาดแคลนและการตกรุ่นของสินค้า

  • การออกโปรโมชันที่ตรงจุด (Targeted Promotion) การวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อช่วยให้ธุรกิจสามารถออกโปรโมชันได้ตรงกลุ่มมากขึ้น

  • การเลือกทำเลสาขาใหม่โดยใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ (Location Data) เช่น การจราจร ปริมาณคนสัญจร และประชากรในพื้นที่ เพื่อวางแผนเปิดร้านใหม่

ธุรกิจโทรคมนาคม

ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในไทยต่างใช้ Big Data เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าและเพิ่มรายได้ โดยเน้นไปที่ข้อมูลการใช้งานเครือข่ายและพฤติกรรมดิจิทัล เช่น

  • การพัฒนาเครือข่าย (Network Optimization) วิเคราะห์ปริมาณการใช้งาน Data, Voice และการสตรีมมิงในแต่ละพื้นที่ เพื่อนำไปปรับปรุงคุณภาพสัญญาณให้สอดคล้องกับความหนาแน่นของผู้ใช้ เช่น การเพิ่มเสาสัญญาณในย่านที่มีการใช้งานสูง

  • การออกแพ็กเกจเฉพาะกลุ่ม ใช้ข้อมูลพฤติกรรมเพื่อออกแบบแพ็กเกจที่ตอบโจทย์ เช่น กลุ่มที่ใช้ Data สูงสำหรับความบันเทิงออนไลน์

  • การป้องกันการยกเลิกบริการ (Churn Prediction) การวิเคราะห์สัญญาณจากลูกค้าที่มีแนวโน้มจะย้ายค่าย เช่น การใช้งานลดลงต่อเนื่อง ทำให้สามารถนำเสนอข้อเสนอพิเศษเพื่อรักษาลูกค้าได้

ธุรกิจขนส่งและบริการเดลิเวอรี

แพลตฟอร์มด้านการขนส่งและอาหารเดลิเวอรีพึ่งพา Big Data อย่างมาก โดยข้อมูล Real-time จากทั้งฝั่งผู้ขับและผู้ใช้บริการถูกนำมาประมวลผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็น

  • การคำนวณเส้นทาง (Route Optimization) ระบบวิเคราะห์ข้อมูลจราจรแบบ Real-time  สภาพอากาศ และตำแหน่งของผู้ขับ เพื่อเลือกเส้นทางที่เร็วที่สุด ลดเวลารอคอยและประหยัดค่าเชื้อเพลิง

  • การกำหนดราคาแบบไดนามิก (Dynamic Pricing) เมื่อความต้องการสูง เช่น ฝนตกหรือช่วงมื้ออาหาร ระบบจะปรับราคาค่าบริการโดยอัตโนมัติให้สมดุลระหว่างผู้ขับกับผู้ใช้

  • การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค ข้อมูลการสั่งซื้อช่วยให้ธุรกิจรู้ว่าลูกค้าในแต่ละพื้นที่นิยมสินค้าและบริการประเภทใด เพื่อปรับกลยุทธ์ให้ตรงกับความต้องการ

อาชีพในสายงาน Big Data: Data Scientist vs. Data Analyst ต่างกันอย่างไร?

ในยุคที่ Big Data คือทรัพยากรเชิงกลยุทธ์ ความต้องการบุคลากรที่สามารถจัดการและแปลความหมายของข้อมูลจึงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะ 2 ตำแหน่งที่มักถูกพูดถึงมากที่สุด คือ Data Scientist และ Data Analyst

Data Scientist นักสร้างโมเดลและผู้คิดค้นนวัตกรรมข้อมูล

  • บทบาทหลัก: ออกแบบและพัฒนาโมเดล Machine Learning พร้อมทั้งสร้างอัลกอริทึมที่ซับซ้อนเพื่อทำนายแนวโน้ม

  • ทักษะที่ต้องมี: การเขียนโค้ด (Python, R) การทำงานกับ Big Data Framework (Hadoop, Spark) ความรู้ด้าน AI/ML และสถิติขั้นสูง รวมถึงความสามารถในการสร้าง Predictive Model หรือ Recommendation System

  • ตัวอย่างงาน: คาดการณ์พฤติกรรมลูกค้าเพื่อทำการตลาดเชิงรุก วิเคราะห์ความเสี่ยงของการปล่อยสินเชื่อในสถาบันการเงิน และพัฒนาระบบแนะนำสินค้าอัตโนมัติ (Recommendation Engine) เช่น ของ Lazada หรือ Netflix

Data Analyst นักตีความข้อมูลและผู้สนับสนุนการตัดสินใจ

  • บทบาทหลัก: ทำงานกับข้อมูลที่ผ่านการจัดเก็บมาแล้ว เพื่อแปลงเป็น Insight ที่เข้าใจง่าย และสื่อสารกับผู้บริหารหรือทีมงานผ่านรายงาน แดชบอร์ด และ Visualization

  • ทักษะที่ต้องมี: ความเชี่ยวชาญด้าน SQL, Excel, เครื่องมือ BI เช่น Power BI หรือ Tableau, ความเข้าใจพื้นฐานด้านสถิติ และทักษะการเล่าเรื่องด้วยข้อมูล (Data Storytelling)

  • ตัวอย่างงาน: สรุปยอดขายรายเดือนและวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้ยอดขายเพิ่ม/ลด ทำ A/B Testing เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาด และวิเคราะห์ข้อมูลพนักงานเพื่อตัดสินใจด้าน HR เช่น การลาออก หรือการประเมินผลงาน

สรุปความแตกต่าง

  • Data Scientist คือ “นักสร้างเครื่องมือ” ผู้ใช้เทคนิคขั้นสูงเพื่อสร้างโมเดลที่ทำนายและแนะนำสิ่งใหม่

  • Data Analyst คือ “นักตีความข้อมูล” ผู้ทำให้ข้อมูลซับซ้อนกลายเป็นข้อสรุปที่นำมาใช้งานต่อได้ทันที

ทั้งสองสายงานต่างเป็นฟันเฟืองสำคัญขององค์กรยุค Data-driven โดย Data Analyst ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วน Data Scientist ช่วยให้ธุรกิจรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรต่อไป


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Big Data (FAQ)

ธุรกิจ SME จะเริ่มต้นกับ Big Data ได้อย่างไร?

สามารถเริ่มจากการเก็บและใช้ข้อมูลที่มีอยู่ เช่น ยอดขาย ลูกค้า และพฤติกรรมการซื้อ จากนั้นค่อย ๆ ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ราคาย่อมเยา (เช่น Google Data Studio, Power BI)

Big Data เกี่ยวข้องกับ AI และ Machine Learning อย่างไร?

AI และ Machine Learning คือเครื่องมือที่ช่วยให้ Big Data มีพลังมากขึ้น เพราะสามารถเรียนรู้และทำนายผลลัพธ์จากข้อมูลมหาศาลได้โดยอัตโนมัติ

เรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (Data Privacy & PDPA) เกี่ยวกับ Big Data อย่างไร?

ธุรกิจต้องปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA โดยเก็บ ใช้ และประมวลผลข้อมูลอย่างโปร่งใส รวมถึงมีการขอความยินยอม และปกป้องข้อมูลลูกค้าอย่างรัดกุม


บทสรุป: จากข้อมูลสู่ความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน

ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล ข้อมูลคือสินทรัพย์ที่มีค่ามากกว่าน้ำมัน ดังนั้น องค์กรที่สามารถแปลง Big Data ให้เป็นกลยุทธ์เชิงรุกได้จะมีความได้เปรียบอย่างมหาศาล ในขณะที่ธุรกิจที่ยังพึ่งพาการตัดสินใจแบบเดิม ๆ อาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะความสำคัญของ Big Data ไม่ใช่แค่เพียงการเป็น “ข้อมูลขนาดใหญ่” แต่คือเครื่องมือเปลี่ยนเกมธุรกิจในศตวรรษที่ 21 และในปี 2025 เป็นต้นไป จึงไม่ผิดหากจะกล่าวว่า ผู้ชนะคือตัวจริงที่รู้จักใช้ข้อมูลอย่างมีกลยุทธ์


ข้อมูลอ้างอิง

  1. Data Drives the World. You Need to Understand It. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 จาก https://time.com/6108001/data-protection-richard-stengel/.  

  2. What are the 5 V's of Big Data?. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 จาก https://www.teradata.com/glossary/what-are-the-5-v-s-of-big-data

  3. Unlocking the Potential of Big Data in Thailand. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 จาก https://data-espresso.com/unlocking-the-potential-of-big-data-in-thailand/

  4. Data Scientist vs. Data Analyst: Which Role Fits You Best?. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 จาก https://ischool.syracuse.edu/data-scientist-vs-data-analyst/

  5. 4 แนวทางทำ Big Data Analytics ตอบโจทย์ยุค PDPA มาแรง พลิกอุปสรรคการจัดเก็บข้อมูล ให้เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืน. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 จาก https://www.blendata.co/4 -แนวทางทำ-big-data-analytics-ตอบโจทย์ยุค-pdpa/


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

Big Data คืออะไร? สุดยอดคู่มือฉบับสมบูรณ์ อัปเดต 2025

Big Data คืออะไร? สุดยอดคู่มือฉบับสมบูรณ์ อัปเดต 2025

รู้หรือไม่ว่า ทุก ๆ 1 วินาที โลกของเรามีข้อมูลเกิดขึ้นใหม่มากกว่า 1.7 MB ต่อคน? ไม่ว่าจะเป็นการไถดูฟีดบน Facebook การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์…
pin
0 | 27/10/2025
Sustainability (ความยั่งยืน) คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่ออนาคตของโลกและธุรกิจ [อัปเดต 2025]

Sustainability (ความยั่งยืน) คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่ออนาคตของโลกและธุรกิจ [อัปเดต 2025]

ในโลกธุรกิจยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งวิกฤตสิ่งแวดล้อม วิกฤตภูมิอากาศ และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเติบโตที่แท้จริงจึงไม่สามารถวัดได้ด้วยตัวเลขในบัญชีเพียงอย่างเดียว…
pin
0 | 27/10/2025
Net Zero คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ [อัปเดต 2025]

Net Zero คืออะไร? คู่มือฉบับสมบูรณ์สู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ [อัปเดต 2025]

รายงานล่าสุดจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เผยสถิติที่น่าตกใจว่าปี 2024 เป็นปีที่โลกร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยมีการบันทึกมา อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในบางช่วงเวลาได้สูงเกินขีดจำกัด…
pin
1 | 27/10/2025
Big Data คืออะไร? สุดยอดคู่มือฉบับสมบูรณ์ อัปเดต 2025